วันศุกร์ ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด 6 เจ้าหน้าที่รัฐ นำรถหลวงไปใช้ส่วนตัว

ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด 6 เจ้าหน้าที่รัฐ นำรถหลวงไปใช้ส่วนตัว

วันศุกร์ ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 14.35 น.
Tag : เจ้าหน้าที่รัฐ ชี้มูลความผิด นำรถหลวงไปใช้ส่วนตัว
  •  

วันที่ 15 สิงหาคม 2568 นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ รวมจำนวน 6 เรื่อง ดังนี้  

เรื่องที่ 1 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายวรพันธุ์ (สงวนนามสกุล) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอแห่งหนึ่ง จังหวัดตรัง นำเงินรายได้  ปาล์มน้ำมันของอำเภอ ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว


ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ภายหลังจากนายวรพันธุ์  เข้าดำรงตำแหน่งนายอำเภอแห่งหนึ่ง จังหวัดตรัง เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558 จังหวัดตรังได้มีหนังสือที่ กค 0311.15/19572 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2558 แจ้งให้อำเภอตรวจสอบการนำที่ราชพัสดุ (ที่ดินและอาคาร) ที่อยู่ในความครอบครองของอำเภอ  ไปใช้ประโยชน์ว่าถูกต้องตามที่ได้รับอนุญาตหรือผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ นายวรพันธุ์  นายอำเภอวัง กลับไม่ดำเนินการตรวจสอบและรายงานผลให้จังหวัดตรังทราบ ทั้งที่พื้นที่ราชพัสดุซึ่งกรมธนารักษ์อนุญาตให้กรมการปกครองใช้ประโยชน์เป็นที่ตั้งของศูนย์ราชการอำเภอ ที่ว่าการอำเภอ และบ้านพักราชการ บริเวณด้านข้างที่ว่าการอำเภอ ติดกับบ้านพักนายอำเภอ ยาวตลอดไปจดถนนเทศบาลตำบลวังวิเศษ  มีการปลูกเป็นสวนปาล์มน้ำมันของอำเภอ เนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ 1 งาน 19 ตารางวา โดยมิได้แจ้งขอเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ และนายวรพันธุ์  ได้เข้าบริหารจัดการสวนปาล์มน้ำมันโดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลเก็บเกี่ยวและจำหน่ายผลผลิตปาล์มน้ำมันดังกล่าวเรื่อยมาจนถึงเดือนธันวาคม 2560 รวมระยะเวลา 2 ปี มีรายได้ที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายเพื่อกิจการต่างๆ ของอำเภอ ซึ่งนายวรพันธุ์  เก็บไว้เป็นประโยชน์ส่วนตนแต่เพียงผู้เดียว ประมาณ 74,500 – 174,500 บาท

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้ การกระทำของนายวรพันธุ์  มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98

ทั้งนี้ ให้แจ้งจังหวัดตรัง ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง

เรื่องที่ 2 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายประทุม  เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จังหวัดแห่งหนึ่ง นำรถยนต์ส่วนกลางของสำนักงาน สกสค.  ไปใช้ส่วนตัว และเบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าบำรุงรักษารถยนต์คันดังกล่าวโดยมิชอบ

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ขณะที่นายประทุม ล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จังหวัดแห่งหนึ่งได้ใช้รถยนต์ส่วนกลางของสำนักงาน สกสค.  เดินทางไป - กลับระหว่างสำนักงาน สกสค. จังหวัด กับบ้านพักที่อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ในช่วงระหว่างวันที่ 20 ธันวาคม 2563 ถึงวันที่ 16 สิงหาคม 2564 เป็นประจำทุกวัน และนำรถยนต์คันดังกล่าวไปจอดเก็บไว้ที่บ้านพักของตนเอง       

ทั้งที่ สำนักงาน สกสค. จังหวัด มีสถานที่เก็บรักษารถยนต์ส่วนกลางที่มีความปลอดภัยเพียงพอ และไม่ปรากฏว่านายประทุม  ได้รับอนุญาตจากเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. ให้นำรถยนต์ส่วนกลางของสำนักงาน ไปจัดเก็บที่อื่นได้ การที่นายประทุม  ใช้รถยนต์ส่วนกลางโดยมิใช่เพื่อกิจการอันเป็นส่วนรวมของสำนักงาน และอนุมัติให้เบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน 21 ครั้ง และค่าซ่อมบำรุงรักษา จำนวน 3 ครั้ง ให้กับรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว เป็นเงินรวม 34,010 บาท จึงเป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหาย

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้การกระทำของนายประทุม มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี  และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98

ทั้งนี้ ให้แจ้งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) จังหวัด ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ เพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง

เรื่องที่ 3 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายเชลงศักดิ์  เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครสวรรค์ กับพวก นำรถตู้ซึ่งเป็นรถยนต์ส่วนกลางของเทศบาลตำบล ไปใช้ท่องเที่ยวส่วนตัวโดยมิชอบ

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 22 – 24 พฤศจิกายน 2564 ขณะที่นายเชลงศักดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลแห่งหนึ่ง จังหวัดนครสวรรค์ ได้นำรถยนต์ตู้ส่วนกลางของเทศบาล ไปท่องเที่ยวส่วนตัว โดยมีพนักงานขับรถยนต์ เป็นผู้ขับขี่ และเมื่อนำรถกลับมาถึงเทศบาลแล้ว ได้ตรวจสอบพบว่ามาตรวัดระยะทาง (เลขไมล์) ของรถมากกว่าเลขมาตรวัดระยะทางที่บันทึกไว้ในทะเบียนคุมการใช้รถ นายเสน่ห์ จึงให้เจ้าหน้าที่จัดทำใบขออนุญาตใช้รถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว โดยระบุว่านายเชลงศักดิ์ เป็นผู้ขอใช้รถไปติดต่อราชการยังสถานที่ต่าง ๆ อันเป็นความเท็จ จำนวน 16 ฉบับ ให้นายเชลงศักดิ์  ลงนามอนุญาตในใบขออนุญาตใช้รถรวมจำนวน 16 ฉบับ เพื่อนำข้อมูลไปลงในทะเบียนการใช้รถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว และเพื่อให้จำนวนเลขมาตรวัดระยะทาง (เลขไมล์) ในทะเบียนคุมการใช้รถตรงกับมาตรวัดระยะทาง (เลขไมล์)  ที่ปรากฏที่รถโดยนายเสน่ห์  เป็นผู้ลงลายมือชื่อในทะเบียนคุมการใช้รถทั้ง 16 รายการ

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้ การกระทำของนายเชลงศักดิ์ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
การกระทำของนายเสน่ห์ สันติสุข มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) มาตรา 98 และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณี

ทั้งนี้ ให้แจ้งเทศบาลตำบล ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง

เรื่องที่ 4 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหานางสาวพิมพ์พัชชา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่ง จังหวัดนนทบุรี นำรถยนต์ส่วนกลางของทางราชการไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า หลังจากที่ผู้ขายได้ส่งมอบรถยนต์ ให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบล  ตามที่องค์การบริหารส่วนตำบลได้จัดซื้อเพื่อใช้เป็นรถยนต์ส่วนกลางเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2559 แล้ว นางสาวพิมพ์พัชชา นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ได้ละเว้นไม่ดำเนินการให้มีการติดตราเครื่องหมายและชื่อหน่วยงานไว้ที่ด้านข้างรถยนต์คันดังกล่าว จนกระทั่งในวันที่ 18 ธันวาคม 2560 ภายหลังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเข้าตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างที่องค์การบริหารส่วนตำบล จึงได้มีการดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ และตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 ถึงเดือนธันวาคม 2561 นางสาวพิมพ์พัชชา  ได้นำรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว ซึ่งต้องใช้เพื่อกิจการอันเป็นส่วนรวมหรือเพื่อประโยชน์ของทางราชการไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวในลักษณะเสมือนเป็นรถยนต์ประจำตำแหน่ง โดยสั่งการให้พนักงานขับรถยนต์นำรถยนต์ไปรับตนที่บ้านพักเพื่อเดินทางไปปฏิบัติงานที่องค์การบริหารส่วนตำบล รวมทั้งนำรถยนต์ไปจอดเก็บรักษาไว้ที่บ้านพักของตนเป็นประจำ เพื่อจะได้นำรถยนต์ไปใช้ทำธุระส่วนตัวในช่วงเวลาหลังเลิกงานและวันหยุดราชการ และยังมีการอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินค่าน้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์คันดังกล่าวจากเงินงบประมาณของทางราชการ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 ถึงเดือนธันวาคม 2561 โดยมิชอบ เป็นเหตุให้องค์การบริหารส่วนตำบลได้รับความเสียหาย

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้

การกระทำของนางสาวพิมพ์พัชชา มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่

ทั้งนี้ ให้แจ้งเทศบาล (ยกฐานะจากองค์การบริหารส่วนตำบล) ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง

เรื่องที่ 5 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหา นายสิทธิรักษ์  นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแห่หนึ่ง จังหวัดศรีสะเกษ นำรถยนต์ส่วนกลางขององค์การบริหารส่วนตำบลไปใช้ส่วนตัวจนเกิดอุบัติเหตุเสียหาย และจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อเบิกค่าซ่อมแซมรถยนต์คันดังกล่าวจากทางราชการ

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า นายสิทธิรักษ์  ขณะดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ได้ใช้รถยนต์ส่วนกลางขององค์การบริหารส่วนตำบล เป็นพาหนะเดินทางไปกลับระหว่างบ้านพักและสำนักงานในช่วงระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 เป็นประจำทุกวัน และนำรถไปจอดเก็บไว้บริเวณริมถนนหน้าบ้านพักในเวลากลางคืน รวมทั้งยังได้นำรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวในการเดินทางไปร่วมงานสังคมต่าง ๆ โดยมีการเบิกจ่ายค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากทางราชการเป็นเงินจำนวนเดือนละ 4,000 – 5,000 บาท และในวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 เวลาประมาณ 23.00 น. นายสิทธิรักษ์  ยังขับรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าวไปชนเสาไฟฟ้าส่องสว่าง บริเวณหมู่ที่ 9 และได้จัดทำเอกสารอันเป็นเท็จเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการขับรถยนต์ส่วนกลางไปประสบอุบัติเหตุในขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยมีเจตนาเพื่อเบิกจ่ายเงินค่าซ่อมแซมรถยนต์คันดังกล่าวจากงบประมาณขององค์การบริหารส่วนตำบล

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้

การกระทำของนายสิทธิรักษ์ อาจภักดี มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) และ (4) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และมาตรา 91 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี  และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1)และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่ แล้วแต่กรณี

ทั้งนี้ ให้แจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลขุนหาญดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง

เรื่องที่ 6 กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีกล่าวหานายสาธิต   เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่ง จังหวัดตาก นำรถยนต์ส่วนกลางของทางราชการไปใช้เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น

ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2555 – 2559 ขณะที่นายสาธิต ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ได้นำรถยนต์ส่วนกลางขององค์การบริหารส่วนตำบล ไปใช้งานโดยเป็นผู้ขับรถยนต์ด้วยตนเองหรือให้พนักงานจ้างทำหน้าที่ขับรถยนต์ให้ และได้ลงนามในใบสั่งซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้กับรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าว จำนวน 19 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 37,522.25 บาท โดยไม่ปรากฏหลักฐานการขออนุญาตใช้รถและลงบันทึกข้อมูลการใช้งานรถยนต์ส่วนกลาง รวมทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่าได้นำรถยนต์ส่วนกลางคันดังกล่าวไปใช้เพื่อปฏิบัติราชการในภารกิจใด

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้

การกระทำของนายสาธิต  มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 90/1

ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี  และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) และมาตรา 98 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 98 วรรคสี่

ทั้งนี้ ให้แจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลวังประจบ  ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 82 วรรคสอง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ด่วน! จับคาสำนักงาน ระดับ ผอ. ปั้นเอกสารรังวัด-เกษตรกรทิพย์ ฮุบที่ดินป่า ด่วน! จับคาสำนักงาน ระดับ ผอ. ปั้นเอกสารรังวัด-เกษตรกรทิพย์ ฮุบที่ดินป่า
  • จ่อฟัน70จนท.รัฐ DSIพบเอี่ยวฮั้วประมูล โยงปมตึกสตง.พังถล่ม จ่อฟัน70จนท.รัฐ DSIพบเอี่ยวฮั้วประมูล โยงปมตึกสตง.พังถล่ม
  • ‘DSI’ส่งสำนวนถึง‘ป.ป.ช.’ ฟัน‘จนท.รัฐ’เอี่ยวเครือข่ายเว็บพนัน‘แม่มนต์’ ‘DSI’ส่งสำนวนถึง‘ป.ป.ช.’ ฟัน‘จนท.รัฐ’เอี่ยวเครือข่ายเว็บพนัน‘แม่มนต์’
  • ‘ป.ป.ช.’รวบหุ้นส่วนผู้จัดการ ร่วมเจ้าหน้าที่รัฐจัดจ้างปรับปรุงอาคารเรียนโดยมิชอบ ‘ป.ป.ช.’รวบหุ้นส่วนผู้จัดการ ร่วมเจ้าหน้าที่รัฐจัดจ้างปรับปรุงอาคารเรียนโดยมิชอบ
  • ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดอดีต 2 ผู้บริหารการบินไทย ทำบริษัทเสียหายกว่า 10 ล้านดอลลาร์ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดอดีต 2 ผู้บริหารการบินไทย ทำบริษัทเสียหายกว่า 10 ล้านดอลลาร์
  • รวบ‘เจ้าหน้าที่รัฐ’อดีตชุดปฏิบัติการพิเศษ ลักทรัพย์เงินหลวงกว่า 10 ล้าน หนีข้ามชายแดน รวบ‘เจ้าหน้าที่รัฐ’อดีตชุดปฏิบัติการพิเศษ ลักทรัพย์เงินหลวงกว่า 10 ล้าน หนีข้ามชายแดน
  •  

Breaking News

โดนยกแผง! DSI จ่อเรียกสอบ 1,200 ‘ผู้สมัคร-พยาน’หาความเชื่อมโยง‘คดีฮั้วสว.’

'ภูมิใจไทย'มีมติคว่ำงบ 69 ซัดงบเพื่อประชาชนน้อย เทให้แต่ก่อสร้าง-ครุภัณฑ์

‘อั้ม พัชราภา’ โต้ย้ายช่อง!! มีคุยบ้างแต่ไม่ได้จริงจัง ขอโฟกัสงานที่ทำ ‘ช่อง 7 ส่งมาเราก็รับอยู่แล้ว’

ทภ.2 เผยพบ'แสงอินฟาเรด' 10 จุด พื้นที่หลังเขาพนมประสิทธิโส คาดมีการเพิ่มกำลัง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved