การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก 2025 เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในฟาดแข้งในคืนวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคมนี้ เวลา 02.00 น. เป็นการเจอกันของสองทีมผู้มั่งคั่งจากทวีปยุโรป “สิงห์บลูส์” เชลซี เจ้าของแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ปี 2021 และแชมป์ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก 2025 จะดวลกับ “หอคอยพิฆาต” ปารีส แซงต์ แชร์กแมง แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยล่าสุด เกมนี้เล่นกันที่ เมตไลฟ์ สเตเดี้ยม ในอีสต์ รูเธอร์ฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา
๐ ความพร้อมของเชลซี
ทีมเศรษฐีแห่งลอนดอน เอาชนะ ฟลูมิเนนเซ่ จากบราซิลมาได้ 2-0 ในรอบตัดเชือก จากการทำสองประตูของกองหน้าป้ายแดงอย่าง ชูเอา เปโดร ซึ่งเป็นการยิงใส่ทีมเก่าต้นสังกัดแรกในอาชีพค้าแข้ง เกมนี้จะได้ลีวาย โคลวิลล์ และเลียม ดิแลป สองผู้เล่นที่ติดโทษแบนกลับมาเป็นตัวแรก เช่นเดียวกับ มอยเซส ไคเซโด้ ที่เจ็บข้อเท้าต้องรอทดสอบความฟิต ที่เหลือไม่น่ามีปัญหาอะไร ยึดระบบการเล่น 4-2-3-1 เหมือนเดิม
ในแดนกลาง ถ้าหาก ไคเซโด้ ลงไม่ได้ อันเดรย์ ซานโตส จะได้เสียบแทน คุมแดนกลางร่วมกับ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ สามแนวรุกใช้ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ประสานงานกับ โคล พาลเมอร์ และเปโดร เนโต้ ส่วนหน้าเป้า ชูเอา เปโดร น่าจะได้รับโอกาสต่อไป
๐ ความพร้อมของเปแอสเช
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง โชว์คลาสถล่ม “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ไปแบบขาดลอย 4-0 ขึ้นนำ 3-0 ตั้งแต่ครึ่งแรก ทำให้ หลุยส์ เอ็นริเก้ สามารถเลือกถอนแกนหลักออกไปพักหลายราย ทัวร์นาเมนท์นี้พวกเขาเสียไปแค่ประตูเดียวเท่านั้น ในการพ่ายให้กับ โบตาโฟโก้ ในรอบแบ่งกลุ่ม 0-1 สภาพทีมยังหมดสิทธิ์ใช้งาน วิลเลี่ยน ปาโช่ และลูก้าส์ แอร์กนองเดซ ที่ติดโทษแบน ที่เหลือถือว่าพร้อม มีความเป็นไปได้ว่าจะยึดไลน์อัพชุดเดิม ลูคัส เบรัลโด้ ลงคุมแนวรับร่วมกับ มาร์ควินญอส ส่วนแดนกลาง วาง ชูเอา เนเวส, วิตินญ่า และเบียน รุยซ์ สลับกันเคลื่อน เช่นเดียวกับสามประสานในเกมรุกนำโดย เดซิเร่ ดูเอ้, อุสมาน เดมเบเล่ และควิช่า ควารัตสเคเลีย
๐ HEAD TO HEAD
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 8 ครั้งในทุกรายการ ถือสูสีสุด ๆ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ชนะ 3 เสมอ 3 และเชลซี ชนะ 2 หนล่าสุดเกิดขึ้นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีม ฤดูกาล 2015-16 ปรากฏว่า เปแอสเช ชนะได้ทั้งไปและกลับ
๐ ผ่าแผน-วิเคราะห์เกม
ระยะเวลาผ่านไปเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้นปรากฏว่าทีมที่น่าเกรงขามที่สุดในโลกตอนนี้อยู่ที่ฝรั่งเศส
หลุยส์ เอนริเก้ ทำทีมได้อย่างน่าสนใจและน่าตกใจมากด้วยศักยภาพ ด้วยพลัง และด้วยแผนการที่ลงตัวอย่างเหลือเชื่อ
คู่แข่งทุกทีม ดูเหมือนจะเจอกับภาระหนักเกินไป เพราะคุณก็จะตามนักบอลพวกนี้ไปทุกที่ไม่ได้ เพราะพวกเขาจะใช้ช่องว่างเหล่านั้นหาประโยชน์ทันที
ความแข็งแกร่งของ เปแอสเช มีอยู่ทุกแดน โดยเฉพาะการมีแบ๊กที่แข็งแกร่ง เล่นรับกับรุกได้ลงตัวแบบไม่น่าเป็นไปได้ ไม่ต่างอะไรที่จะเรียกว่า “แบ๊กปีศาจ” หรือ Monster full-backs
แบ๊กซ้าย นูโน่ เมนเดส กับแบ๊กขวา อาชราฟ ฮาคิมี่ ทั้งสองคนไม่เพียงแต่เติมเกมเล่นรุกให้อันตรายเท่านั้น แต่เกมรับกลับทำผลงานได้อย่างไม่มีที่ติ ซึ่ง ฮาคิมี่ พิสูจน์ตัวเองให้โลกรู้มานาน ขณะที่ เมนเดส กลายเป็นแบ๊กซ้ายที่คนต้องเหลียวมองทั้งโลก
สิ่งสำคัญคือ ฟูลแบ็คทั้งสองคนนี้คือ จอมพลังที่มีเทคนิคการเล่นแบบปีกทั้งสองข้างมาผสมอีกด้วย เล่นแบบผสมผสานกันอย่างดุเดือด มันทำลายโครงสร้างแนวรับของคู่แข่งได้อย่างสิ้นเชิง
ขณะที่แดนกลางของพวกเขาทั้ง 3 คน เล่นได้อย่างต่อเนื่อง วิตินญ่า อยู่ท่ามกลางผู้เล่นทั้งหมดในสนาม แต่เหมือนกับว่า เขาไม่มีคู่แข่งอยู่ใกล้ ๆ เลย เนื่องจากทำเกมได้ต่อเนื่องและแทบไม่เสียบอล ในรายการนี้ยังคงเล่นได้ต่อเนื่อง
วิตินญ่า มีความสงบนิ่ง และควบคุมสถานการณ์ได้อยู่เสมอ เขาครองแดนกลางได้จริง ๆ โดยมี ฟาเบียน รุยซ์ ที่วิ่งเป็นตัวบล็อกหน้าไลน์ได้อย่างน่าสนใจ มันคนละตำแหน่งกับที่ รุยซ์ เล่นกับทีมชาติสเปน แต่เขาทำได้อย่างสมบูรณ์มาก ๆ รวมถึงการสอดเข้าสู่พื้นที่สำคัญ ๆ พื้นที่สุดท้ายได้ถูกเวลา ส่วน ชูเอา เนเวส คือคนไล่ล่าหมุดแรก และตามเข้าปิดหมุดสองของเพื่อนที่สมบูรณ์ ทำให้แดนกลางเป็นเนื้อเดียวกัน
ที่สำคัญคือการออกบอลที่แม่นยำ รวดเร็ว จับหนึ่งจังหวะแล้วจังหวะสองคือปล่อยบอลทันที ที่น่าสนใจคือ แนวรุกทั้ง 3 คน ตรง ๆ คือ “ปีกอาชีพ” หรือ “กองหน้าด้านข้าง” ล้วน ๆ แต่เล่นสลับกันได้อย่างน่าสนใจ เดินหน้ากันคนละ “สองหมุด”
แรกทีเดียว เอนริเก้ ใช้แผนที่มันยากไปนิด แต่พอ ไอ้หนู เดซิเร่ ดูเอ้ ปรับตัวได้ ทำให้ทุกอย่างลงตัวทันที เพราะ ควีช่า ควารัตสเคเลีย ไม่ต้องใช้พลังมากจนเกินไป ต่างจากตอนที่ บาโคล่า อยู่ในสนาม
เวลานี้ลงตัวที่ ควารัตสเคเลีย เล่นซ้ายสลับเข้ากลาง, ดูเอ้ เล่นขวาสลับเข้ากลาง และเดมเบเล่ เล่นกลางสลับกับการถอนลงมาต่ำกว่าหน้ากรอบ ยิ่งไปกว่านั้นคือ ทั้งสามคนทำฉากให้กับแดนกลางได้ออกมาบอลง่าย
เมื่อเจอทีมที่อายุมาก ๆ ชัดเจนเลยว่า เคลื่อนตัวไม่ทันเด็กหนุ่มพวกนี้ แต่ต้องไม่ลืมว่า เชลซี ชุดนี้ก็ยังสดทั้งหนุ่มทั้งแน่นเช่นกัน
ค่าเฉลี่ยอายุน้อยสุดคือ เรดบูล ซัลซ์บวร์ก ตามมาด้วย เปแอสเช และเชลซี ในรายการนี้
ทีนี้มาดูว่า เอนโซ่ มาเรซก้า จะให้ทีมรับมือกับนักบอลศีลเสมอกันของ เปแอสเช อย่างไร
พวกเขามีสไตล์การเล่นที่เหมือนจะปรับเป็น 4-3-3 ยืนหยุ่นกับ 4-2-3-1 เรียกว่า ระบบแทบจะชนระบบกับ เปแอสเช
มีสิ่งที่น่าสนใจเกิดขึ้นกับการปรับตำแหน่งให้กับ โคล พาลเมอร์ เมื่อเขาเหมือนกับได้รับอิสระในการเล่นด้านกว้างมากขึ้นกว่าช่วงซีซั่นที่ผ่านมา เราจะเห็น พาลเมอร์ จอมทัพน้ำหนาว เล่นปักอยู่ตรงกลาง ในตำแหน่งตัวรุกมากจนเกินไป โดยไม่ค่อยมีอิสระในการเล่น
เป็นไปได้ที่ตำแหน่งตัวรุกด้านข้างทั้งสองคนที่สลับกันเล่นทั้ง เปโดร เนโต้, โนนี่ มาดูเอเก้ และ จาดอน ซานโช่ เป็นพวกที่ทิ้งตัวออกข้างไว้ก่อนที่จะดึงตัวเข้ามาด้านใน แต่เหมือนกับ มาเรสก้า ปรับแทคติค ให้ พาลเมอร์ มีโอกาสเคลื่อนตัวไปรับบอลมากขึ้น โดยมี คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ทำให้บอลมันยืดหยุ่น เนื่องจากเข้ามายืนแนบใน และสลับกับกองหน้าที่ล่าสุดเป็นหน้าที่ของ ชูเอา เปโดร ทำให้เปิดพื้นที่ให้จ็อบของ พาลเมอร์ ดูมีมิติมากขึ้น ขณะเดียวกัน เอ็นคุคู เหมือนกับคนเดิมที่อยู่ในบุนเดสลีกา นั่นคือ ฉีกออกข้างแล้วตัดเข้าใน
สองจุดนี้ มาเรสก้า ดูเหมือนจะทำให้นักบอลของเขา “เป็นธรรมชาติ” และออกจาก “กรอบแทคติค” โดยใช้เทคนิคส่วนบุคคล และความถนัดส่วนตัวเข้ามาช่วย
ทีนี้ความเร็วของนักบอลเชลซี ไม่เป็นรองแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นหลัง, กลาง หรือว่าหน้า แต่สิ่งที่พวกเขาต้องเจอก็คือ การเข้าถึงแผนของโค้ชมาเป็นปี ๆ ของ เปแอสเช ในขณะที่พวกเขากำลังจะเริ่มต้น
ฝั่งหนึ่ง “เข้าเนื้อ” อีกฝั่งนึงเพิ่งจะ “ต้มเนื้อ”
วัดกันที่แผนแรก จากนั้นมาดูแผนสอง ก็ต้องยอมรับว่า เปแอสเช เหนือกว่าในทุกประการ เมื่อเราเห็นว่า ลูคัส เบรัลโด้ ลงสนามแทนที่ วิลเลี่ยน ปาโช่ ที่ติดแบน ได้อย่างสมบูรณ์ในแนวรับ ทำให้การต่อกรเกมนี้ ยังไง เปแอสเช ก็ยังคงเหลื่อมกว่าอยู่ดี
๐ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (4-3-3): จานลุยจิ ดอนนารุมม่า, อาชราฟ ฮาคิมี่, มาร์ควินญอส, ลูคัส เบรัลโด้, นูโน่ เมนเดส, ชูเอา เนเวส, วิตินญ่า, ฟาเบียน รุยซ์, เดซิเร่ ดูเอ้, อุสมาน เดมเบเล่ และควิช่า ควารัตสเคเลีย
เชลซี (4-2-3-1): โรเบิร์ต ซานเชซ, มาโล่ กุสโต้, เทรโวห์ ชาโลบาห์, ลีวาย โคลวิลล์, มาร์ค คูคูเรลญ่า, มอยเซส ไคเซโด้, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ, เปโดร เนโต้, โคล พาลเมอร์, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู และชูเอา เปโดร
๐ สกอร์ที่คาด: เชลซี 1-2 ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
บี แหลมสิงห์
๐ เส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศ
เชลซี
รอบแบ่งกลุ่ม
16/06/2025 (กลาง) ชนะ ลอส แองเจลิส เอฟซี (สหรัฐอเมริกา) 2-0
20/06/2025 (กลาง) แพ้ ฟลาเมงโก้ (บราซิล) 1-3
25/06/2025 (กลาง) ชนะ เอสเปร็องซ์ เดอ ตูนิส (ตูนิเซีย) 3-0
3 เกม ชนะ ชนะ 2 แพ้ 1 ยิงได้ 6 เสีย 3 มี 6 คะแนน เข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม
รอบ 16 ทีม
25/06/2025 (กลาง) เสมอ เบนฟิก้า (โปรตุเกส) 1-1 ต่อเวลาชนะ 4-1
รอบก่อนรองชนะเลิศ
05/07/2025 (กลาง) ชนะ พัลไมรัส (บราซิล) 2-1
รอบรองชนะเลิศ
08/07/2025 (กลาง) ชนะ ฟลูมิเนนเซ่ (บราซิล) 2-0
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
รอบแบ่งกลุ่ม
15/06/2025 (กลาง) ชนะ แอต มาดริด (สเปน) 4-0
20/06/2025 (กลาง) แพ้ โบตาโฟโก้ (บราซิล) 0-1
23/06/2025 (กลาง) ชนะ ซีแอตเทิ่ล ซาวน์เดอร์ (สหรัฐอเมริกา) 2-0
3 เกม ชนะ ชนะ 2 แพ้ 1 ยิงได้ 6 เสีย 1 มี 6 คะแนน เข้ารอบเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม
รอบ 16 ทีม
29/06/2025 (กลาง) ชนะ อินเตอร์ ไมอามี่ (สหรัฐอเมริกา) 4-0
รอบก่อนรองชนะเลิศ
05/07/2025 (กลาง) ชนะ บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน) 2-0
รอบรองชนะเลิศ
08/07/2025 (กลาง) ชนะ เรอัล มาดริด (สเปน) 4-0
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี