งานวิจัยคือพลังสำคัญที่จะนำพาภาคการเกษตรไทยสู่ความยั่งยืนและการแข่งขันในระดับโลก สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ ARDA มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการทุน (PMU) เพื่อสนับสนุนและบริหารจัดการทุนวิจัยด้านการเกษตรและอาหารของประเทศ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ภาคการเกษตร สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และเชื่อมโยงผลงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์และการพัฒนาภาคธุรกิจ แสดงให้เห็นว่างานวิจัยและนวัตกรรมสามารถเปลี่ยนเกษตรไทยให้ก้าวข้ามข้อจำกัดเดิมๆ ไปสู่ระบบเกษตรที่มั่นคงยั่งยืน และแข่งขัน ARDA จึงจัดงานประชุมวิชาการและแสดงผลงานวิจัย “ARDA AGRINEXT THAILAND 2025” ขึ้น ระหว่างวันที่ 25-28 กันยายน 2568 ภายใต้แนวคิด SMART-SUSTAINABLE -GLOBAL AGRICULTURE ณ Hall 5-8 อิมแพ็คเมืองทองธานี เนื่องในโอกาสครบรอบ 22 ปี ของการจัดตั้งสำนักงานฯ เพื่อเป็นเกียรติประวัติและความภาคภูมิใจของ ARDA โดยร่วมกับงาน “TOYOTA FARM EXPO 2025” ซึ่งเป็นมหกรรมเกษตรในร่มที่ยิ่งใหญ่แห่งปี รวมทุกเทคโนโลยีล้ำสมัย เครื่องจักรอัจฉริยะ และนวัตกรรมเพื่ออนาคตเกษตรไทย
ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการ ARDA กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ เป็นการถ่ายทอดความสำเร็จจากการทำงานของ ARDA ตลอด 22 ปีที่สร้างเครือข่ายนักวิจัยและผู้ประกอบการ มุ่งผลักดันผลงานสู่การใช้ประโยชน์จริง โดยผู้เข้าชมงานจะได้สัมผัสกับผลงานวิจัยจริงและนวัตกรรมจริงมากกว่า 40 ผลงาน ครอบคลุมทั้งการเพิ่มผลผลิตยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร และการสร้างมูลค่าเพิ่มเชิงเศรษฐกิจ โดยแบ่งพื้นที่นิทรรศการออกเป็น 4 โซนหลัก ได้แก่ ARDA Showcase-งานวิจัยคุณภาพที่ต่อยอดใช้จริง ช่วยยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตเกษตรกร Agri Tech-เทคโนโลยีและเครื่องจักรกลการเกษตรสมัยใหม่ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต Agri Next-นวัตกรรมเกษตรแห่งอนาคต อาทิ ระบบเตือนภัย หุ่นยนต์การเกษตร และแพลตฟอร์มดิจิทัล และ Agri Colorful-ผลิตภัณฑ์เกษตรสร้างมูลค่า ที่นำเสนอความหลากหลายและสีสันใหม่ของตลาดไทย
ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าว ผอ.ARDA ยังได้นำชมตัวอย่างผลงานวิจัยบางส่วน ที่นำมาจัดแสดงล่วงหน้า เพื่อสะท้อนถึงความก้าวหน้าที่จับต้องได้ อาทิ “โดรนขนส่งผัก-ผลไม้” ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตเกษตรกรพื้นที่สูง โดยโดรนรับน้ำหนักผักผลไม้ได้กว่า 100 กก. ช่วยลดต้นทุนการขนส่ง ผักใบสลัด63% และพืชผลทั่วไป 36% ลดการช้ำ เสียหายระหว่างขนส่ง ได้ถึง 10% และ คุ้มทุนเมื่อบิน > 2,173 เที่ยวบิน/ปี ราคาบริการเฉลี่ย ต่ำกว่า 250 บาท/เที่ยวบิน ซึ่งนายอัศวิน โรมประเสริฐ จากบริษัท อีซี่ (2018) จำกัด ในฐานะนักวิจัยผู้ได้การสนับสนุนทุนวิจัยจาก ARDA ได้ให้ข้อมูลว่า ได้ดำเนินโครงการ “การใช้เทคโนโลยีระบบอากาศยานไร้คนขับเพื่อการขนส่งผลิตผลเกษตรพื้นที่สูง” มุ่งหวังให้โดรนสามารถขนส่งผลผลิตมูลค่าสูงได้อย่างปลอดภัยและตรงเวลา ส่งถึงผู้บริโภคในสภาพที่สดใหม่ สร้างโอกาสการปลูกพืชพื้นที่สูงที่มีมูลค่า เกิดความคุ้มค่าและยั่งยืนมากขึ้น โดยมีต้นทุนเริ่มต้นในการลงทุนโดรนเพื่อการเกษตรอยู่ที่ 200,000-450,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่น ซึ่งจะมีเที่ยวบินมากกว่า 2,173 เที่ยวบิน/ปี
และหากสามารถทำการบินขนส่งได้สูงกว่า 2,200 เที่ยวบิน/ปี จะมีต้นทุนขนส่งต่ำกว่าการขนส่งรูปแบบเดิมที่ใช้รถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยหากเป็นการขนส่งพืชผลจะมีต้นทุนค่าขนส่งลดลงไม่น้อยกว่า 36% และหากเป็นการขนส่งผักใบสลัด จะมีต้นทุนค่าขนส่งลดลงไม่น้อยกว่า 63% สามารถลดความสูญเสียของผลผลิตพื้นที่สูงได้ถึง 10% จึงเป็นโอกาสของเกษตรไทยที่จะหันมาเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำเกษตรด้วยเทคโนโลยีโดรน ช่วยลดความสูญเสีย เพิ่มมูลค่าให้เกษตรพื้นที่สูงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสร้างแนวทางเกษตรกรรมอัจฉริยะที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีนวัตกรรม “ปุ๋ยเสื้อเกราะ” ที่ใช้เศษวัสดุชีวภาพเคลือบเม็ดปุ๋ยเคมี ช่วยเพิ่มสารอาหารให้พืชได้มากขึ้นถึงร้อยละ 30 ส่งผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 และลดต้นทุนการผลิตลงได้กว่าร้อยละ 30-40 ซึ่ง ฝนธิป ศรีวรัญญู จากบริษัท ไอออนิค จำกัด ผู้ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก ARDA เปิดเผยว่า นวัตกรรมปุ๋ยเสื้อเกราะ เป็นการต่อยอดทางวิทยาศาสตร์ โดยปุ๋ยเสื้อเกราะเป็นปุ๋ยเคมี ที่ถูกเคลือบด้วยสารอินทรีย์ชีวภาพจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น กากงา กากกาแฟ กากตะกอนนม และวัสดุชีวภาพจากระบบบำบัดสารชีวภาพเหล่านี้ นำหน้าที่เปรียบเสมือน “เสื้อเกราะ” ห่อหุ้มเม็ดปุ๋ย ควบคุมการปลดปล่อยธาตุอาหารให้ค่อยเป็นค่อยไป ทำให้พืชได้รับสารอาหารอย่างต่อเนื่องและครบถ้วน พร้อมทั้งป้องกันการสูญเสียธาตุอาหารจากการชะล้างและระเหย จึงช่วยเพิ่มคุณค่าทางชีวภาพ ทั้งสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช
ซึ่งจากการทดลองใช้จริง พบว่า ปุ๋ยเสื้อเกราะช่วยเพิ่มสารอาหารให้พืชได้มากถึง 30% ส่งผลให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นถึง 25% และที่สำคัญยังช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้ 30-40% เทคโนโลยีนี้จึงถือเป็นการสร้างสมดุลระหว่างผลผลิตที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนที่ลดลงอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาการใช้ปุ๋ยเคมีเกินความจำเป็นที่เป็นต้นเหตุของปัญหาดินเสื่อมโทรมอีกด้วย
ดร.วิชาญ กล่าวอีกว่า ภายในงาน ARDA AGRINEXT THAILAND 2025 ยังมีเวทีเสวนาวิชาการ ที่จะมาเปิดมุมมองการทำเกษตรเชิงวิชาการพร้อมไอเดียธุรกิจใหม่ เน้นการประยุกต์เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเวทีให้ร่วมแลกเปลี่ยนและสอบถามปัญหาการทำเกษตรกับผู้เชี่ยวชาญแบบใกล้ชิด ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการประชาชนที่สนใจ รวมถึงเยาวชนที่อยากเห็นว่าเกษตรสมัยใหม่ทำได้จริง เช่น วันที่ 25 ก.ย. 2568 เวลา 14.15-15.00 น. พบกับการเสวนาหัวข้อ “Local to Global เส้นทางเกษตรจากบทเรียนสู่พื้นที่จริง” และวันที่ 26 ก.ย. 2568 เวลา 11.30 -12.30 น. พบกับการเสวนาหัวข้อ “Agri-Next : เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนเกษตรไทยก้าวไปได้ไกลกว่าที่เคย” การจับคู่เจรจาธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างผู้ผลิต ผู้ประกอบการ นักลงทุน ระหว่างภาคเกษตร นักวิจัย และภาคอุตสาหกรรม เพื่อการทำข้อตกลงร่วมทุนหรือการซื้อขายผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี คลินิกวิจัย ให้คำปรึกษาในการขอรับการสนับสนุนทุนวิจัย และนิทรรศการจากภาคีเครือข่าย
“อยากเชิญชวนผู้สนใจ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกรผู้ประกอบการด้านการเกษตร รวมถึงอาจารย์ และนักวิชาการ ให้มาร่วมสัมผัสและเป็นส่วนหนึ่งในงานครั้งนี้ เพราะนี่คือเวทีที่เราจะได้เห็นว่า งานวิจัยไม่ใช่เพียงทฤษฎี แต่คือคำตอบจริงของการพัฒนาภาคการเกษตรไทย กว่า 40 ผลงานวิจัยคุณภาพที่นำมาจัดแสดง จะสะท้อนให้เห็นถึงพลังของนวัตกรรมที่จะช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรไทย แล้วเราจะได้เห็นไปพร้อมกันว่า งานวิจัยและนวัตกรรม จะเป็นพลังที่พลิกโฉมเกษตรไทยสู่ความยั่งยืนได้อย่างแท้จริง” ผอ.ARDA กล่าวและว่า ผู้สนใจเชิญลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ https://app.register.farmexpo.co.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี