รอบรั้วเมืองใต้ : 16 กรกฎาคม 2568

รอบรั้วเมืองใต้ในหนังสือพิมพ์แนวหน้าฉบับนี้ ผู้เขียนขอเข้าร่ายข่าวสังคม ชมคนที่ควรชม ข่มคนที่ควรข่ม ตามวิสัยคนหนังสือพิมพ์อาชีพ ที่เห็นมาอย่างไร ก็เขียนไปอย่างนั้น.....ติดตามสถานการณ์การเมือง โดยผ่านจากเรียวปาก ของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านทางสื่อ โดยใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ในการแก้ผ้าของตนเองต่อสังคม ที่ทำให้ผู้ที่ได้ฟัง ต่างฟันธง ว่า ทักษิณ ชินวัตร คือผู้ที่ครอบงำรัฐบาล ในฐานะที่ลูกสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และในฐานะของเจ้าของพรรคเพื่อไทย ที่ทุกองคาพยพในเพื่อไทย ต่างน้อมรับการครอบงำของ ทักษิณ ชินวัตร ดังนั้น สถานะของ แพทองธาร ชินวัตร ในสายตาของประชาชน จึงเป็นนายกฯร่างทรง ซึ่งแพทองธาร ชินวัตร คงยากที่จะปฏิเสธ เพราะคนที่ออกมาปอกเปลือก รัฐบาล เป็นพ่อของนายกรัฐมนตรี ส่วนนักร้องท่านใด จะนำเอาคำสารภาพของ ทักษิณ ชินวัตร ไปฟ้องร้ององค์กรอิสระ ว่า ทักษิณ ชินวัตร เป็นบุคคลภายนอกที่ครอบงำรัฐบาล ก็ว่ากันไปตาม สะดวกโยธิน เพราะฟังน้ำเสียง ของทักษิณ ชินวัตร เขาแสดงถึงความมั่นใจว่าเขาไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย คดีความต่างๆ ที่อยู่ระหว่างการไต่สวนหรือการถูกกล่าวหาเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย ที่สำคัญหลายคำพูดของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้นำเหมือนการยกตนข่มท่าน ว่าเป็นผู้ที่เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาของประเทศชาติ เป็นคุณูปการ ต่อแผ่นดิน ยังไงอย่างนั้น หรือคำถามคือการเมืองไทย จะเป็นอย่างนี้อีกนานแค่ไหน จึงจะหลุดพ้นจากบ่วงมาร จากปลักตมของความเน่าเฟะ และคนไทยจะต้องอยู่ในชะตากรรม อีกนานแค่ไหน....เรื่องใหญ่อีกเรื่องสำหรับชะตากรรมของประเทศไทย คือเรื่องภาษีส่งออก 36% ที่สหรัฐอเมริกา จะบังคับใช้กับประเทศไทย ในขณะที่หลายประเทศในกลุ่มอาเซียน มีการเจรจา เพื่อลดหย่อนกันไปแล้ว เหลือประเทศไทย ที่ผู้นำและรัฐมนตรีคลัง พิชัย ชุณหวชิร ยังคงโลกสวย ไม่ขยับเขยื้อน และยังฝันหวาน ว่าจะได้รับการลดภาษีจาก โดนัลด์ ทรัมป์ เอาเถอะ ถ้า โดนัลด์ ทรัมป์ เห็นกับความเป็นพันธมิตรที่ยาวนาน ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา ก็เป็นโชคดีของประเทศไทย แต่ถ้าโดนัลด์ ทรัมป์ บอกเซย์โน ถามว่าทางออกจากวิกฤตเรื่องกำแพงภาษี ของการส่งออก ถามว่ารัฐบาลมีทางออก อย่างไร อย่างน้อยก็ต้องบอกกับนักลงทุน-ผู้ประกอบการ และประชาชนให้รับรู้จะได้หาทางตั้งรับ หรือซื้อเชือกมาเพื่อฆ่าตัวตายให้พ้นชะตากรรม ที่ต้องแบกรับ.....เรื่องของความมั่นคง แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังไม่เห็นแนวทาง ในการแก้ปัญหา ซึ่งการแก้ปัญหา กรณีพิพาทในแนวเขตแดน ด้านของช่องบก และปราสาทตาเมือน ทั้ง 4 แห่ง เป็นเรื่องเรื้อรัง ที่แก้ยาก หรือแก้ไม่ได้ ตราบใดที่ทั้งสองฝ่าย ใช้แผนที่คนละฉบับ ในการเป็นข้อตกลง ในพื้นที่ สิ่งที่ทำได้ และแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.บุญสิน พาดกลาง ทำอยู่ในขณะนี้คือการใช้กำลังทหาร ในการรักษาและป้องกันอธิปไตย และบูรณาภาพแห่งดินแดน เป็นการป้องกัน ไม่ใช่การแก้ปัญหา....เช่นเดียวกับการปิดด่านพรมแดน และการไม่ส่งสินค้า เป็นเพียงการกดดัน ที่หากกัมพูชา รับได้และทนได้ โดยยอมรับความเดือดร้อนของประชาชน ก็เท่ากับว่ามาตรการเหล่านี้ ก็ยังไม่ใช่ไม้เด็ด ในการบีบให้กัมพูชาต้องจนมุม และอ่อนข้อ ให้กับประเทศไทย ทั้งหมดต้องถามว่า รัฐบาลจะแก้ปัญหานี้อย่างไร.....เพราะการปิดพรมแดน และการไม่ส่งสินค้า ไปยังกัมพูชาในระยะยาวผู้ที่ต้องแบกรับ กับปัญหาที่เกิดขึ้นคือผู้ประกอบการค้า หรือนักธุรกิจในจังหวัดนั้นๆ และประชาชนในแนวชายแดน ที่มีอาชีพการค้าชายแดน และธุรกิจการท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบ...และปัญหาที่ติดตามมาจากการปิดพรมแดน การไม่ส่งสินค้าเข้าไปยังกัมพูชา คือการเกิดการหลบหนีเข้าเมือง ตามช่องทางธรรมชาติ และการเรียกรับผลประโยชน์จากเจ้าหน้าที่ในแนวชายแดนกลายเป็นเรื่องส่วย ในการเปิดช่องให้มีการหลบหนีเข้าเมือง ที่เกิดขึ้นแล้ว....ร้องกันมาว่าตำรวจสภ.ทุ่งลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขยันตั้งจุดตรวจ แถมบางจุดดักจับรถนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์ มาเลเซีย ที่ขับมาท่องเที่ยวใน อ.หาดใหญ่ เกือบทุกวัน ไม่ทราบว่าเป็นนโยบายของ พล.ต.ท. ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 หรือไม่ และเป็นการทำให้การท่องเที่ยวได้รับความเสียหาย หรือไม่...นี่ก็ทำให้เสียงบประมาณในการตั้งไฟกลางเกาะถนนกาญจนวณิชย์ สายหาดใหญ่ อ.สะเดา จ.สงขลา หรือไม่ เพราะไฟกลางเกาะหลายจุด เช่น ถนนช่วงหน้าวัดแม่ชี - บ้านระตะ อ.สะเดา ไฟกลางเกาะถนนดับมานานนับปี โดยไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยไหนมาปรับปรุงแก้ไข ทำให้ไฟกลางเกาะติดและใช้ได้ตามปกติ เหมือนกับไฟส่องถนนสายบ้านโคกเนียม - บ้านเกาะโอน ดับสนิทมานานแล้วเช่นกัน หลังคนร้ายขโมยหม้อแปลงไฟไปจนไฟดับมืดไปทั้ง 50 ต้น เป็นครึ่งเดือน จนคนร้ายได้ใจกลับมาขโมยตัดสายไฟไปอีกยาวเป็นกิโล ก็ไม่มีหน่วยงานกรมทางหลวงมาดูแล หรือกรมทางหลวงไม่มีเจ้าหน้าที่หรือไม่...น้ำประปา ของอบต.ท่าโพธิ์ เสียบ่อยน้ำไม่ไหลจะแก้ไขอย่างไรครับ...

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์