สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ลงพื้นที่เยี่ยมชมวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาหลักสูตรสาขาวิชาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร เพื่อยกระดับผู้เรียนสู่การเป็นนวัตกรเกษตร ภายใต้แนวคิด “ผลิตได้ ขายเป็น เน้นคุณภาพ”
ศ.ดร.องอาจ นัยพัฒน์ ผู้อำนวยการ สมศ. กล่าวว่า วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นับเป็นหนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จจากการพัฒนาหลักสูตรและเครือข่ายความร่วมมือ โดยวิทยาลัยฯ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) สาขาวิชาพืชศาสตร์ มีการพัฒนาหลักสูตรสาขาวิชาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร (ปวส.) ซึ่งเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ชุมชน สถานประกอบการ และตลาดแรงงาน โดยหลักสูตรนี้เกิดจากการมีส่วนร่วมของสถานศึกษา สถานประกอบการ ชุมชน และท้องถิ่น โดยมีการปรับปรุงรายวิชาเดิมและกำหนดรายวิชาใหม่ให้ทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและความต้องการของตลาดแรงงาน นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมให้ครูผู้สอนพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะตามรายวิชาให้สอดคล้องกับมาตรฐานอาชีพ
“การลงพื้นที่ครั้งนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษาด้านการอาชีวศึกษาของ สมศ. ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้สถานศึกษาพัฒนาคุณภาพได้อย่างต่อเนื่องและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงาน เป็นภาพสะท้อนของการประเมินคุณภาพภายนอกที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ที่ส่งผลถึงอนาคตของผู้เรียน และอนาคตของการเกษตรไทยที่ทันสมัย ยั่งยืน และสร้างรายได้จริง” ผู้อำนวยการ สมศ. กล่าว
ด้าน นายสุรศักดิ์ เทียบรัตน์ ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ กล่าวว่า วิทยาลัยได้ยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ผลการประเมินและข้อเสนอแนะจาก สมศ. เป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนา ร่วมกับนโยบายของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเรื่องการยกระดับคุณภาพการจัดการอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง โดยเริ่มจาก "หลักสูตรเกษตรก้าวหน้า" ซึ่งเป็นหลักสูตรระยะสั้น และพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็น "หลักสูตรเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร" ที่โดดเด่นภายใต้แนวคิด "ผลิตได้ ขายเป็น เน้นคุณภาพ" ให้นักศึกษามีทักษะรอบด้าน ทั้งการผลิต (ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์) เน้นบูรณาการเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น โดรนเพื่อการเกษตร และโรงเรือนอัจฉริยะที่ควบคุมความชื้น อุณหภูมิ และแสงได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเปลี่ยนภาพลักษณ์การเกษตรแบบเดิม สร้างทักษะธุรกิจและการตลาด มีรายวิชา "การขายเบื้องต้น" และศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการ สนับสนุนให้นักศึกษาสร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพและขายได้เอง เพื่อความยั่งยืนในอาชีพ ปัจจุบันมีการจำหน่ายสินค้าจากร้านของวิทยาลัยและนักศึกษาสามารถขายได้เองในพื้นที่รอบวิทยาลัย
นอกจากนี้ ทางวิทยาลัยฯ ยังได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับวิทยาลัยพลังงานของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดโอกาสให้นักศึกษาที่จบ ปวส. จากหลักสูตรนี้ สามารถศึกษาต่อปริญญาตรีสาขาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตรได้อย่างต่อเนื่อง
“การได้รับการประเมินคุณภาพภายนอกจาก สมศ. ทำให้วิทยาลัยฯ ได้รับข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ ซึ่งวิทยาลัยนำไปใช้พัฒนาหลักสูตรและตั้งเป้าหมายสูงขึ้นในแต่ละปี ส่งเสริมการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ กระบวนการประเมินของ สมศ. ในปัจจุบันยังเป็นกันเองและปรับเกณฑ์ให้สอดคล้องกับระบบการทำงานของสถานศึกษามากขึ้นกว่าการประเมินในอดีต” นายสุรศักดิ์ กล่าว
กิจกรรมลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้มีการเยี่ยมชมตัวอย่างการเรียนการสอนผ่านโครงการเกษตรหลากหลายเป็นแหล่งเรียนรู้ ได้แก่ โรงเรือน IoT (Internet of Things) หรือ "Smart Greenhouse" ซึ่งเป็นโรงเรือนปลูกพืชที่ใช้เทคโนโลยี IoT มาช่วยในการจัดการและควบคุมสภาวะแวดล้อมภายในโรงเรือน เช่น อุณหภูมิ ความชื้น แสงสว่าง และการให้น้ำ เพื่อให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุด และฟาร์มสุกรระบบปิด (สร้างใหม่หลังโรคระบาด) และฟาร์มไก่ไข่ร่วมกับบริษัทเอกชน ซึ่งผลผลิตไข่ไก่ส่งขายให้บริษัทคู่สัญญา ร่วมพิสูจน์ผลงานการแปรรูปนวัตกรรมผลผลิตทางการเกษตร เช่น น้ำนมข้าวโพด แฮมเบอร์เกอร์แพลนต์เบส และชาหมักคอมบูชะ ซึ่งเป็นตัวอย่างการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตทางการเกษตร พร้อมกันนี้ ได้เยี่ยมชมศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการอาชีวศึกษา สำหรับหารายได้ระหว่างเรียนสำหรับนักเรียนในทุกสาขา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี