“บิ๊กเต่า” จี้ติดคดีวัดพระบาทน้ำพุ ประชุมคณะทำงานทุก 10 วัน คลี่คลายประเด็นสงสัย ส่วนกรณีเจ้าอาวาสวัดโสธรฯ นัดคุยสัปดาห์นี้ ขณะที่วัดบางคลาน ตำรวจยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่เอนเอียง
เมื่อวันที่ 14 กันยายน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี ว่าขณะนี้ได้ประชุมชี้แจงคณะทำงานคดีดังกล่าวในรูปของกองบัญชาการแล้ว โดยให้เร่งรัดการทำงาน และมีการประชุมติดตามความคืบหน้าทุกๆ 10 วัน ซึ่งครั้งที่แล้วประชุมไปเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา คาดว่าจะประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 17 กันยายนนี้ โดยเป็นการติดตามใน 24 ประเด็นที่มีการสั่งการไว้เพื่อให้คลี่คลายในส่วนของประเด็นข้อสงสัยต่างๆ และรายละเอียดเส้นเงินต่างๆ รวมทั้งรายละเอียดของข้อมูลที่ได้สืบสวนไว้แล้ว โดยจะเร่งดำเนินการเพื่อให้สามารถตอบคำถามสังคมได้โดยเร็ว
ในส่วนของศิลปินดาราที่เข้ามาให้ข้อมูลนั้นมีประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างไร พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า จากพยานหลักฐานที่นำมายื่นจะเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนจะชั่งน้ำหนักพยานต่างๆ ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ถ้าเข้ามาชี้แจงก็มองว่ามีเจตนาที่บริสุทธิ์ เราไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใครแต่เรากำลังเดินตามพยานหลักฐานที่เราค้นได้หรือเกิดจากเส้นเงิน อยากให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่กระทำความผิด หรือเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่างๆที่ไม่เกี่ยวข้อง ขอให้มาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ถ้าไม่มาก็อาจจะถูกกล่าวหาดำเนินคดีไปด้วย
ส่วนกรณี รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา เกี่ยวกับการประพฤติปฏิบัติไม่ถูกต้อง เข้าข่ายกระทำความผิดพระธรรมวินัย โดยมีการร้องเรียนเป็นเรื่องทรัพย์สินและเรื่องสีกานั้น รอง ผบช.ก.กล่าวว่า ในเรื่องนี้ทางตำรวจก็พอมีข้อมูลอยู่บ้าง ซึ่งช่วงกลางสัปดาห์หน้า หน่วยงานจังหวัดจะเดินทางเข้ามาพบตน ส่วนจะมีความเชื่อมโยงไปถึงคดีเก่าของสีกากอล์ฟหรือไม่นั้น ยังไม่ขอตอบ ขอคุยข้อมูลและรายละเอียดให้ครบถ้วนก่อน
สำหรับประเด็นที่มูลนิธิหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร และอดีตไวยาวัจกรวัดบางคลาน ออกมาชี้แจงว่าเงินวัด 30-40 ล้านบาท ไม่ได้หายไป อีกทั้งก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2565-2566 ตำรวจเคยเข้าได้เข้ามาตรวจสอบที่วัดแล้วนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ก็ต้องย้อนกลับไปครั้งแรกที่ตำรวจเข้าไปแก้ปัญหาวัดบางคลาน จนสามารถจบปัญหาได้ในเบื้องต้น ก่อนจะมีปัญหานั้นวัดมีเงินอยู่ประมาณ 103 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าตอนที่เจ้าอาวาสเข้าวัดไปได้นั้น ตำรวจได้ตรวจสอบแบบคร่าวๆ ไม่ได้ตรวจลงลึกในรายละเอียด โดยดูว่าเงินเหลือเท่าไหร่ก็โดยประมาณ 60-70 ล้านบาท แล้วก็นำมาตั้งมูลนิธิ เพราะฉะนั้นการเข้าไปเบื้องต้นของตำรวจก็จะเน้นทางด้านรัฐศาสตร์ คืออยากให้วัด โรงเรียน ประชาชน อยู่ร่วมกันได้ แต่เมื่อการดำเนินการตามพันธะสัญญาที่เคยพูดกันไว้ไปไม่ได้ก็ต้องมีการขยับเพื่อหาความเหมาะสม เกิดความสมัครสมานสามัคคีกลมเกลียวกัน
“เงินที่บอกว่าตรวจไปแล้วนั้น ยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการตรวจ แต่หลังจากการที่เข้าไปตรวจค้นมูลนิธิฯ แล้วเรามีพยานหลักฐานบางอย่าง ที่อาจจะมีเจ้าหน้าที่ของวัดเข้าไปเกี่ยวข้องในการทุจริตหรือเงินวัดที่หายไป 30 กว่าล้านบาทไปอยู่ที่ไหน ครั้งนี้เราจะตรวจละเอียด จึงมีการขอหมายค้น ยืนยันว่าตำรวจจะทำด้วยความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ไม่เอนเอียงข้างใด มุ่งเน้นผลประโยชน์ของวัดเป็นหลัก เราต้องต้องแก้ปัญหาไปในทางที่ถูกต้อง และไม่ได้มีเจตนากลั่นแกล้งใคร” รอง ผบช.ก.กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี