เขมรทวงวัตถุโบราณ

จี้ไทยคืนตามข้อตกลง

ย้ำจ่ายค่าขนส่งเอง

แฉ‘อิ๊งค์’เซ็นแล้ว

ศบ.ทก. เผย มาตรการผ่อนผันแรงงานต่างด้าวในไทย ใบอนุญาตหมดอายุอยู่ต่อได้ไม่เสียค่าธรรมเนียม จนกว่าเปิดด่านปกติ ขณะที่ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำยูเอ็นส่งหนังสือถึงเลขาฯ ยูเอ็น ชี้แจงข้อเท็จจริงและท่าทีไทย โต้เขมร หลังร่อนเจตจำนงค์ส่งฟ้องศาลโลก ด้านอดีต มทภ.2 เปิดหลักฐานรั้วปราสาทตาเมือนธมอยู่ฝั่งไทย ทหารไทยถือกุญแจ ก่อนถูกรื้อปี 54 ยุค “ยิ่งลักษณ์”เพื่อฟื้นสัมพันธ์เขมร ขณะที่ รมว.วธ.ของเขมรออกแถลงการณ์ จี้ไทยส่งคืนวัตถุโบราณ 20 รายการ ตามข้อตกลง ลั่นพร้อมออกค่าใช้จ่ายเอง แฉ “อิ๊งค์”ตกลงไว้และกำหนดวันส่งมอบทางการแล้ว ระหว่างไปเยือนพนมเปญช่วง เม.ย.

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก.

ผ่อนผันด่างด้าวใบอนุญาตหมดอายุอยู่ต่อได้

โดย พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า การรายงานผลประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ครั้งที่ผ่านมา 4 ก.ค.68 ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งที่ 6 ยืนยันว่า สมช.มีมติมอบอำนาจให้ศบ.ทก.ดำเนินการแก้ปัญหาความตึงเครียดตามแนวชายแดนให้คลี่คลายลง โดยศบ.ทก.มีอำนาจเต็มในเรื่องการกำหนดมาตรการ รวมไปถึงการเพิ่มมาตรการทางสถานการณ์เลวร้าย หรือผ่อนคลายมาตรการทางสถานการณ์ดีขึ้น โดยเน้นย้ำหลีกเลี่ยงการใช้กำลังทหาร

ส่วนกรณี ศบ.ทก.พยายามมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าแรงงานต่างด้าว พล.ร.ต.สุรสันต์ยืนยันว่า ศบ.ทก.ไม่ได้นิ่งนอนใจ หารือแนวทางผ่อนปรนกับผู้แทนกระทรวงแรงงานและกระทรวงมหาดไทย โดยรายงานความคืบหน้าที่ผ่านมา 4 กรกฎาคม กระทรวงแรงงานโดยกรมการจัดหางาน จัดประชุมบริหารจัดการของคนต่างด้าวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยพิจารณาแก้ไขข้อขัดข้องที่เกิดขึ้นกับคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงานตามมาตรา 64 โดยกระทรวงมหาดไทยจะพิจารณาผ่อนผันแรงงานต่างด้าว ที่มีใบอนุญาตแต่หมดอายุและอยู่ในประเทศไทยอยู่ต่อได้เป็นกรณีพิเศษ โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม จนกว่าด่านชายแดนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ และหลังด่านเปิดเป็นปกติให้คนต่างด้าวเหล่านั้น เดินทางออกนอกราชอาณาจักรภายใน 14 วัน

ขณะที่กระทรวงแรงงานจะออกมาตรการให้คนต่างด้าวยื่นคำขออนุญาตทำงานพร้อมเอกสารและหลักฐานการทำงานต่อในทะเบียนอนุญาต โดยสามารถทำงานได้ครั้งละ 90 วันและต้องต่อใบอนุญาตอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันคนต่างด้าวที่มีงานทำอยู่แล้ว สามารถเปลี่ยนนายจ้างและเพิ่มนายจ้างได้ 3 รายตลอดระยะเวลาในพื้นที่จังหวัดที่คนต่างด้าวนั้นได้รับอนุญาตทำงาน ซึ่งกระทรวงแรงงานจะนำผลประชุมเสนอ

คณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว วันที่ 8 กรกฎาคม ก่อนนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป หากมีการประกาศครม.จะมีผลย้อนหลังให้ถึงวันที่ 7 มิถุนายน 2568

สั่งทูตไทยส่งแจงยูเอ็นปมชายแดน

ด้านนางมาระตีกล่าวถึงมิติการต่างประเทศว่า ตามที่ปรากฏรายงานข่าวในสังคมออนไลน์เมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมา เกี่ยวกับหนังสือของเอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ถึงเลขาธิการสหประชาชาติลงเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2568 แจ้งความประสงค์ของกัมพูชาที่จะฟ้องประเด็นชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ กระทรวงการต่างประเทศสั่งการไปที่เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ให้มีหนังสือเช่นกันถึงเลขาธิการสหประชาชาติแล้ว เพื่อชี้แจงถึงข้อเท็จจริง ตลอดจนท่าทีและการดำเนินการของฝั่งไทยในเรื่องนี้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและหลักสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยธรรม และฝ่ายไทยได้ขอให้เลขาธิการสหประชาชาติเวียนหนังสือชี้แจงของไทย เป็นเอกสารของสำนักงานสหประชาชาติเพื่อให้สมาชิกสหประชาชาติทั้ง 193 ประเทศได้รับทราบเช่นกัน ยืนยันไม่ได้นิ่งนอนใจและชี้แจงจุดยืนเรียบร้อยแล้ว

เปิดหลักฐานตาเมือนธมอยู่ฝั่งไทย

ด้านพล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ซึ่งเคยรับผิดชอบดูแลพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชากล่าวว่า เรายืนยันว่าทั้ง 3 ปราสาทนี้อยู่ในเขตประเทศไทย โดยยึดตามแผนที่ของกองทัพไทยคือ แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายชัดเจน ในช่วงปี 2551 ได้มีรั้วกั้นแนวชายแดน โดยทหารไทยเป็นผู้ถือกุญแจเปิด-ปิดตามเวลา หากนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาจะขึ้นมาเที่ยวที่ปราสาทตามเมืองธม จ.สุรินทร์ ต้องมารับบัตรคิว ก่อนผ่านขึ้นไปเที่ยวบนปราสาท

“ผมถ่ายภาพร่วมกับรมช.กลาโหมกัมพูชา และผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 ในสมัยนั้น ซึ่งได้ถ่ายภาพนี้ไว้ในวันที่ 13 สิงหาคม 2551 ซึ่งยืนอยู่ที่รั้วทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม ฝั่งประเทศไทย มีภาพของ พล.ท.เจีย มอญ ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 พล.ต.กนก ผบ.กกล.สุรนารี (ยศในขณะนั้น) ,พล.อ.เนียง พาด รมช.กลาโหม และ พล.ต.สลัยดึ๊ก (ยศในขณะนั้น) ไว้เป็นหลักฐาน“พล.ท.กนกกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรั้วกันแนวชายแดน ปราสาทตาเมือนธม ถูกรื้อหลังการสู้รบปี2554 เนื่องจากรัฐบาลขณะนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯมีนโยบายรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูา ลดความตึงเครียดชายแดน และส่งเสริมการท่องเที่ยว

คนเขมรแห่ขึ้นปราสาทตาควายผิดปกติ

ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศที่ปราสาทตาควาย มีนักท่องเที่ยวกัมพูชามาท่องเที่ยวมากผิดปกติ โดยมีมากกว่า 200 คน ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาตลอดทั้งวัน โดยชาวกัมพูชา นำเครื่องเซ่นไหว้ เข้าไปในตัวปราสาทควาย บริเวณจุดทำพิธี ระหว่างนั้นมีชายชาวกัมพูชา ขาด้วนหนึ่งข้างอายุ 76 ปี มาจากจังหวัดเสียมเรียบ ใช้ไม้ค้ำประคองตัวเอง เพื่อขึ้นบันไดปราสาท ด้วยความหวังดีคนไทยกลัวว่าชายขาด้วนจะลื่นล้ม เพราะตะไคร้น้ำขึ้นตามบันไดหนาแน่น เลยเตือนว่า “ระวังลื่นล้มน่ะตาเดินดีๆ” ยังไม่ทันพูดจบ แทนที่ชายขาด้วนจะขอบคุณ ตอบกลับมาว่า “ถึงจะล้มก็ล้มบนผืนแผ่นดินกัมพูชา”

นอกจากนี้ เกิดการโต้เถียงกันระหว่างนักท่องเที่ยวเขมรกับไทย รวมถึงทหารฝั่งเขมรและทหารไทย หลังจากนักท่องเที่ยวกัมพูชาเอาผ้าพันคอที่มีสัญลักษณ์ธงชาติกัมพูชาเข้ามาแสดงสัญลักษณ์ เจ้าหน้าที่ไทยห้ามปรามจนเกิดปากเสียงกัน แต่ไม่ได้บานปลายเพียงก่อกวน

เขมรแถลงจี้ไทยส่งคืนโบราณวัตถุ

วันเดียวกัน นางเฟือง สกุณา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ของกัมพูชา ออกจดหมายถึงรัฐบาลไทย เรียกร้องให้เดินหน้ากระบวนการส่งคืนโบราณวัตถุขอม 20 รายการที่เก็บรักษาอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ชักช้า พร้อมยืนยันว่ากัมพูชาจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายขนย้ายทั้งหมดเอง

คำแถลงนี้เกิดขึ้นหลังน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลสั่งหยุดทำหน้าที่นายกฯชั่วคราว และดำรงตำแหน่งรมว.วัฒนธรรมให้สัมภาษณ์ว่า กระบวนการส่งคืนศิลปวัตถุอาจต้องชะลอออกไปก่อน เนื่องจากกรมศิลปากรขาดงบประมาณสำหรับเรื่องนี้โดยเฉพาะ และน.ส.แพทองธารยังระบุด้วยว่ากระทรวงวัฒนธรรมไทยควรต้องทบทวนสถานการณ์ก่อนส่งคืน

แถลงการณ์ของฝ่ายกัมพูชาระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการชะลอการดำเนินการ โดยอ้างถึงข้อตกลงร่วมระหว่างทั้งสองฝ่ายช่วงการเยือนอย่างเป็นทางการของน.ส.แพทองธาร ที่กรุงพนมเปญ เมื่อเดือนเมษายน 2568 ซึ่งได้หารือและกำหนดวันส่งมอบเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว

ในจดหมายที่ส่งถึงน.ส.แพทองธารยังระบุว่า พิธีส่งมอบจะจัดขึ้นที่กรุงเทพฯ ภายในเดือนกรกฎาคม 2568 และจะเริ่มกระบวนการขนย้ายศิลปวัตถุจากไทยไปกัมพูชาเดือนสิงหาคม โดยรัฐบาลกัมพูชาจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายขนส่งทั้งหมด โดยไม่กระทบต่องบประมาณของกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทย

ทั้งนี้ โบราณวัตถุทั้ง 20 รายการ เป็นยุคอารยธรรมขอม ที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เคยเป็นหัวข้อเจรจาทางการทูตระหว่างสองประเทศหลายครั้ง