ตร.บุกวัดบางคลาน
ลุยสางปัญหาทุจริต
‘บิ๊กเต่า’ยันคืบหน้า
คดีอลงกตการละคร

“บิ๊กเต่า”นำทีมตรวจวัดบางคลาน จ.พิจิตร หลังจากเกิดปัญหาขัดแย้งยืดเยื้อ พบเงิน วัดหายไปจำนวนมาก ซ้ำหลักฐาน จัดสร้างวัตถุมงคลแล้วเงิน ไม่เข้าวัด ส่อเค้าทุจริต ส่วนคดี‘อลงกตการละคร’ คืบหน้าไปมาก ระดมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าสางคดี เผยคนที่ยังไม่เข้ามาให้ปากคำน่าจะมีปัญหาเรื่องหลักฐานที่จะต้องชี้แจงประเด็นสำคัญ พร้อมเรียกตลกอีกราย ถือครองที่ดินวัด เข้าให้ปากคำเร็วๆ นี้

เมื่อวันที่ 10 กันยายน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้นำกำลังตำรวจในสังกัด บช.ก.ลงพื้นที่ตรวจสอบวัดหิรัญญาราม หรือวัดบางคลาน (หลวงพ่อเงิน) อ.โพทะเล จ.พิจิตร เนื่องจากตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา วัดดังกล่าวมีปัญหาเรื่องความขัดแย้งระหว่างคณะกรรมการวัด กับชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งเป็นผลพวงจากเรื่องความไม่โปร่งใสในการบริหารจัดการเงินต่างๆ ของวัดดังกล่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ปัญหานี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2557 นับจากวันที่เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ในขณะนั้น มีคำสั่งปลดอดีตเจ้าอาวาสวัด อ้างว่ามีการนำเงินของวัดไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จนก่อให้เกิดความขัดแย้งในหมู่ชาวบ้านและคณะกรรมการวัด ที่ผ่านมาตำรวจและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง พยายามเข้ามาเป็นคนกลางเพื่อช่วยแก้ไขปัญหามาโดยตลอด แต่สุดท้ายปัญหากลับยังคงอยู่ และกลายเป็นปัญหายืดเยื้อที่ยังหาข้อยุติไม่ได้ และยังคงมีเรื่องครุกรุ่นอย่างต่อเนื่อง

รอง ผบช.ก.กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา มีผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องความไม่โปร่งใสของการบริหารจัดการเงินของวัด และมูลนิธิของวัด อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีเงินจากมูลนิธิของวัดสูญหายไปเป็นจำนวนมาก หลักหลายสิบล้านบาท โดยอดีตวัดแห่งนี้เคยมีเงินสะสมสูงถึงหลักร้อยล้านบาท

อย่างไรก็ตาม นอกจากจะพบว่าเงินของมูลนิธิถูกโอนออกไปอย่างไม่ชัดเจนแล้ว เจ้าหน้าที่ยังพบเรื่องร้องเรียนอื่นๆ ที่ส่อไปในทางทุจริตอีกหลายเรื่อง เช่น การขายวัตถุมงคลแต่เงินไม่เข้าบัญชีของวัด โดยไปเข้าบัญชีชื่อบุคคลอื่นแทน ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารและหลักฐานทางการเงินที่เกี่ยวข้อง สำหรับการสอบสวนบุคคลเกี่ยวข้อง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ยังไม่มีการสอบปากคำใครอย่างเป็นทางการ แต่จะมีการเรียกสอบไวยาวัจกร กรรมการวัด และอดีตเจ้าอาวาสวัด ซึ่งขณะนี้รักษาการเจ้าอาวาสวัดคนปัจจุบัน ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า จุดประสงค์หลักของการเข้าตรวจสอบวัดดังกล่าวในครั้งนี้ ก็เพื่อคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานาน และสร้างความโปร่งใสให้กับการบริหารจัดการเงินและทรัพย์สินของวัด เพื่อให้สามารถเดินหน้าการบริหารงานของวัดต่อไปได้

ด้านความคืบหน้าการดำเนินคดีกับอดีตพระอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือหมอบี ในคดียักยอกเงินวัดดังกล่าวและความผิดข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งศิลปินและบุคคลอื่นๆ เข้ามาให้ปากคำ เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ เช่น เส้นเงินที่เกี่ยวพันไปถึงแต่ละราย โดยขณะนี้ได้แบ่งงานให้หลายหน่วยงานเข้ามาร่วมทำงานในลักษณะของ “War Room” เพื่อเร่งรัดคดีให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยจะมีการประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าทุก 10 วัน

รอง ผบช.ก.กล่าวด้วยว่า สำหรับกลุ่มที่เข้ามาให้ปากคำแล้ว ส่วนใหญ่มีเอกสารหลักฐานมาแสดงครบถ้วน ทั้งสัญญาจ้างงาน สเตทเม้นท์ และหลักฐานการโอนเงินคืน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากไม่มีหลักฐานอะไรเลยจะน่ากังวลกว่ามาก ในส่วนนี้พนักงานสอบสวนจะพิจารณาเจตนาและหลักฐานที่นำมาแสดง ซึ่งหากมีความชัดเจนก็จะช่วยตัดประเด็นออกไปได้

“ส่วนกลุ่มผู้ที่ยังไม่เข้ามาให้ปากคำ มีจำนวนไม่น้อย ซึ่งเชื่อได้ว่าอาจจะมีปัญหาในการชี้แจง โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่ประชาชนให้ความสนใจ เช่น เรื่องการโอนที่ดินของวัด และทรัพย์สินต่างๆ ที่มีชื่อของบุคคลอื่นถือครองแทน ซึ่งทางตำรวจมีข้อมูลและพยานหลักฐานในส่วนนี้พอสมควร บุคคลที่ยังไม่แสดงตัวนั้น เจ้าหน้าที่ก็มีรายชื่อในมืออยู่แล้ว” พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวและว่า ในส่วนของนักแสดงตลก มีชื่อเรียก 3 พยางค์ ยืนยันว่าต้องมีการเรียกมาสอบปากคำเช่นกัน แต่ยังไม่แน่ใจว่าพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกแล้วหรือไม่ ทั้งนี้ จะต้องเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน เข้ามาชี้แจงทั้งหมด

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมากโดยเฉพาะการรวบรวมข้อมูลบัญชีธนาคารเกือบ 200 บัญชี และการจัดเก็บหลักฐานต่างๆ ที่แยกไว้เรียบร้อย ทำให้การสอบสวนเดินหน้าไปได้เร็ว และเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดได้