ลาม‘เชียงราย’

ฝนกระหน่ำหนัก

น้ำท่วม15อำเภอ

ฝนกระหน่ำหนักน้ำท่วมเชียงราย 15 อำเภอ ปภ.เร่งเข้าช่วยเหลือ ขณะนี้ “อุตรดิตถ์- น่าน” น้ำลดแต่ประชาชนเดือนร้อนนับพันครัวเรือน

เมื่อเช้าวันที่ 12 กรกฎาคม 2568 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้สรุปสถานการณ์อุทกภัยอันเนื่องมาจากฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงวันที่ 11-12 กรกฎาคม 2568 ซึ่งก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงราย

รายงานระบุว่า มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักครอบคลุมถึง 15 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองเชียงราย, เทิง, เวียงป่าเป้า, ป่าแดด, พาน, เชียงแสน, ดอยหลวง, แม่จัน, เวียงชัย, เชียงของ, เวียงแก่น, ขุนตาล, แม่สรวย, พญาเม็งราย และเวียงเชียงรุ้ง

ส่วนรายละเอียดพื้นที่เกิดเหตุและความเสียหายเบื้องต้น อำเภอเมืองเชียงราย: ตำบลดอยลาน ได้รับผลกระทบใน 8 หมู่บ้าน (หมู่ที่ 4, 6, 9, 11, 14, 15, 16, 18) โดยเฉพาะหมู่ 9 และหมู่ 14 มีน้ำท่วมเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ส่วนหมู่บ้านอื่น ๆ ได้รับผลกระทบในพื้นที่การเกษตร ขณะนี้ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) กำลังเร่งให้ความช่วยเหลือและสำรวจความเสียหาย

อำเภอเชียงแสน ตำบลบ้านแซว หมู่ที่ 13 มีน้ำหลากเข้าท่วมเส้นทางสัญจรภายในหมู่บ้าน และพื้นที่การเกษตร ขณะนี้ระดับน้ำก็ลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยอำเภอ ฝ่ายปกครอง และ อปท. กำลังเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย ได้ออกคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เตรียมความพร้อมทั้งในด้านเครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องจักรกล ยุทโธปกรณ์ และกำลังพล เพื่อให้สามารถเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อได้รับการร้องขอ

ขณะเดียวกัน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานเหตุฝนตกหนัก เป็นเหตุทำให้น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ จ.น่าน และ จ.อุตรดิตถ์ 5 อำเภอ 18 ตำบล 82 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,152 ครัวเรือน 4,468 คน รายละเอียดดังนี้

1.สถานการณ์อุทกภัย ช่วงวันที่ 9 -11 กค.68

1.1 จังหวัดน่าน 3 อำเภอ(นาน้อย เวียงสา นาหมื่น) 14 ตำบล 65 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 785 ครัวเรือน 3,000 คน (สะพานชำรุดเสียหาย ตำบลมวบ อำเภอเวียงสา) สถานการณ์ปัจจุบัน ฝนตกเล็กน้อย ระดับน้ำลดลง ปริมาณฝนสูงสุด 142.0 มม. อ.เวียงสา สถานีวัดระดับน้ำ N75 (แม่น้ำน่าน) สะพานท่าลี่ อ.เวียงสา ระดับน้ำ 190.54 ต่ำกว่าตลิ่ง 2.26 ม.

1.2 จังหวัดอุตรดิตถ์ 2 อำเภอ(ฟากท่า บ้านโคก) 4 ตำบล 17 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 367 ครัวเรือน 1,468 คน มีประชาชนอพยพ จำนวน 59 ราย ณ.ศูนย์พักพิงชั่วคราวเทศบาลตำบลฟากท่า สถานการณ์ปัจจุบัน ฝนตกเล็กน้อย ระดับน้ำลดลง ปริมาณฝนสูงสุด 101.0 มม อ.บ้านโคก สถานีวัดระดับน้ำ N 84 (แม่น้ำปาด) ต.น้ำปาด อ.น้ำปาด ระดับน้ำ 142.05 ต่ำกว่าตลิ่ง 1.02 ม.

2. การให้ความช่วยเหลือ ศูนย์เขต สำนักงาน ปภ.จังหวัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ ตำรวจ อปท.หน่วยงานทหารในพื้นที่ จิตอาสา อปพร.อาสาสมัครหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว และเฝ้าระวังแจ้งเตือนประชาชน ในพื้นที่เนื่องจากฝนตกหนัก

3.ความเสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจ

4.กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สั่งการให้จังหวัด และหน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้

4.1ติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ รวมทั้งลดผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว

4.2 เร่งสำรวจความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน พร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบต่อไป

4.3 ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 9 พิษณุโลก, เขต15 เชียงราย เฝ้าระวัง ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศอย่างใกล้ชิด และได้ให้การสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัย กำลังพล จังหวัด ประกอบด้วย 1)เครื่องสูบ ขนาด 14″ จำนวน 5 เครื่อง 2)เรือท้องแบนกู้ภัย 7 ลำ 3)รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย จำนวน 4 คัน 4)รถประกอบอาหาร จำนวน 1 คัน 5) สะพานเบลีย์ 2 ชุด

ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 4 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน ในระยะนี้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้

ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ภาคเหนือ: จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ตาก พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด ภาคใต้: จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่