ยธ.มอบเงินเยียวยาตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 7.5 แสนบาท ให้ครอบครัว 2 พลทหารถูกซ้อมทรมานจนเสียชีวิต ตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ
วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่บริเวณศูนย์บริการร่วม อาคารกระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียหายตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ประเทศไทย โดยมี น.ส.เอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ พร้อมผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ร่วมเป็นสักขีพยาน โดยมอบเงินช่วยเหลือแก่ครอบครัวผู้เสียหาย 2 ราย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 750,000 บาท พร้อมกับการช่วยเหลือในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ตัวเงิน เพื่อเยียวยาทั้งทางกายและใจของครอบครัวผู้สูญเสีย ประกอบด้วย 1.ครอบครัวพลทหารกิตติธร เวียงบรรพต ซึ่งพลทหารกิตติธร สังกัดหน่วยฝึกทหารใหม่ ค่ายเม็งรายมหาราช จังหวัดเชียงราย เสียชีวิตจากการถูกครูฝึกสั่งลงโทษจนป่วยหนักและไม่ได้รับการรักษาพยา บาล คณะอนุกรรมการช่วยเหลือเยียวยาฯ มีมติให้ทายาทได้รับเงินช่วยเหลือกรณีถูกกระทำที่โหดร้ายฯ จำนวน 250,000 บาท ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดสำหรับกรณีนี้ นอกจากเงินช่วยเหลือแล้ว ครอบครัวยังได้รับการประสานให้ผู้กระทำความผิดขอโทษผู้เสียหายโดยเปิดเผยต่อสาธารณะ และมีการฟื้นฟูด้านจิตใจแก่ครอบครัว
ส่วนของคดีความพนักงานอัยการได้มีคำสั่งฟ้องครูฝึกทหาร 2 นาย ต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ ในข้อหาร่วมกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ตามมาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
2.ครอบครัวพลทหารวรปรัชญ์ พัดมาสกุล พลทหารวรปรัชญ์ สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ค่ายนวมินทราชินี จังหวัดชลบุรี เสียชีวิตจากการถูกครูฝึก 2 นาย และผู้ช่วยครูฝึก 11 นาย ร่วมกันทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง คณะอนุกรรมการช่วยเหลือเยียวยาฯ มีมติให้ทายาทได้รับเงินช่วยเหลือกรณีถูกกระทำทรมาน จำนวน 500,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีการช่วยเหลือในรูปแบบอื่น เช่น การประสานงานและให้คำปรึกษาทางกฎหมาย การฟื้นฟูด้านจิตใจแก่ครอบครัว และการประสานหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อกำชับการปฏิบัติงาน
ส่วนของคดีความ ทางศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 2 จังหวัดระยอง ได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 13 คน โดยจำเลยที่ 1 (ครูฝึก) ถูกจำคุก 20 ปี ฐานกระทำการทรมาน, จำเลยที่ 2 (ครูฝึก) ถูกจำคุก 15 ปี ฐานกระทำการทรมาน และจำเลยที่ 3-13 (ผู้ช่วยครูฝึก) ถูกจำคุกคนละ 10 ปี ฐานกระทำการทรมาน
พ.ต.อ.ทวี กล่าวภายหลังมอบเงินเยียวยาฯ ว่า พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ซึ่งมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2565 ขณะนี้มีระเบียบรองรับที่สมบูรณ์แล้ว โดยเฉพาะระเบียบว่าด้วยการเยียวยาด้านการเงิน ซึ่งผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจากกรมบัญชีกลางและกระทรวงการคลัง รวมถึงการศึกษาและวิเคราะห์เพื่อให้เกิดความสมดุลกับบริบทของประเทศ ไทย ซึ่งสองกรณีที่มอบเงินเยียว ยาในวันนี้เป็นเคสแรกที่ใช้ระเบียบนี้
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า กฎหมายนี้มีความสมบูรณ์ ไม่เพียงแต่ในมิติทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลพร้อมปกป้องคุ้มครองประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน อีกทั้งด้านการช่วยเหลือเยียวยาและการดำเนินคดีอาญา จะมีหน่วยงานสหวิชาชีพ เช่น ตำรวจ อัยการ DSI และกรมการปกครอง ที่สามารถสอบสวนเรื่องเหล่านี้ได้ ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว ขณะที่ภาพรวมของการร้องเรียนเจ้าหน้าที่รัฐหลังจากมี พ.ร.บ.ฉบับนี้ ก็มีแนวโน้มลดลงซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีและคาดหวังว่ากฎหมายนี้จะช่วยปกป้องประชา ชนได้อย่างแท้จริง โดยกระทรวงยุติธรรมมุ่งมั่นที่จะยึดมั่นในหลักการ “เคารพชีวิต ใช้สิทธิตามกฎ หมาย ขจัดการอุ้มหายและทรมาน” เพื่อสร้างความเป็นธรรมและป้องกันเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
015
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี