ตำรวจ บก.ปอท.กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือ CIB รวบแก๊งหลอกขายปุ๋ยยี่ห้อดัง พบเดือนเดียวมีเงินหมุนเวียนกว่า 5 ล้านบาท
วันนี้ (19 มิ.ย.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) หรือ CIB มอบหมายให้ พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พ.ต.อ.วัชรพันธ์ ศิริพากย์ พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท., พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ รอง ผกก.2 บก.ปอท. พ.ต.ท.ชัยเวง พาด้วง สว.กก.2 บก.ปอท. พ.ต.ต.ลัทธพล อัครปัญญา สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปอท.นำกำลังจับกุม นายแทน อายุ 50 ปี และ น.ส.หญิงแสงอรุณ อายุ 42 ปี ทั้งสองเป็นบุคคลไม่มีสัญชาติ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 3293-3294/2568 ลงวันที่ 9 มิ.ย.2568 ตามลำดับ ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงน้ำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วนหรือข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบโดยการตกลงแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันเป็นอั้งยี่ จับกุมได้ในพื้นที่ จ.เชียงราย
ทั้งนี้ เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก รวมตัวกันเข้าแจ้งความตำรวจ ว่าถูกมิจฉาชีพหลอกให้ซื้อปุ๋ยยี่ห้อดัง ผ่านบัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อ “ปุ๋ยตรามงกุฎ ราคาโรงงาน” แต่หลังจากโอนเงินไปแล้ว กลับไม่ได้รับสินค้าแต่อย่างใด เมื่อทวงถามก็จะถูกแอดมินเพจดังกล่าวบล็อคแชตทันที ต่อมาตำรวจ กก.2 บก.ปอท.ได้สืบสวนจนพบว่า
กลุ่มคนร้ายได้ร่วมกันใช้เพจเฟซบุ๊กดังกล่าว โดยนำรูปภาพสินค้าปุ๋ย มาโพสต์ขายในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด และบางครั้งก็สร้างแรงจูงใจด้วยการจัดโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม
จากการสืบสวนพบว่าคนร้ายใช้บริการประกาศโฆษณา (Meta ads) เพื่อให้ประชาชนทั่วไปพบเห็นได้ง่าย และหลงเชื่อ ติดต่อซื้อปุ๋ย พร้อมทั้งโอนเงินให้กับกลุ่มมิจฉาชีพกลุ่มนี้ ซึ่งสุดท้ายไม่มีการจัดส่งสินค้าจริง เบื้องต้นภายใน 1 เดือน พบยอดเงินหมุนเวียนรวมกันมากกว่า 5 ล้านบาท และจากการตรวจสอบ ยังพบอีกว่ามีการแจ้งความในระบบแจ้งความออนไลน์ 17 คดี ที่มีพฤติการณ์สร้างเพจปลอมหลอกลวงขายสินค้าและบริการอื่นๆ เช่น ขายรองเท้า, ที่พักรีสอร์ท, ซิมโทรศัพท์, โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
เบื้องต้นพบว่ากลุ่มคนร้ายมีการยักย้ายถ่ายเทเงินไปยังบัญชีธนาคารต่างๆ ก่อนที่จะส่งต่อให้ผู้ต้องหา 2 รายนี้ ทำหน้าที่ตระเวนถอนเงินสดจากตู้ฝาก-ถอนเงิน อัตโนมัติ ภายในพื้นที่ จ.เชียงราย ทางตำรวจ กก.2 บก.ปอท.จึงขออำนาจศาลออกหมายผู้ต้องหาทั้งสอง
ต่อมาเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2568 เจ้าหน้าที่ได้บูรณาการกำลังร่วมกับ ตม.เชียงราย เข้าตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่ ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย และสามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองไว้ได้ พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ 18 รายการ , บัญชีธนาคาร 8 เล่ม , บัตรอิเล็กทรอนิกส์ธนาคารต่างๆ 12 ใบ , เครื่องแต่งกายที่ใช้ในการถอนเงินสด , สลิปการถอนเงินสด และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ เช่น เงินสด , ทองคำรูปพรรณ รวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท
สอบสวนผู้ต้องหาทั้งสอง รับสารภาพว่า เมื่อประมาณต้นปี 2568 ได้รู้จักกับหญิงชาวเมียนมา ซึ่งทำงานให้กับนายทุนชาวจีนที่ควบคุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่าจ้างให้ถอนเงินสดจากบัญชีธนาคาร โดยจะให้ค่าตอบแทน 1% ของจำนวนเงินที่ถอนได้ โดยหญิงชาวเมียนมา จะส่งบัตรเอทีเอ็ม ที่ใช้ในการถอนเงินสด มาให้ และทุกครั้งที่มีเงินเข้าบัญชีธนาคาร หญิงชาวเมียนมา จะแจ้งให้ถอนเงิน โดยจะตระเวนถอนเงินจากตู้เอทีเอ็ม หลายแห่งในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย แล้วนำเงินสดไปให้หญิงชาวเมียนมา ที่บริเวณชายแดนด่านแม่สาย ที่ผ่านมาประมาณ 1 เดือน ได้ตระเวนถอนเงินสดไปแล้วประมาณ 1 ล้านบาท
015
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี