‘สว.’เข้มระดมกึ๋นแก้วิกฤต‘ขยะพิษ’ ลามปนเปื้อนน้ำบาดาล‘5 จังหวัด’ บี้รัฐบาลเร่งอุดช่องโหว่รื้อแก้กฎหมาย ก่อนจะสายเกินไปกลายเป็น‘แดนขยะโลก’

18 กรกฎาคม 2568 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ(กมธ.)ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ได้จัดงานสัมมนา “ปัญหาการลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรม ขยะพลาสติก และการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยผิดกฎหมายกลายเป็นอาชญากรรมด้านสิ่งแวดล้อม” โดยมีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่1 เป็นประธานเปิดงานสัมมนาฯ ที่โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ จ.นนทบุรี เมื่อช่วงเย็นวานนี้(17ก.ค.) โดยมีนายชีวะภาพ ชีวะธรรม สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานกมธ.ทรัพยากรธรรมชาติฯ สมาชิกในกมธ.ฯ และสว. เข้าร่วมงาน

พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า ปัจจุบันการลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรม ขยะพลาสติก และการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยผิดกฎหมายทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีกรณีศึกษาที่คณะกรรมาธิการฯ ตรวจพบ เช่น การพบกากของเสียอุตสาหกรรมในพื้นที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมถึงการปนเปื้อนสารเคมีและโลหะหนักในแหล่งน้ำบาดาลถึง 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเพชรบูรณ์, จังหวัดนครราชสีมา, จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, จังหวัดราชบุรี และจังหวัดระยอง นอกจากนี้ ยังมีการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมายจำนวนมาก ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่ออนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด รวมถึงกฎหมายภายในประเทศและประกาศกระทรวงที่เกี่ยวข้อง

“ปัญหาเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงช่องว่างของกฎหมาย การบังคับใช้ที่ยังไม่เข้มงวด และการขาดมาตรการ รวมถึงเครื่องมือที่เหมาะสมในการจัดการ การสัมมนาครั้งนี้จึงถือเป็นเวทีสำคัญในการระดมความคิดเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา วิเคราะห์สาเหตุและผลกระทบอย่างรอบด้าน เพื่อนำไปสู่การเสนอแนวทางแก้ไขทั้งในมิติของกฎหมาย นโยบาย และการยกระดับการจัดการของเสียอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน” พล.อ.เกรียงไกร กล่าว

ด้านนายชีวะภาพ กล่าวว่า ทางกมธ.ฯสันนิษฐานว่า สาเหตุหลักของปัญหานี้มาจากการขาดมาตรการกำกับดูแลที่เหมาะสม, กฎหมายที่ยังไม่เข้มแข็งพอที่จะควบคุมการจัดการกากของเสีย ขยะพลาสติก และการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงช่องโหว่ในระบบการตรวจสอบ, การดูแลรักษาของกลางในคดีที่ไม่มีประสิทธิภาพ, รายงานการติดตามการเคลื่อนย้ายและกำจัดของเสียที่ขาดประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังพบว่าการลักลอบทิ้งของเสียยังได้รับการสนับสนุนจากกิจกรรมผิดกฎหมายในระดับองค์กรหรือเครือข่ายจากต่างประเทศ จึงหวังว่าการเสวนาในครั้งนี้จะได้มาตรการเร่งด่วนและมาตรการระยะยาว เช่น การปรับปรุงกฎหมายสิ่งแวดล้อมและกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ทันสมัยและครอบคลุม, ส่งเสริมเทคโนโลยีการจัดการขยะอันตราย

“ข้อเสนอแนะทั้งหมดจากการสัมมนาในครั้งนี้ จะถูกรวบรวมและนำเสนอต่อรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อผลักดันให้เกิดการปฏิบัติอย่างจริงจัง” นายชีวะภาพ กล่าว //-005