ชาวนา-เกษตรกรรมริมน้ำกกสุดเคว้งคว้าง-ไร้รัฐเหลียวแลเยียวยา ทีมสส.ปชน.ลงพื้นที่เก็บข้อมูลผลกระทบสารปนเปื้อนในแม่น้ำ “เท้ง” จวกรัฐบาลทำประชาชนสิ้นหวัง
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 คณะสส.พรรคประชาชน(ปชน.)นำโดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค น.ส.จุฬาลักษณ์ ขันสุธรรม สส.เชียงราย นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.จังหวัดเชียงใหม่และรองโฆษกพรรค ได้ลงพื้นที่ลุ่มแม่น้ำกก อ.เมือง จ.เชียงราย เพื่อเก็บข้อมูลและรับฟังปัญหาจากชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากกรณีที่สารโลหะหนักคือสารหนู ตะกั่วและแมงกานีส ปนเปื้อนเกินมาตรฐานในแม่น้ำกก โดยจุดแรกที่เดินทางไปรับฟังปัญหาคือที่บ้านฟาร์มสัมพันธกิจ
นางบัวผัด แสนมงคล ประธานกลุ่มผู้สูงอายุบ้านฟาร์ม กล่าวว่า พบความผิดปกติของต้นข้าวและเมล็ดข้าว โดยต้นข้าวไม่งาม แม้ใส่ปุ๋ยเพิ่มจากปกติไร่ละ 1 ลูก ทั้งหมด 4 ไร่ และพ่นฮอร์โมน เพิ่มอีก 1-2 ไร่ แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย จากปกติได้ผลผลิตไร่ละกว่า 1 ตันโดย 4 ไร่ ได้ประมาณ 5 ตัน แต่ปีนี้ได้เพียงกว่า 3 ตัน สังเกตได้ว่าดินที่มากับน้ำท่วม (เมื่อปี 2567) มีสีคล้ายปูนมีความเหนียวเกาะกันเป็นแผ่น เมื่อโดนเสื้อผ้าจะยุ่ยเสียหาย
“มีรวงไม่มีเมล็ดข้าว เป็นข้าวลีบ ได้ครึ่งต่อครึ่ง และยังเป็นข้าวคุณภาพต่ำ ทำให้ขายไม่ได้ราคา จากเดิมที่ขายได้กก. 13 บาทกว่า แต่ปีนี้ขายได้ 8 บาท บางคนขายได้ 5 บาท เท่านั้น” นางบัวผัด กล่าว
นายมงคล มาริน สารวัตรกำนัน ต.ริมกก กล่าวว่า หลังน้ำท่วมเดือนกันยายน ข้าวนาปี 2567 ผลผลิตเสียหายไปเกือบ 70-80 เปอร์เซ็นต์ สังเกตว่าดินมีสีแดงขึ้น และน้ำในลำเหมืองเริ่มเป็นสีคล้ำ เหมือนน้ำเสีย คล้ายน้ำล้างปูน และเริ่มปลูกข้าวนาปรัง 2568 เดือนมกราคม เริ่มหว่านเดือนกุมภาพันธ์ มีทั้งหมด 16 ไร่ เป็นนาหว่านตม หลัง 10 วันข้าวงอก ต่อมาอีก 10 วัน ข้าวออกสีเหลืองเริ่มตายเป็นหย่อมๆ ต้นข้าวโตแต่เมล็ดลีบไม่สมบูรณ์
”ตอนนี้ผมไม่เอาอะไรแล้ว ยกให้เขาไปเลย เพราะค่าจ้างรถเกี่ยว 500 บาทต่อไร่ ค่าปุ๋ย 880บาท ต่อกระสอบ ค่าปั่นนาไร่ละ 1,000-1,200บาท ค่าโดรนพ่นยา ไร่ละ 100 บาท ค่าเช่านา 1,000 บาท ถ้าหว่าน เมล็ดพันธุ์ 25 กก. 800 บาท ไร่ละ 14-16 กก. ถ้าปักดำค่าปลูกนาพร้อมเมล็ดพันธุ์ 1,500 บาท ที่นาที่ใช้น้ำชลประทาน 22,000 กว่าไร่ และนานอกชลประทานประมาณ 10,000 ไร่ ตอนนี้เลยจะลดปริมาณนาลงเหลือ 7 ไร่ ที่จำเป็นต้องเสี่ยงทำ แต่ก็ยังไม่มีคำแนะนำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบันงบชดเชยน้ำท่วม 1,300 กว่าบาทต่อไร่ ที่เสียหายทั้งตำบล ยังไม่ได้รับการชดเชยเลย” นายมลคล กล่าว
นางเพ็ญศรี ดวงสุวรรณ์ เกษตรกรเลี้ยงปลา กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือปูหายไปจากนา จากเมื่อก่อนวันหนึ่งๆ จับปูได้ 2-3 ถังใหญ่ แต่ตอนนี้ทั้งวันเห็น 2-3 ตัว ปลาเล็กปลาน้อยหายไปจากท้องนา เหลือปริมาณน้อยลง ตอนนี้ขอเงินเยียวยา และต้องการให้มาตรวจสภาพดินที่ผิดปกติ และฟื้นฟูสภาพ ดูระบบนิเวศของสัตว์หน้าดินและสัตว์น้ำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแนะนำการดำเนินการที่ไม่ใช้ต้นทุนสูงในการฟื้นฟูให้กับชาวบ้านและเกษตรกร อยากให้หน่วยงานราชการมาแนะนำความรู้ที่พอทำได้ให้สภาพดินที่ทำได้เลยโดยไม่ต้องรอ และตอนนี้่บ่อเลี้ยงที่ถูกน้ำท่วมนำโคลนมาทำให้ตื้นเขินไม่สามารถเลี้ยงปลาได้ และยังไม่กล้านำมาเลี้ยงเหมือนเดิมเพราะลักษณะดินเป็นสีแดง ไม่กล้านำน้ำจากลำเหมืองเลี้ยงปลา แต่ทดลองเลี้ยงในบ่อที่น้ำมีน้ำฝนดูก่อน
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคปชน.ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มารับฟังประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยชาวบ้านเล่าว่าผลผลิตจากการประกอบอาชีพเมื่อนำไปขายมักถูกตั้งคำถามว่ามาจากแม่น้ำกกหรือไม่ ทำให้ขายได้ราคาถูก ดังนั้นรัฐบาลควรรีบแก้ปัญหาที่ต้นตอที่ทำให้เกิดมลพิษคือเหมืองแร่ในรัฐฉาน ซึ่งเราพยายามผลักดันให้เกิดการพูดคุยในเวทีต่างๆ ส่วนการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเบื้องต้นอยากผลักดันให้มีการประกาศเขตผู้ประสบภัยริมแม่น้ำกก เพราะอย่างน้อยเพื่อที่จะจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนได้ และอนาคตอาจต้องใช้งบกลางจ่ายชดเชยและหาแหล่งน้ำบาดาล โดยจะนำข้อมูลที่รวบรวมได้เสนอต่อรัฐบาลต่อไป
“เท่าที่เราเปิดเวทีรับฟัง ประชาชนรู้สึกสิ้นหวังเพราะประสานหน่วยงานครั้งใดก็มาตรวจกันที แถมไม่ได้มาตรฐานที่ตรงกัน ประชาชนจึงไม่สามารถเชื่อถือข้อมูลของรัฐได้ และไม่เห็นการแก้ไขไปข้างหน้าอย่างจริงจัง ตอนนี้เราต้องการให้หน่วยงานของรัฐมีแผนงานที่ชัดเจนและโปร่งใส”นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายภัทรพงษ์ ลัลาภัทร์ สส.จังหวัดเชียงใหม่ และรองโฆษกปชน.กล่าวว่า อยากเร่งให้หยิบยกเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมความร่วมมือแม่น้ำล้านช้างแม่น้ำโขง (Lancang Mekong Corporation-LMC) เพื่อดึงจีนเข้ามา เพราะลำพังการหารือกับเมียนมาอย่างเดียว คงไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับการดึงจีนมาด้วย เพื่อหารือกัน 3 ประเทศไม่ให้ปัญหาสารพิษในแม่น้ำกกลุกลามประสู่ประเทศท้ายน้ำเพิ่มขึ้น และต้องเร่งจัดการฐานข้อมูลของระบบนิเวศ เพราะทุกวันนี้เป็นการตรวจแค่ผิวเผินโดยเฉพาะภาคเกษตร แต่ไม่เห็นตัวเลขการตรวจในพืชผลต่างๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี