เตือนฝนตกหนัก
กระทบ46จังหวัด
น่าน-แพร่ฝนถล่ม
น้ำป่าไหลเข้าท่วม
กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักทั่วไทยกระทบถึง 13 กรกฎาคมนี้ 46 จังหวัดเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากท่วม จ.น่าน ฝนกระหน่ำต่อเนื่องน้ำป่าหลากท่วมถนน-บ้านเรือน ขณะที่ จ.แพร่ ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก ฝนถล่มน้ำป่าไหลท่วมพื้นที่ ส่วน จ.ตราด น้ำล้นเข้าท่วม 4 หมู่บ้าน-พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 30 ไร่ เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่องฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 11-13 กรกฎาคม 2568) ฉบับที่ 2 (175/2568) ว่าประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เนื่องจากจะมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนจะเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านในบริเวณดังกล่าว ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น
ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในช่วงวันดังกล่าว
ส่วนพยากรณ์อากาศรายพื้นที่ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.เลย หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี หนองบัวลำภู สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี กาญจนบุรี และราชบุรี ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ตั้งแต่ จ.กระบี่ ขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.ตรัง ลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ส่วน กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่
ที่ จ.น่าน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากฝนตกหนักต่อเนื่องทั้งคืน ทำให้พื้นที่ อ.เวียงสา ได้รับผลกระทบ โดยถนนสาย 101 สวนป่า – สะพานพญาวัด หลัก กม.ที่ 328+000 ถึง 328+600 หน้าป้อมตำรวจทางหลวง ต.อ่ายนาไลย มีน้ำท่วมสูง รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ซึ่งเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางหลักในการสัญจรไปมา เบื้องต้นได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขสถานการณ์อย่างเร่งด่วนแล้ว ขณะเดียวกัน น้ำป่าได้หลากเข้าท่วมในอีกหลายตำบลของ อ.เวียงสา ซึ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือบ้านหาดไร่ ต.น้ำมวบ อ.เวียงสา ที่มีปริมาณฝนสะสม 217 มิลลิเมตร จนส่งผลให้น้ำหลากท่วมบ้านเรือนระดับ 50 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร ทำให้ชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง
ส่วนที่ จ.แพร่ จากสถานการณ์ฝนตกหนักส่งผลให้น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนในหมู่ 4 ต.ไผ่โทน อ.ร้องกวาง อย่างรวดเร็ว สร้างความเสียหายโดยเฉพาะที่บ้านปางยาว ต.ไผ่โทน ขณะนี้ชาวบ้านยังรอความช่วยเหลือจากภาครัฐ ขณะที่บ้านน้ำพุสูง ต.ห้วยโรง อ.ร้องกวาง ถูกน้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนจนเสียหายเช่นเดียวกัน โดยสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงคือโอกาสการเกิดดินสไลด์บางจุด เนื่องจากดินอุ้มน้ำมากขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องมีการแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวัง
วันเดียวกัน ที่ จ.ตราด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา มีฝนตกหนักและพายุลมแรงใน อ.เขาสมิง เป็นเวลาติดต่อกันนานกว่า 3 ชั่วโมง ส่งผลให้มีปริมาณฝนสะสม ตรวจวัดได้ 197 มิลลิเมตร มีบ้านเรือนใน ต.สะตอ ถูกน้ำท่วม 4 หมู่บ้าน คือที่หมู่ 2 , 3 , 7 และ 9 พื้นที่ทางการเกษตรอย่างน้อย 50 ไร่ เสียหายจากน้ำท่วม ขณะที่ประชาชนเตรียมเรือ เพื่อใช้เป็นพาหนะในการเดินทางเข้าออกที่พักแล้ว
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจบริเวณสะพานคลองสะตอ พบว่าน้ำในคลองมีสีแดง ไหลเชี่ยวกราก โดยปริมาณน้ำเพิ่มสูง เหลืออีกเพียงประมาณ 1.5 เมตร ก็จะติดขอบสะพาน ชาวบ้านต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนที่หมู่ 7 บ้านทุ่งกระบอก ต.สะตอ ถนนในหมู่บ้านถูกตัดขาด ภายหลังน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายไม่ต่ำกว่า 30 ไร่
อีกด้านที่บริเวณซอยรื่นรมย์สามัคคี หมู่ 9 ต.สะตอ น้ำท่วมสูงกว่า 50 เซนติเมตร โดยปริมาณน้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนอย่างน้อย 5 หลัง และระดับน้ำยังสูงขึ้นเรื่อยๆ หากสูงกว่า 1 เมตร จะส่งผลให้รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรได้ ประชาชนกว่า 20 หลังคาเรือน จะต้องใช้เรือในการสัญจรชั่วคราว สำหรับภาพรวมในพื้นที่ ต.สะตอ นายปราโมทย์ จันทร์กระจ่าง นายก อบต.สะตอ อยู่ระหว่างสำรวจความเสียหายเพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี