เขย่าศรัทธา “พุทธศาสนิกชน”จนหน้าสั่น
หลังเป็นข่าวครึกโครมในคดี “สีกากอล์ฟ” กับปฎิบัติการ “นารีพิฆาตพระ” ที่เป็นถึงชั้น “พระเทพ-พระครู” ยิ่งสอบยิ่งเจอ มีพระสงฆ์พัวพัน ทยอยลาสิกขาไปแล้วกว่า 10 รูป และจำนวนผู้เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นรายวัน ตอนนี้ ยังไม่รู้จะไปจบที่ตรงไหน
ฟังจากที่ตำรวจ บก.ปปป. ลุยสอบสวนพบ สีกากอล์ฟเคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันที่จังหวัดพิจิตร ตำรวจนำข้อมูลมาเปรียบเทียบและพบพฤติการณ์ซ้ำซ้อน จึงขยายผลตรวจเส้นทางการเงินอย่างละเอียด พบพระสงฆ์จำนวนมากโอนเงินให้สีกากอล์ฟ แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม
กลุ่มที่ 1 พระที่สีกากอล์ฟยอมรับว่ามีสัมพันธ์เสพเมถุนด้วย กลุ่มที่ 2 พระมีสัมพันธ์เชิงชู้สาว ถือว่าผิดวินัยร้ายแรง และกลุ่มที่ 3 พระที่ประพฤติตนไม่เหมาะสม ทางคดีก็ไปว่ากัน
งานนี้ ‘บิ๊กเต่า’ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. ฉวยจังหวะตีเหล็กตอนร้อน สั่งตั้ง “ศูนย์ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และส่งเสริมพระธรรมวินัย” รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับพระสงฆ์ที่ทำผิดวินัย การทุจริตของสงฆ์ หรือความไม่ชอบมาพากลใดๆ อันทำความเสื่อมเสียมายังพุทธศาสนา เพื่อธำรงไว้ซึ่งพระธรรมวินัย มุ่งแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในวงการสงฆ์แบบเอาจริงเอาจัง อย่างที่ “บิ๊กเต่า”บอกว่า ไม่อยากปล่อยไว้ให้เป็นมะเร็งร้าย ทำให้พุทธศาสนาเสื่อมถอยลงทุกวัน
‘บิ๊กเต่า’แย้มๆอีกว่า นอกจากคดี “สีกากอล์ฟ” ยังมีข่าวเกี่ยวกับวงการสงฆ์ตามมาอีก เนื่องจากมีคนมาร้องเรียน “พระผู้ใหญ่” สมณศักดิ์สูงกว่าพระในคดีสีกากอล์ฟ ทำผิดปาราชิกอีก ถ้าเปิดชื่ออกมา ทุกคนต้องตะลึง วงการสงฆ์สะเทือนเลื่อนลั่นอีกระลอกแน่ เพราะเป็นพระชื่อดังที่ทุกคนรู้จักดี เป็นอีกเคสที่ต้องดำเนินการ ปล่อยทิ้งไว้ไม่ได้
ไม่เพียงมุ่งกวาดล้าง “อลัชชี” ในพุทธศาสนาเท่านั้น “บิ๊กเต่า”ยังใช้โอกาสนี้ปฎิรูปการทำงานระหว่างตำรวจกับ“สำนักงานพระพุทธศาสนา” หรือ “พศ.” หน่วยงานทำหน้าที่ดูแลวงการสงฆ์โดยตรง
“บิ๊กเต่า”บอกชัดๆ แบบตีแสกหน้าสำนักพุทธฯอย่างจังว่า ที่ผ่านมาการทำงานร่วมกันไม่ราบรื่น เนื่องจากสำนักพุทธฯ มีแนวโน้มอาจปกปิดปัญหา ขาดความเข้มงวดกวดขัน และข้อมูลความไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ ที่ตำรวจส่งให้สำนักพุทธฯ มักไม่ได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง ทำให้ตำรวจมองว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำงานร่วมกันได้ ถ้าปราศจากความจริงใจแก้ปัญหา สะสางวงการผ้าเหลือง เชื่อว่าการเข้ามาของตำรวจและหน่วยงานตรวจสอบภายนอก จะสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการสงฆ์แน่นอน
เบื้องแรกที่ “บิ๊กเต่า”ขอความร่วมมือกับ ‘พศ.’ คือ ให้รวบรวมข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักของพระสงฆ์ทั้งกว่า 3 แสนรูป เพื่อนำมาตรวจสอบประวัติเคยทำความผิดหรือไม่ รวมถึงมีกรณีคนของสำนักพุทธฯ เข้าไปเป็นมัคทายกวัด และมีส่วนช่วยเหลือพระที่ประพฤติไม่เหมาะสม ตำรวจจะรายงานให้ผู้ใหญ่ในสำนักพุทธฯทราบและแก้ปัญหา อีกทั้ง ยังขยายผลรื้อคดีที่เกี่ยวข้องกับพระ ที่เคยถูกสำนักพุทธฯปัดตกไปหรือซุกใต้พรมมาปัดฝุ่นใหม่ทั้งหมด เรียกว่า ใช้โอกาสนี้ชำระชะล้างทั้งวงการไปพร้อมกัน
สอดรับกับนโยบายของ รมต.ประจำสำนักนายกฯ “สุชาติ ตันเจริญ” ที่ฮึ่มๆมาตั้งแต่วันเข้ารับตำแหน่งจะลุยเรื่องนี้จริงจัง ได้ย้ำอีกครั้งในการมอบนโยบายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯต้องเร่งแก้ปัญหาในวงการพุทธศาสนาอย่างเด็ดขาด กู้วิกฤติศรัทธากลับมาให้ได้
โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สิน และพฤติกรรมพระที่ส่อไปในทางมิชอบ หลังถูกขุดถูกเปิดโปงรายวัน ทำร้ายทำลายศรัทธาผู้คนอย่างรุนแรง แม้ก่อนหน้าจะมีกรณีพระทำเรื่องมัวหมองเหล่านี้มาบ้าง แต่คงไม่มีเคสไหน ช็อกวงการได้อย่างกรณี “สีกากอลฟ์” อีกแล้ว
วิกฤตที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าต้นตอจากทรัพย์สินเงินทองของพระของวัด ด้วยศรัทธาประชาชนมาทำบุญ แต่ไร้มาตรการควบคุม เมื่อทรัพย์สินเงินทอง ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปปลุกกิเลสของขบวนการ และสีกามาพัวพันกับเงินวัด เรื่องนี้ชาวบ้านรู้ดี แต่เหมือน พศ. ไม่ทราบหรืออย่างไร
รมต.สุชาติจึงสั่งสำนักพุทธฯ โดยเฉพาะ “ผอ.พศ.” ปรับปรุงการทำงานเป็นการด่วน เน้นเชิงรุก ให้หนัก เพราะที่ผ่านมาการทำงานของสำนักพุทธฯหย่อนยาน แล้วขีดเส้นอีก 3 เดือนมาประเมินผลกัน พร้อมคาดโทษถ้าจังหวัดไหนไม่สามารถควบคุมความประพฤติของพระ ให้อยู่ในพระธรรมวินัย ประพฤติดีประพฤติชอบไม่ได้ มีข่าวฉาวโฉ่ ทำผิดปาราชิกเกิดขึ้นซ้ำอีก ต้องถือว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่
และย้ำให้ทำระบบทรัพย์สินของวัดแบบตรงไปตรงมา ตรวจสอบได้ โดยนำเข้าระบบบิ๊กดาต้า ทำบัญชีรายงานพศ.ทุกเดือน จากเดิมให้รายงานทุกปี รวมถึงกำหนดวัดถือเงินสดไม่เกิน 1 แสนบาท ถ้าไปตรวจสอบหลัง 1 ตุลาคมนี้ แล้วไม่เป็นไปตามระเบียบ จะถือว่าพระสงฆ์รูปนั้นทำผิดพระธรรมวินัย
ขณะเดียวกัน จะเร่งแก้พ.ร.บ.สงฆ์ พ.ศ. 2505 เน้นเพิ่มบทลงโทษทางอาญาคนทำผิด เช่น แต่งกายเลียนแบบพระ อวดอุตริมนุสธรรม ทั้งโทษจำคุกและปรับ แก่ ‘พระ-สีกา’ ที่ทำผิดข้อหาเสพเมถุน
การผ่าตัดยกเครื่องใหญ่สำนักพุทธฯครั้งนี้ ขยายวงไปถึงเตรียมขึ้นทะเบียน “ไวยาวัจกร”วัดให้ถูกกฎมหาเถระสมาคม กำหนดคุณสมบัติ เพื่อให้การดูแลทรัพย์สินวัดโปร่งใส ไม่เว้นเรื่องการ“สร้างวัตถุมงคล” ต้องตรวจสอบเข้มข้น เนื่องจากบางแห่งกลายเป็นช่องทางฟอกเงินของกลุ่มค้ายาเสพติด และพนันออนไลน์ ซึ่งจะหารือมหาเถรสมาคมตั้ง “คณะกรรมการพิจารณาอนุญาตสร้างวัตถุมงคล” ขึ้นมาดูแลรับผิดชอบ
ถึงเวลาแล้ว ที่ต้องสังคายนา ผ่าตัด ยกเครื่องวงการสงฆ์ รวมถึง “สำนักพุทธฯ” แบบหยั่งลึกถึงรากแก้ว แค่ปัดกวาดคงไม่พอ
ตีเหล็กต้องตีตอนร้อน “ถูกสถานการณ์ ถูกที่ ถูกเวลา” คงไม่มีอะไรเหมาะสมเท่า ณ ขณะนี้อีกแล้ว!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี