พายุ‘คาจิกิ’ก่อตัว
อุตุฯออกโรงเตือนภัย
ท่วมตะวันออก-อีสาน
กรมอุตุฯเผย ดีเปรสชั่น ทวีกำลังเป็นพายุโซนร้อน “คาจิกิ” แล้ว จ่อขึ้นฝั่งเวียดนาม-ลาว มุ่งเข้าไทย เตือนภัยภาคตะวันออก อีสาน เหนือ เกิดน้ำท่วมฉับพลัน
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” มีแนวโน้มเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนประมาณวันที่ 25 -26 สิงหาคม ก่อนเข้าสู่สปป.ลาวและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย
หลังจากขึ้นฝั่งที่เวียดนาม คาดว่าพายุโซนร้อนจะอ่อนกำลังลง โดยเมื่อเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยจะเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ แต่ยังคงส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่ โดยเส้นทางพายุ ใกล้เคียงกับพายุ “วิภา” ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
จากอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” ร่วมกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงขึ้น ประเทศไทยจะมีฝนตกเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 24–27 สิงหาคม 2568 โดยจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ครอบคลุมหลายภาค ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคเหนือ ภาคกลางภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ทั้งนี้ คาดว่า อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในบางพื้นที่จากฝนตกสะสม ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน จะมีกำลังแรงขึ้น เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งและประชาชนในพื้นที่ชายฝั่งควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ
สำหรับพายุ “คาจิกิ (KAJIKI)” เป็นชื่อที่ ประเทศญี่ปุ่นตั้งขึ้น หมายถึง “ปลาทะเลที่มีสีสวยงาม” และเป็นพายุลูกที่ 13 ของปีนี้ ตามการนับจำนวนพายุของศูนย์เตือนภัยไต้ฝุ่น (RSMC) โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย
สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
จ.ตราด/จากการที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่า พายุดีเปรสชันดังกล่าวมีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและลาวตอนบนในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคม 2568 อิทธิพลของพายุจะทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมาก และมีลมแรง โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคเหนือ ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 24–27 สิงหาคม 2568 นั้น
นายธำรงค์ศักดิ์ นคราวงศ์ ผู้อำนวยการชลประทานตราด เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝนตกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำสำคัญมีระดับน้ำล้นเกินสปินเวย์ ทำให้ทางชลประทานได้เร่งระบายน้ำเพื่อลดระบดับลง ซึ่งสามารถลดลงได้ในระดับที่ควบคุมได้ในระดับ 70% ของระดับความจุ แต่เมื่อวันที่ 21-22 สิงหาคม 2568 มีฝนตกลงมาอีก ทำให้มีปริมาณไหลเข้าในอ่างกว่า 1.7 ล้านลบม.ทำให้ทางชลประทานตราดต้องดำเนินการระบายน้ำเพิ่มอีกเพื่อให้ลดลงสู่ระดับที่ควบคุมได้เพื่อรองรับกับปริมาณฝนที่จะตกลงมาในวันที่ 25-27 สิงหาคม 2568 นี้ ซี่งปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำสำคัญอยู่ระดับที่ปลอดภัยและควบคุมได้ ส่วนการป้องกันน้ำท่วมในเมืองตราดนั้น ได้มีการหารือร่วมกันระหว่างนายอำเภอเมืองตราด,นายกเทศบาลเมืองตราดและนายกอบต.วังกระแจะเพื่อร่วมแก้ปัญหาเรื่องการระบายน้ำ โดยเฉพาะสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในคลองบางพระเพราะจะทำให้การระบายน้ำดีขึ้น
“ที่ประชาชนกลัวก็คือ การระบายน้ำของชลประทานตราดว่าหากระบายน้ำไม่ทันอาจจะทำให้เกิดปัญหาเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ชลประทานตราดได้ดำเนินการควบคุมการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขาระกำตอนบนลงมาตอนล่างให้มีความสูงไม่เกิน 90 ซม.ซึ่งเป็นระดับที่น้ำจะไม่ท่วมตลิ่ง ซึ่งวันนี้ยังไม่เกินและอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และการที่ทางอำเภอเมืองตราดได้เข้าไปรื้อสิ่งกีดขวางการระบายน้ำเมื่อวานนี้ และเทศบาลเมืองตราดก็ได้เข้าไปแก้ไขปัญกาการระบายน้ำในเมืองตราดแล้ว และมีการเตรียมความพร้อมแล้ว ซี่งที่ผ่านมาก็ท่วมสูงเพียง 30 ซม.เท่านั้น ครั้งนี้มีการเตรียมความพร้อมมากกว่าน่าจะไม่ท่วมเหมือนปีที่ผ่านมา”ผู้อำนวยการชลประทานตราดกล่าว
ด้านนายสุรศักดิ์ ภูติภัทร นายกเทศบาลเมืองตราด เปิดเผยว่า ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำท่วมในตัวเมืองตราดในวงกว้าง เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน โดยปัญหาก็มาจากเรื่องเดิมคือ น้ำไม่สามารถระบายน้ำได้ทันเนื่องจากมีโครงการของกรมโยธาธิการและผังเมืองที่ยังทำไม่แล้วเสร็จ ซึ่งทำมานานแล้วทำให้ระบายน้ำไม่ทัน แต่ที่ผ่านมาก็ได้หารือกับผู้รับเหมาแล้วเพื่อให้เร่งดำเนินการ และช่วยแก้ปัญหาร่วมกันแล้ว โดยทีมบริหารและสมาชิกสภาได้ลงพื้นทีทร่วมมือกันแก้ปัญหาและป้องกันร่วมกับส่วนราชการและสถานการศึกษาเพื่อช่วยกันในการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี