4 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) อาคาร 99ปี หม่อมหลวงชูชาติ กำภู กรมชลประทาน ถนนสามเสน นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ โดยมี นายฐนันดร์ สุทธิพิศาล รองอธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตลอดจนสำนักงานชลประทานที่ 1 -17 และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสภาพอากาศ สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แม่น้ำสายหลักต่างๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ปัจจุบัน (4 ส.ค.68) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 50,275 ล้าน ลบ.ม. (66% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 26,228 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 17,049 ล้าน ลบ.ม. (69% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้รวมกันอีก 7,822 ล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีปริมาณน้ำจากฝนที่ตก ไหลลงอ่างฯอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุ สามารถรับน้ำได้อีกประมาณ 1,511 ล้าน ลบ.ม. กรมชลประทาน จึงได้ร่วมบูรณาการกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พิจารณาปรับเพิ่มการระบายน้ำในอัตรา 45-50 ล้าน ลบ.ม./วัน ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้าย เนื่องจากปัจจุบันปริมาณฝนเริ่มลดลงส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำยมและแม่น้ำน่านด้านท้ายเขื่อนสิริกิติ์ลดลงและสามารถระบายได้ดี โดยจะเริ่มปรับการระบายน้ำตั้งแต่วันที่ 4-10 ส.ค.นี้ เพื่อรักษาระดับน้ำในอ่างฯ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดและเพิ่มช่องว่างในการรองรับน้ำจากฝนที่ตกเพิ่มในช่วงสัปดาห์หน้า
สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่สถานีวัดระดับน้ำ C2 จังหวัดนครสวรรค์ ปริมาณน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง กรมชลประทาน ได้ปรับลดการรับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อรักษาระดับน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ช่วยลดผลกระทบต่อกระชังปลาในลำน้ำสะแกกรัง และยกระดับน้ำเข้าพื้นที่การเกษตรเหนือเขื่อนที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว พร้อมควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนให้อยู่ในเกณฑ์ต่ำสุด โดยจะพิจารณาปรับแผนการระบายน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณฝนและปริมาณน้ำทางตอนบน เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ ได้กำชับไปยังโครงการชลประทานทุกพื้นที่ ให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์วางแผนการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งพิจารณาปรับการระบายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและไม่ส่งผลกระทบต่อท้ายเขื่อน ตามข้อสั่งการของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) เพื่อรองรับปริมาณฝนที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงวันที่ 5-7 และ 11-18 ส.ค.นี้ ตามการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา ที่สำคัญให้ปฏิบัติตาม 9 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 68 อย่างเคร่งครัด รวมทั้งหมั่นตรวจสอบอาคารชลศาสตร์และกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนกำหนดพื้นที่เสี่ยง และมอบหมายเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องจักรเครื่องมือประจำจุดเสี่ยง เพื่อให้สามารถเข้าช่วยเหลือพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที สามารถลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ตามข้องสั่งการของ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี