“พรรคเพื่อไทย”ทำทันที โพสต์ประกาศสธ.ควบคุม“กัญชา”ไม่เสรีอีกต่อไป เน้นใช้ทางการแพทย์ ห้ามจำหน่ายหากไม่มีใบอนุญาต ไม่เว้นช่องทางออนไลน์ เครือข่ายกัญชาเดือด!ค้านประกาศ สธ.นัด 7 ก.ค.บุกกระทรวงสาธารณสุข ฟาด‘สมศักดิ์’ใช้‘กัญชา’เป็นเครื่องมือการเมือง จี้แก้ไขประกาศ หวั่นผูกขาดหมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคืนวันที่ 24 มิถุนายน 2568 เพจเฟซบุ๊ก“พรรคเพื่อไทย” โพสต์รายละเอียด ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) ปี 2568 โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ใจความสำคัญ ได้แก่ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 2565 และให้กัญชาเฉพาะส่วนของช่อดอก เป็นสมุนไพรควบคุม หากมีใครอยากที่จะศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือ แปรรูป ต้องได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 46 และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข เช่น ต้องรายงานข้อมูลตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนดหรือหากอยากจะจำหน่ายต้องมีใบอนุญาตตามมาตรา 46 เท่านั้นและการจำหน่ายต้องมาจากแหล่งที่ได้รับมาตรฐานการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวที่ดีจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
นอกจากนี้ยังระบุห้ามจำหน่ายในสถานที่ประกอบการ เว้นแต่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมาย ห้ามจำหน่าย หรือแปรรูปเพื่อการค้าในตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติหรือผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ห้ามโฆษณาและห้ามจำหน่ายตามสถานที่ต่างๆ อาทิวัด หอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ สวนสนุก เป็นต้น
ทางด้าน เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ออกแถลงการณ์ จากกรณีที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ขีดเส้น 45วัน นำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด หลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาล เครือข่ายฯมองว่าการดำเนินการของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เดินอยู่บนเส้นทางของข้อเท็จจริง หรือฉวยจังหวะแก้แค้นพรรคภูมิใจไทย เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะหากรมว.สาธารณะสุขใช้การเอาชนะทางการเมือง มากำหนดสถานะของพืชสมุนไพรกัญชาจะทำให้ทุกอย่างเบี่ยงเบนจากเส้นทางที่ถูกต้อง นำกัญชากลับสู่ยาเสพติดอีกครั้ง ในขณะนี้พืชกัญชากำลังถูกกลเกมทางการเมืองควบคุม
นอกจากนี้ ทันทีที่พรรคภูมิใจไทยลาออกจากรัฐบาลนายสมศักดิ์ดำเนินกิจกรรมสองประการ คือการออกประกาศกระทรวงฉบับใหม่ และ ปล่อยขบวนตรวจจับกัญชา
เมื่อนายสมศักดิ์ใช้การเมืองมากำหนดนโยบายมาตรการต่างๆจะผิดพลาดและเอื้อประโยชน์แก่บางกลุ่ม พิจารณาได้จากประกาศกระทรวงล่าสุดที่รัฐมนตรี เพิ่งลงนามไปนั้น มีมาตรการคุ้มครองที่อ่อนด้อยกว่าเดิมแต่กลับเพิ่มเงื่อนไขการผูกขาดโดยผู้เชี่ยวชาญเข้าไปแทนที่การคุ้มครองแบบเดิม ประกาศเดิมห้ามจำหน่ายแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า20ปี และห้ามจำหน่ายแก่นักเรียน ถูกตัดทิ้งไป มาตรการใหม่ที่มาแทนระบุว่าผู้ที่ซื้อได้จะต้องมีใบอนุญาตจากแพทย์ มาตรการใหม่นี้ มีจุดอ่อนตรงที่หากนักเรียนหาใบอนุญาตมาได้ ก็สามารถซื้อกัญชาได้ แน่นอนที่สุดว่าใบรับรองจากแพทย์นั้น ซื้อหากันได้
“นายสมศักดิ์ ชอบกฎหมายยาเสพติด ก็เพราะเมื่อนำกัญชาไปขังไว้แล้วก็สามารถออกมาตรการเฉพาะให้กับบุคคลเฉพาะสามารถปลูก แปรรูป จำหน่าย ส่งออกกัญชาได้ นี่คือจุดเริ่มต้นของการผูกขาดกัญชาที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านต่อปี เป้าหมายของนายสมศักดิ์คือจุดนี้ มิใช่ห่วงใยเยาวชนอย่างที่กล่าวอ้างการอยากผูกขาดมูลค่ามหาศาลของกัญชา ประกอบกับการแก้แค้นทางการเมืองวันนี้นายสมศักดิ์จึงเบี่ยงเบนข้อเท็จจริงทุกประการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแห่งตน”
เครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทยมิอาจปล่อยให้นักการเมืองคนหนึ่งใช้กลเกมมาเบี่ยงเบนข้อเท็จจริงของกัญชาเพื่อนำไปสู่การควบคุมเพื่อการผูกขาดภายใต้กฎหมายยาเสพติดจึงขอให้สมศักดิ์ ยุติพฤติกรรมนี้เสีย
โดยเครือข่ายฯขอประกาศภารกิจสำคัญ 2 ประการ 1.ขอแก้ไขประกาศกระทรวงฉบับลงนาม 23 มิถุนายน 2568 โดยขอให้นำหลักการเดิมกลับมาใช้คือ ทุกคนมีสิทธิเข้าถึงกัญชาได้ ภายใต้มาตรการควบคุม เพราะลักการใหม่มาใช้ในร่างประกาศกระทรวงฉบับใหม่แทนที่คือผู้เข้าถึงกัญชาได้จะต้องมีใบผ่านทางโดยการอนุญาตของคนกลุ่มเดียว การมีใบผ่านทางโดยการอนุญาตของผู้ที่ถูกสถาปนาว่าเชี่ยวชาญจะเกิดการทุจริตและการออกใบอนุญาตไม่สะท้อนความเป็นจริงทางการแพทย์แต่อย่างใด และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้
2.ขอให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หยุดเพ้อฝันว่าจะนำกัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด สิ่งที่นายสมศักดิ์ ควรจะต้องรีบดำเนินการคือนำร่าง พ.ร.บ.กัญชาที่หมอชลน่าน รมว.สาธรณสุขคนก่อน จากพรรคเดียวกันซึ่งผ่านการรับฟังความเห็นเรียบร้อยแล้วเข้าสู่คณะรัฐมนตรี สิ่งนี้นายศักดิ์ควรดำเนินการมาตั้งนานแล้ว แต่กลับสร้างวาทกรรมวนเวียนจนรัฐบาลจะสิ้นอายุอีกไม่กี่วันพ.ร.บ.กัญชาก็ยังไม่เดินหน้า ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า สมศักดิ์ เทพสุทิน มีเป้าหมายต่อกัญชาเพื่อการใด
“เครือข่ายฯขอประกาศเชิญชวนทุกท่าน พร้อมกันที่กระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 7 กรกฎาคม 2568 เวลา 13.00น.เพื่อดำเนินภารกิจทั้ง2ประการ และเราตกลงร่วมกันว่าจะมีปฏิบัติการต่อเนื่องจนกว่ารัฐบาลจะเริ่มต้นผลักดันกฎหมาย พ.ร.บ.กัญชาและได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภา” แถลงการณ์ ระบุ
นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา(ตำรับหมอเดชา) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่านายกรัฐมนตรีกล่าวถึงนโยบายเร่งด่วน เกี่ยวกับกัญชาว่าจะนำกลับไปเป็นยาเสพติดอีกรวมทั้งพืชกระท่อมก็จะนำกลับไปเป็นยาเสพติดด้วย ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายกรัฐมนตรีในช่วงนี้ การออกมาเร่งรีบทำเรื่องกัญชา (ซึ่งไม่ใช่เรื่องสำคัญและเร่งด่วน)มีอยู่ 2 เหตุผลเท่านั้น เหตุผลแรก...ถูกกดดันจากผู้เสียผลประโยชน์จากกัญชา(เช่นเหล้า เบียร์ ธุรกิจยาฯลฯ)เพราะได้มีข้อตกลงกันไว้ว่าจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดจึงต้องรีบทำก่อนเรื่องอื่นส่วน”ข้อตกลง”ดังกล่าว จะมีการรับ”อะไร”จากฝ่ายที่มากดดัน หรือไม่นั้น...ผมไม่รู้ ส่วนเหตุผลที่สอง หากไมมีการ “กดดัน” จากฝ่ายเสียผลประโยชน์ แต่เป็นการคิดทำเอง โดยเชื่อว่า เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน ต้องทำให้ได้ ก่อนเรื่องอื่นๆ (แม้แต่เรื่องตั้งรัฐบาล) หากเป็นเช่นนั้น เหตุผลที่สอง (สุดท้าย)... ก็เป็นไปได้แค่อย่างเดียว นั่นคือ... เกิดจาก “ระดับ สติปัญญา” ของนายกรัฐมนตรี คนนี้...ซึ่งประชาชนไทยส่วนใหญ่ ทราบดีว่า... อยู่ในระดับไหน
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการป.ป.ส.เปิดเผยกรณีประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม(กัญชา)พ.ศ.2568ว่า
การดำเนินมาตรการต่างๆเกี่ยวกับกัญชาและพืชกระท่อม ถือเป็นเรื่องของรัฐบาล ส่วนสำนักงานป.ป.ส.เป็นหน่วยงานของรัฐพร้อมปฏิบัติตามนโยบายและมีหน้าที่จัดทำข้อมูลเชิงวิชาการ เสนอข้อเท็จจริงว่ากัญชาและพืชกระท่อม หลังปลดล็อกจากยาเสพติดมีผู้มาใช้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับกรณีผู้ประกอบการเอกชนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชานั้น ต้องรอนโยบายที่ชัดเจนจากรัฐบาล หากมีแนวทางช่วยเหลือ หรือมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการก็จะเป็นนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขในการดำเนินการ แต่ยืนยันให้ใช้ทางการแพทย์ ทั้งนี้ ปัจจุบันช่อดอกกัญชายังคงถูกควบคุมและหากมีนโยบายให้นำกัญชากลับเป็นยาเสพติดอย่างเต็มรูปแบบ ต้องรอประกาศอย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง โดยสำนักงาน ป.ป.ส.จะเป็นหน่วยงานหลักในการบังคับใช้กฎหมาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี