วันพุธ ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ไทยทำใจ‘เกิดน้อยกู่ไม่กลับ’ ก้าวต่อต้องปรับและรับมืออย่างไร?

ไทยทำใจ‘เกิดน้อยกู่ไม่กลับ’ ก้าวต่อต้องปรับและรับมืออย่างไร?

วันจันทร์ ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : เกิดน้อยกู่ไม่กลับ เด็กเกิดน้อย สังคมสูงวัย
  •  

(ขอบคุณภาพประกอบจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล)

 “รายงานสุขภาพคนไทยปีนี้มีซีน (Scene – ฉาก) ที่ถูกลบไปนิดหน่อย จริงๆ แล้วชื่อ ‘เกิดน้อยกู่ไม่กลับ’ ชื่อเดิมคือ ‘มูฟออน (Move On – ก้าวออกไป)’ แต่พอกรรมการคุยกันแล้ว จะส่งข้อความผิดหรือเปล่า? แต่ตั้งแต่ตอนแรกที่เราทำเรื่องเกิดน้อยกู่ไม่กลับ ตั้งใจที่จะบอกว่าสังคมไทยเราฟังเรื่องนี้มาเยอะแล้ว ขอเรียนให้ทราบว่าเรื่องอัตราการเกิดน้อยไม่ใช่เรื่องใหม่


แล้ววันนี้ที่จะพูด อะไรที่เป็นเรื่องเก่าเราไม่อยากพูดแล้ว สังคมไทยเรารู้เรื่องนี้ งานวิจัยที่ทำเกี่ยวกับเรื่องนี้มีเยอะแยะเต็มไปหมด มูฟออนได้แล้ว มูฟออนด้วยความเห็นความจริงหลายเรื่อง ซึ่งวันนี้จะเสนอให้ทราบว่าความจริงหลายเรื่องที่ต้องยอมรับ แต่ไม่ถึงกับยอมจำนน เราก็ยังมีความหวังที่เกิดจะเพิ่มมากขึ้น แต่ที่มูฟออนคือทำใจเถอะ มันไม่เร็วๆ นี้แน่นอน”

รศ.ดร.ภูเบศร์ สมุทรจักร สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวในการบรรยายหัวข้อ “เกิดน้อยกู่ไม่กลับ ต้องปรับและรับมืออย่างไร” ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับบทความเรื่องเด่นในรายงาน “สุขภาพคนไทย ปี 2568” ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงกลางเดือน ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา ณ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ย่านงามดูพลี – สาทร กรุงเทพฯ ส่งสัญญาณบอกสังคมไทย ถึงเวลาต้องยอมรับความจริงว่าการจะทำให้อัตราการเกิดกลับมาเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องยาก

สำหรับประเทศไทย อัตราการเกิดน้อยเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เป็นรองเพียงสิงคโปร์ ปรากฏการณ์อัตราการเกิดต่ำนี้ยังเกิดขึ้นในหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ มีคำในภาษาเกาหลีที่แปลว่า “วีรชน” ซึ่งความหมายเดิมที่คุ้นเคยคือบุคคลที่กล้าหาญ อาสาไปออกรบเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องประเทศชาติจากข้าศึกศัตรู แต่ในปัจจุบัน คำว่าวีรชนในเกาหลีใต้อาจหมายความเพียงชายหรือหญิงที่กล้ามีลูก เพราะอย่างที่ทราบกันว่าแดนโสมขาวมีอัตราการเจริญพันธุ์ต่ำที่สุดในโลกติดต่อกันมาหลายปีแล้ว

ทั้งนี้ หากดูในภาพรวมของโลก จะพบว่า “เมื่อประเทศใดพยายามพัฒนาความเจริญทางเศรษฐกิจ (ซึ่งเป็นการพัฒนาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้) สิ่งที่ตามมาเสมอคือประเทศนั้นคนจะมีลูกน้อยลง (และสัดส่วนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น)” มีตัวอย่างจาก ญี่ปุ่น หมู่บ้านบางแห่งเหลือประชากรอยู่ไม่มากนักอีกทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นผู้สูงอายุ ถึงขนาดมีการทำตุ๊กตาขนาดเท่าตัวคนไปวางไว้ตามจุดต่างๆ ซึ่งแม้จะถูกมองจากผู้พบเห็นว่าดูหลอนๆ ไม่น้อย แต่อีกมุมหนึ่งก็ยังดึกว่าปล่อยให้เหมือนหมู่บ้านร้างว่างเปล่า อย่างในไทยเองก็มีโรงเรียนร้าง ไม่มีเด็กมาเรียนแล้วเช่นกัน

หรือ ที่ประเทศ สเปน ก็มีเมืองที่ประชากรมีอายุเฉลี่ยมากกว่า 50 ปี จึงต้องรอจับตาดูว่า เมืองหรือหมู่บ้านใดของไทยจะเป็นที่แรกที่มีสภาพแบบนี้ และข่าวร้ายคือ “นโยบายต่างๆ ที่นานาประเทศพยายามทำเพื่อหวังให้อัตราการเกิดเพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้ผลอย่างที่ตั้งใจไว้” จาก 188 ประเทศทั่วโลก จะพบว่าราวครึ่งหนึ่ง หรือราว 90 ประเทศ มีอัตราการเกิดต่ำกว่า 2.1  ซึ่งเป็นระดับประชากรทดแทน

เช่น นอร์เวย์ หนึ่งในประเทศภูมิภาคยุโรปเหนือ (นอร์ดิก , สแกนดิเนเวีย) ที่โดดเด่นเรื่องการสร้างสังคมเท่าเทียม หรือ เยอรมนี ที่ให้อำนาจหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ดูแลศูนย์เด็กเล็ก มีการเพิ่มทั้งปริมาณศูนย์และคุณภาพของผู้ประกอบอาชีพดูแลเด็กเล็ก หรือหลายๆ ประเทศในยุโรป มีนโยบายขยายวันลาคลอดและใช้สิทธิ์ได้ทั้งพ่อและแม่  อย่างสเปนที่ให้เงินค่ามีบุตร 2,800 ยูโร เยอรมนี 1,800 ยูโร แต่อัตราการเจริญพันธุ์ก็ยังเพิ่มขึ้นน้อย   

อย่างไรก็ตาม มีกรณีศึกษาที่น่าสนใจใน สหรัฐอเมริกา เมื่อรัฐมีนโยบายส่งเสริมให้หญิงที่ใกล้หมดวัยเจริญพันธุ์เข้าถึงบริการช่วยให้มีลูก กลับพบว่าได้ผลอย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็ยังได้ผลเพียงช่วงแรกๆ ส่วนประเทศในเอเชีย ไม่ว่า จีน ที่ยกเลิกกฎบังคับมีลูกคนเดียวโดยเปลี่ยนเป็นอนุญาตให้มีได้ถึง 3 คน เกาหลีใต้ ที่ส่งเสริมให้แม่สามีมาช่วยเลี้ยงดูบุตร ค่าใช้จ่ายหารครึ่งระหว่างครอบครัวกับรัฐ แต่อัตราการเกิดก็ยังต่ำ ไม่ต่างจากญี่ปุ่นและสิงคโปร์

“สรุปได้เท่านี้ว่าเกิดน้อยท่าทางจะกู่ไม่กลับ มันเป็นเทรนด์ที่ไปเหมือนกับโลกร้อน จะทำให้โลกเย็นขึ้นคงไม่เย็นแล้ว ถ้าหากจะมีหวังก็คงจะใช้เวลาไปพอสมควรอีกสักระยะหนึ่ง ช่วงนี้ในระยะเวลาที่เรายังกู่ไม่กลับเราจะอยู่กันอย่างไร?” รศ.ดร.ภูเบศร์ ฝากคำถามทิ้งท้าย  

ตฤณ ศรีวงศ์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ในเรื่องของการเกิดน้อย ก็อยากทำให้เด็กที่เกิดน้อยนี้มีคุณภาพ อยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี ข้อเสนอหรือนโยบายแก้วิกฤตประชากรจึงไม่ได้พูดถึงเฉพาะการแก้ปัญหาเด็กเกิดน้อยเพียงอย่างเดียว การเกิดอย่างมีคุณภาพและได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อยู่ในสภาพแวดล้อมและสังคมที่เหมาะสมอาจเป็นเรื่องท้าทาย 

“เด็กเกิดมาแล้วแต่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมสุดท้ายแล้วก็จะตกหลุม ไม่ว่าจะในเรื่องของยาเสพติด การมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หรือการใช้บุหรี่ไฟฟ้า หรือการมีพฤติกรรมสุขภาพ หรือการมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิต อันนี้ก็ทำให้คุณภาพของเด็กที่จะส่งต่อไปยังกลุ่มของวัยทำงานหรือวัยผู้สูงอายุอย่างไม่มีคุณภาพ แล้วก็เสียเด็กไป เด็กเกิดน้อยอยู่แล้วยังต้องมาเจอกับข้อท้าทายปัญหาเหล่านี้ ก็พยายามที่จะแก้ไข” ตฤณ กล่าว  

ผอ.กองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมกิจการเด็กและเยาวชน กล่าวต่อไปว่า หนึ่งในสิ่งที่กรมฯ พยายามทำคือการยกระดับสถานดูแลเด็กปฐมวัย (อายุ 0 – 6 ปี) เพราะเป็นสถานที่สำคัญและลดความห่วงกังวลของพ่อแม่ผู้ปกครองซึ่งพร้อมมีบุตรแต่ไม่รู้ว่าหากมีแล้วจะไปฝากใครเลี้ยง หรือต้องไปทำงานแล้วระหว่างนั้นจะแวะไปให้นมบุตรได้อย่างไร ตลอดจนสถานดูแลเด็กที่มีอยู่ราว 5 หมื่นแห่งทั่วประเทศในหลายสังกัด จะสามารถควบคุมคุณภาพได้หรือไม่ รวมถึงจะลดอายุการรับเด็กได้หรือไม่ เพราะพ่อแม่มีข้อจำกัดด้านการลางาน

ต้นน้ำ สืบตระกูล ผู้ก่อตั้งเพจเฟซบุ๊ก Avengers Teacher กล่าวว่า ในญี่ปุ่นที่มีนโยบายลาคลอดนานสูงสุด 1 ปี จริงๆ แล้วจะแบ่งเป็นลาคลอด 3 เดือน ที่เหลือเป็นการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร นอกจากนั้นหากพ่อแม่ยังหาสถานเลี้ยงดูเด็กไม่ได้ ก็ยังสามารถยืดไปได้ถึง 3 ปี เพื่อให้เด็กอายุถึงเกณฑ์เข้าเรียนชั้นอนุบาล ในกรณีของไทยหากจะนำมาใช้บ้างก็อยากให้เริ่มจากกรณีลูกป่วยก็สามารถใช้วันลาส่วนนี้ได้ ไม่จำเป็นต้องยืดไปถึง 1 ปีก็ได้ แต่อยากให้มีวันลาเลี้ยงดูบุตรบ้าง

“หรือกรณีที่บอกว่าสถานศึกษาต้องผูกกับครอบครัว แล้วถ้าน้องมีกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่ลาไปได้ไหม? เด็กจะตาเป็นประกายเลยถ้าพ่อแม่อยู่ตรงนั้น แล้วอย่างที่รู้กันว่าความสัมพันธ์ในครอบครัว ความผูกพันมันเป็นเหมือนภูมิคุ้มกันที่เขาหยิบไปใช้ได้ตลอด เรื่องนี้ก็น่าจะดีนะในการลาเลี้ยงดูบุตร เริ่มต้นจากการที่แบบว่าน้องป่วยหรือมีกิจกรรมโรงเรียน วันจบอนุบาล วันรับปริญญาอะไรอย่างนี้ น่าจะมีตรงนี้” ต้นน้ำ กล่าว

หมายเหตุ : รายงานสุขภาพคนไทย ปี 2568 ยังมีอีกหลายหัวข้อที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถเข้าไปดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มได้ที่เว็บไซต์  https://www.thaihealthreport.com/th/index.php

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘เกิดน้อย-แก่พุ่ง’ ถึงเวลาไทยยอมรับ‘แรงงานข้ามชาติ’ขับเคลื่อนศก. แนะรัฐมีแผนบริหารระยะยาว ‘เกิดน้อย-แก่พุ่ง’ ถึงเวลาไทยยอมรับ‘แรงงานข้ามชาติ’ขับเคลื่อนศก. แนะรัฐมีแผนบริหารระยะยาว
  • ​‘สานสุขไทอีสาน’ ขับเคลื่อนกลไกสุขภาวะเชิงพื้นที่ รับมือ ‘สังคมสูงวัย’ สร้างสังคมสุขภาวะอย่างยั่งยืน ​‘สานสุขไทอีสาน’ ขับเคลื่อนกลไกสุขภาวะเชิงพื้นที่ รับมือ ‘สังคมสูงวัย’ สร้างสังคมสุขภาวะอย่างยั่งยืน
  • วงถก‘ธรรมศาสตร์’ตีแผ่สถานการณ์‘ตายลำพัง-The Long Goodbye’ ระดมสรรพกำลังดูแล‘สังคมสูงวัย’ วงถก‘ธรรมศาสตร์’ตีแผ่สถานการณ์‘ตายลำพัง-The Long Goodbye’ ระดมสรรพกำลังดูแล‘สังคมสูงวัย’
  • รับมือ‘สังคมสูงวัย’! วงถก‘ธรรมศาสตร์’ห่วงสถานการณ์‘จากไปโดยลำพัง’ รับมือ‘สังคมสูงวัย’! วงถก‘ธรรมศาสตร์’ห่วงสถานการณ์‘จากไปโดยลำพัง’
  • ‘วราวุธ’เตรียมเปิดกล้องคุย\'ครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุ\' ‘วราวุธ’เตรียมเปิดกล้องคุย'ครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุ'
  • ‘ไทย’น่าห่วง! ยังไม่รวยแต่เผชิญสูงวัยอัตราเร่ง ย้อนดูหลังผ่านวิกฤติพบทุกครั้งเศรษฐกิจมีแต่โตน้อยลง ‘ไทย’น่าห่วง! ยังไม่รวยแต่เผชิญสูงวัยอัตราเร่ง ย้อนดูหลังผ่านวิกฤติพบทุกครั้งเศรษฐกิจมีแต่โตน้อยลง
  •  

Breaking News

'อิ๊งค์'ยินดีสภาฯผ่าน พ.ร.บ.ชาติพันธุ์ ก้าวสำคัญของการคุ้มครอง-ส่งเสริมวิถีชีวิต

ฮือฮา!! 'จุรี นุ่มแก้ว' เปิดตัวลงสมัคร สส.เขต 2 สงขลา พรรคภูมิใจไทย

'ศานนท์' โต้ปมงบฯห้องเรียนอนุบาล ยันไม่ได้เกินจริง เพียงเปิดเพิ่มรับเด็กเข้าสู่ระบบ

​‘สว.อิสระ’ยื่น‘ปธ.วุฒิฯ’ ส่งศาลรัฐธรรมนูญสอย 136 สว.แล้ว

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved