ตำรวจสอบสวนกลาง บุกรวบ “ชาติ โพธาราม”  หลังก่อเหตุขับรถรถชนตำรวจกองปราบหวังหนีคดี ก่อนซ่อนตัวบ้านลูก สุดท้ายไม่รอด

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.ท.อภิเดช อธิคมสัญญา และ พ.ต.ท.พิทยา ธนาวุฒิ รอง ผกก.5 บก.ป.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.สิทธิเกียรติ ศรีจันทร์, พ.ต.ท.วาทิต จิตรจันทึก, พ.ต.ท.ศรัณย์ ศรีพักตร์ รอง ผกก.5 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดหนุมาน กก.สนับสนุน บก.ป.  ร่วมกันจับกุม นายนพณัช อายุ 58 ปี บุคคลตามหมายจับ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ 432/2568 ลงวันที่ 1 ส.ค.2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่, ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และทำให้เสียทรัพย์”

สถานที่จับกุม บ้านเลขแห่งหนึ่ง ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พฤติการณ์ ก่อนเกิดเหตุเมื่อปี 2565 ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้ตั้งจุดตรวจจุดสกัด นายนพณัฐ กับพวกได้ร่วมกันลักลอบขนบุคคลต่างด้าวเข้ามาในประเทศ โดยการใช้รถยนต์ซุกซ่อนบุคคลต่างด้าว เมื่อนายนพณัฐขับรถยนต์มาถึงบริเวณจุดตรวจจุดสกัดดังกล่าวปรากฎว่านายนพณัฐ ได้ขับรถยนต์ฝ่าจุดตรวจจุดสกัด และสามารถหลบหนีไปได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ได้จับกุมบุคคลต่างด้าว ซึ่งได้ลักลอบเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย จำนวนประมาณ 20 คน จึงได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษนายนพณัชพร้อมพวก ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางปลาม้า ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และได้ขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับนายนพณัช เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาเมื่อปี 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายนพณัช นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนได้นำตัวนายนพณัช ฝากขังต่อศาล แต่ปรากฎว่านายนพณัช ไม่ไปตามกำหนดนัดของศาล ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้ออกหมายจับนายนพณัช ตามหมายจับศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ 264/2566  ในความผิดฐาน “พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง” เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่านายนพณัช ได้หลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่บ้านพักในพื้นที่ ต.คุ้งลาน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้ร่วมกันวางแผนเข้าทำการจับกุม จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. จึงได้ไปซุ่มอยู่บริเวณหน้าบ้านพักของนายนพณัช เมื่อนายนพณัช กลับมาถึงหน้าบริเวณบ้านพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้เข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อจะทำการจับกุม เมื่อนายนพณัช เห็นดังนั้น จึงได้ขับรถยนต์กระบะของตนเข้าพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม และสามารถหลบหนีไปได้ เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย และรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ได้รับความเสียหาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษนายนพณัช ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ 

ต่อมาพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจึงได้ออกหมายจับนายนพณัช ตามหมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ 432/2568 ลงวันที่ 1 ส.ค.2568 ในความผิดฐาน “พยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่, ต่อสู้หรือขัดขวาง

เจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ และทำให้เสียทรัพย์” หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้ร่วมกันทำการสืบสวนจนทราบว่านายนพณัช ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี และทราบว่าได้ซุกซ่อนตัวอยู่ที่สถานที่จับกุม ซึ่งเป็นบ้านเช่าของบุตรชาย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้นต่อศาล เพื่อตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว เนื่องจากนายนพณัช มีพฤติการณ์หลบหนีการจับกุมมาแล้วจำนวนหลายครั้ง

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดหนุมาน กก.สนับสนุน บก.ป. ได้ร่วมกันวางแผนเข้าตรวจค้นจับกุม และเดินทางไปที่บ้านหลังดังกล่าว จากนั้นจึงได้ร่วมกันทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว โดยผลการตรวจค้นพบตัวนายนพณัช ซึ่งได้หลบซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณชั้น 2  ของบ้าน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ร่วมกันจับกุมตัวเอาไว้ได้  

หลังการตรวจค้นเสร็จสิ้น จึงได้สอบถามนายนพณัฐ เกี่ยวกับรถยนต์กระบะคันที่ได้ใช้ก่อเหตุ นายนพณัฐ รับว่าได้นำไปจอดไว้ที่อู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เพื่อทำการซ่อมแซมและเปลี่ยนสีแปลงสภาพ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้ตรวจยึดรถยนต์กระบะคันดังกล่าว จากนั้นจึงได้นำตัวนายนพณัฐ และรถยนต์กระบะคันดังกล่าว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา   

เตือนภัย การกระทำความผิดต่อเจ้าพนักงาน เป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมและการบังคับใช้กฎหมาย จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบและตระหนักว่า

1. การพยายามฆ่าเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ เป็นความผิดอุกฉกรรจ์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 289 (2) และมาตรา 80 ผู้ใดพยายามกระทำการฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำ หรือได้กระทำการตามหน้าที่ มีโทษจำคุกสูงสุดถึง ตลอดชีวิต หรือ ประหารชีวิต

2. การต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 

ผู้ใดต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานหรือผู้ซึ่งต้องช่วยเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติการตามหน้าที่

โดยใช้กำลังประทุษร้าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และหากมีการใช้อาวุธหรือร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป อาจมีโทษจำคุกถึง 5 ปี

3. เจ้าพนักงานมีอำนาจดำเนินการตามกฎหมายได้อย่างเด็ดขาด การกระทำใดอันมีลักษณะเป็นการต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ไม่เพียงแต่เป็นความผิดทางอาญา แต่ยังเป็นการฝ่าฝืนต่อศีลธรรมทางสังคม และอาจทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นเช่นเดียวกัน