แหกด่านตร.
แก๊งค้ายาบ้า
ทิ้งของกลาง
แปดแสนเม็ด

แก๊งยานรกแหกด่านฝ่าฝน โยนทิ้งยาบ้าเกลื่อนถนน สืบสวนนครพนมยึดได้ 8 แสนเม็ด

ที่หน้ากองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (กก.สส.ภ.จว.นครพนม)พล.ต.ต.ศักดิ์ชาย สาดมะเริง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (ผบก.ภ.จว.นครพนม) แถลงข่าวการตรวจยึดยาบ้า จำนวน 800,000 เม็ด เหตุเกิด บริเวณทางหลวงแผ่นดินหมาย 2028 สายท่าอุเทน-กุสุมาลย์ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 68 ที่ผ่านมา

กล่าวคือ พ.ต.ต.จิราคม พุทธรัตน์ สารวัตรกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (สว.สส.กก.ภ.จว.นครพนม) หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 2 ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ชายแดนริมฝั่งแม่น้ำโขงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ โดยคาดว่าจะใช้เส้นทางลำเลียงผ่าน อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม จึงพร้อมด้วย ร.ต.อ.บพิตร ชุ่มอภัย รอง สว.สส.กก.ภ.จว.นครพนม และกำลังพลชุดปฏิบัติการที่ 2 จึงได้ประชุมวางแผนเพื่อติดตามจับกุม

ต่อมาเวลาประมาณสี่ทุ่มของวันที่ 11 ก.ย.68 ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้เดินทางเข้าไปพื้นที่ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม เพื่อตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนสายดังกล่าว ตามนโยบายการปฏิบัติการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด Seal Stop Safe “SEAL (ปิดผนึก)” ชายแดนไม่ให้ยาเสพติดเข้ามา “STOP(หยุดยั้ง)” การแพร่ระบาด และ “SAFE (รักษา)” ผู้ติดยาเสพติดให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

กระทั่งเวลาประมาณตีของวันที่ 12 กันยายน 68 พบรถยนต์เก๋งสีเทา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งเป็นรถที่มีลักษณะตรงกับที่สายข่าวได้แจ้งไว้ว่า จะเป็นรถที่ใช้ลำเลียงยาเสพติดในครั้งนี้ โดยขับฝ่าสายฝนที่ตกปรอยๆตลอดเวลา แล่นเข้ามาในพื้นที่ อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ด้วยความเร็วสูงบนถนนสายท่าอุเทน-กุสุมาลย์ เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งสัญญาณและแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น ปรากฏว่ารถยนต์คันดังกล่าว ได้เร่งเครื่องขับแหกด่านเพื่อหลบหนี ขณะเดียวกันรถต้องสงสัยได้มีการโยนสิ่งของบางอย่างออกจากภายในรถ และขับหน้าไปเข้าสู่เขต อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนคร ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อ และอาศัยความชำนาญในพื้นที่ ขับรถหลบหนีซิกแซกไปตามเส้นทางภายในหมู่บ้าน

เจ้าหน้าที่จึงได้ย้อนกลับมายังจุดที่รถยนต์ต้องสงสัยทิ้งสิ่งของออกมา ตรวจสอบแล้วพบว่าสิ่งของดังกล่าวเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท (ยาบ้า) เป็นจำนวนมาก ตรวจนับได้ 800,000 เม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจยึด จึงได้ทำบันทึกตรวจยึด และนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพนสวรรค์ เพื่อดำเนินตามกฎหมายต่อไป