เปิดฉบับเต็ม! คำพิพากษาคุก ‘ศรีสุวรรณ’ 4 ปี ‘เจ๋ง ดอกจิก’ 6 ปี  พยานหลักฐานมัดแน่นดิ้นไม่หลุด

เปิดฉบับเต็ม! คำพิพากษาคุก ‘ศรีสุวรรณ’ 4 ปี ‘เจ๋ง ดอกจิก’ 6 ปี พยานหลักฐานมัดแน่นดิ้นไม่หลุด

วันพุธ ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2568, 14.27 น.

ศาลอาญาคดีทุจริตฯสั่งจำคุก เจ๋ง ดอกจิก 6 ปี ส่วนพี่ศรี   เลขาฯเจ๋ง คนสนิท และภรรยาพี่ศรีโดนคุกคนละ 4 ปีร่วมกันรีดทรัพย์ อธ.กรมการข้าว  พยานหลักฐานมัดแน่นดิ้นไม่หลุด

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 17 กันยายน 2568 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ ย่านตลิ่งชัน  ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีรัดทรัพย์ ที่พนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริต 3เป็นโจทก์ฟ้องนายยศวริศ ชูกล่อม  หรือเจ๋ง ดอกจิก   ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ และเป็นหนึ่งในคณะทำงานเขตราชการที่ 11  นายศรีสุวรรณ จรรยา  เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นักร้องเรียนชื่อดัง   น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ  เลขาฯนายยศวริศ  นายเอกลักษณ์ วารีชล คนสนิทนายศรีสุวรรณและนางณพัชญ์ปภา จรรยา ภรรยานายศรีสุวรรณ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐาน "เรียกรับทรัพย์สินจาก นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าวจำนวน 3 ล้านบาทก่อนต่อรองเหลือ 1.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ต้องถูกร้องเรียน


พวกจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ

โดยวันนี้นายศรีสุวรรณ นายยศวริศ กับพวก ซึ่งได้รับการประกันตัวเดินทางมาศาล นายศรีสุวรรณ เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นคดีการเมืองที่ผู้มีอำนาจต้องการเตะตัดขา ตนเพราะไม่ต้องการให้ตนทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมืองและข้าราชการระดับสูง เพราะสิ่งที่ตนทำมานับ 10 ปี เป็นที่หวาดผวาของนักการเมืองและข้าราชการจำนวนมาก ซึ่งเรื่องร้องเรียนนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองหลายพรรค จบอนาคตการเมืองของนักการเมืองดังหลายคน จึงเป็นที่มาของการหาเหตุให้ต้องคดี โดยใช้เทคนิควิธีการ ซึ่งในภาษากฎหมายเรียกว่าล่อให้กระทำความผิด ทั้งการเอาถุงเงินไปแขวนหน้าบ้าน หากพฤติกรรมแบบนี้ถือเป็นความผิด อนาคตอาจนำไปใช้กันทั่วประเทศและก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายต่อประชาชน 

ที่ผ่านมาได้ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด เพราะต้องการพิสูจน์ให้ความปรากฏชัดเจน เพราะที่ผ่านมาได้รับความเสียหายอย่างมากประเด็นสำคัญคือไม่สามารถใช้สิทธิ์ในฐานะประชาชนมาตรวจสอบนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงได้มากนัก ทำให้นักการเมืองดีอกดีใจ กระพือปีก กระดี๊กระด๊า ทำอะไรโดยอำเภอใจ แล้วย่ามใจ

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่ออีกว่า วันนี้ไม่กังวลใจอะไร แต่กลับมีความมั่นใจในการไต่สวนสืบ และเชื่อมั่นในคำพิพากษาว่าศาลจะให้เจ้าตัวกลับไปทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งเหมือนเดิม สำหรับการต่อสู้ไม่ได้มีพยานหรือหลักฐานอื่น นอกจากหลักฐานตามคำฟ้องที่ตำรวจและอัยการเสนอมาที่ศาลจำนวน 4,773 หน้ามาโต้แย้ง เพราะคำฟ้องทั้งหมด ทีมทนายความสามารถจับได้ว่ามีข้อพิรุธ พยานหลักฐานอ่อน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้ในรูปคดี อย่างน้อย ก็ขอให้คดีนี้เป็นบรรทัดฐานที่ไม่ให้ผู้มีอำนาจมากลั่นแกล้งอีกต่อไป ส่วนจะมีการฟ้องกลับหรือไม่ ขอฟังคำพิพากษาและปรึกษาทีมทนายก่อน 

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างเห็นว่า  โดยเห็นว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นคณะทำงานตรวจราชการที่ 11 และได้รับมอบให้ใช้อำนาจทางปกครอง จำเลยที่ 1 จึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และมีพยานหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิด ทำคลิปเสียง, คลิปภาพ , ข้อความแชทในแอพพลิเคชัน LINE และหมายเลขธนบัตรที่นำไปมอบให้นายศรีสุวรรณ จำเลยที่ 2 ที่บ้านพักนั้นเป็นหมายเลขเดียวกันกับที่ภรรยาของนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เบิกจากธนาคารมาเพื่อเป็นหลักฐานในการส่งมอบเงินให้แก่พวกจำเลยในวันเกิดเหตุ   

นอกจากนี้โจทก์ได้อ้างคลิปบันทึกภาพและเสียง 40 คลิป จากภรรยาของผู้เสียหาย ซึ่งศาลได้ส่งตรวจพิสูจน์แล้วไม่มีการตัดต่อ และจำเลยที่ 1-3 ไม่ได้ปฏิเสธว่าคลิปและภาพดังกล่าวเป็นความจริง และคลิปและภาพดังกล่าวแสดงเหตุการณ์เป็นลำดับขั้นตอน สอดคล้องกับที่ผู้เสียหายและภรรยาเบิกความ จึงมีน้ำหนักรับฟัง น่าเชื่อถือโดยเฉพาะเรื่องที่จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ได้แถลงข่าวที่รัฐสภาว่า กรมการข้าวมีการทุจริตและจะทำการตรวจสอบ ก่อนจะโทรกลับหาผู้เสียหายพูดจูงใจให้ยอมจ่ายเงิน เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียง โดยจำเลยที่ 2 ให้เหตุผลว่าจะพิสูจน์ว่าผู้เสียหายไม่มีความผิด และในวันดังกล่าวจำเลยที่ 3 ได้โทรหาภรรยาผู้เสียหายเพื่อเรียกเงิน แต่ต่อรองจนเหลือราคา 1.5 ล้านบาท จากเดิม 3 ล้านบาท และขอให้จ่ายก่อนปีใหม่

นอกจากนี้มีหลักฐานจากบทสนทนาในแอพลิเคชั่นไลน์ถึงการนัดหมายและเรียกรับเงินหลายครั้ง โดยเป็นการสนทนาระหว่างจำเลยที่ 3 ที่เป็นเลขาฯของจำเลยที่ 1 และยังมีการเชื่อมโยงกับจำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 5 ทั้งบทสนทนาและหลักฐานการโอนเงิน รวมทั้งในวันที่ 26 มกราคม 2567 ภรรยาผู้เสียหายได้นำเงินจำนวน 5 แสนบาทใส่ถุงพลาสติก มาแขวนไว้ที่หน้าประตูบ้านของจำเลยที่ 2 จากนั้นจำเลยที่ 5 ได้นำถุงกลับเข้ามาในบ้าน โดยหยิบใส่ถุงพลาสติกสีดำอันมีลักษณะปกปิดและมีพฤติกรรมน่าสงสัย เป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 5 ทราบว่าเงินดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร พฤติการณ์ของจำเลยทั้งห้า เป็นการร่วมกันกระทำความผิดโดยแบ่งหน้าที่กันทำ 

จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินและขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ทรัพย์สิน และชื่อเสียงของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่ 3 จนผู้ถูกข่มขืนใจยอม ต้องกระทำการนั้นหรือไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติในตำแหน่งหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ และเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองและผู้อื่นโดยมิชอบ

ส่วนจำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 5 ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงไม่อาจลงโทษจำเลย 2-5 ในฐานะเป็นตัวการในการกระทำความผิดได้ อย่างไรก็ตามการกระทำของจำเลยที่ 2-5 เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการทำผิด จึงต้องรับผิดฐายเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 เห็นจำเลยทั้งหมดกระทำความผิดตามฟ้องจริง ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง 3 วรรคแรก ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา172 , 173   ส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 วรรคสอง , 337 วรรคแรก ประกอบประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 83 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561มาตรา172,173ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ,86 การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐและจำเลยที่ถึงที่ ฐานร่วมกันสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบ ด้วยหน้าที่ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1มีกำหนด 6 ปี  

ส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 จำคุกคนละ 4 ปี บวกโทษจำคุก 2 เดือน ในคดีอาญาหมายเลขดำที่อ2283/2565 หมายเลขแดงที่ อ3002/2566ของศาลอาญามีนบุรี และบวกโทษจำคุก 2 เดือนในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ228/2565 หมายเลขแดงที่ อ3003/2566 ของศาลอาญามีนบุรี เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ เป็นจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 ปี 4เดือน นับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขดำที่ อ2542/2553 คดีหมายเลขแดงที่อ2076/2562ของศาลอาญา 

ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่3127/2566ของศาลอาญา เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลมีคำพิพากษายกฟ้องจึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้ ริบเงิน 160,000 บาท ที่จำเลยทั้งห้าได้มาจากการกระทำความผิดตามฟ้องโดยให้จำเลยทั้งห้าชำระเงินจำนวนดังกล่าวต่อศาลภายใน 30 วัน นับแต่วันฟังคำพิพากษาหากจำเลยทั้งห้าไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนเพราะเหตุว่าโดยสภาพของสิ่งที่ศาลจะสั่งริบหรือได้สั่งริบไม่สามารถส่งมอบได้ สูญหาย หรือไม่สามารถติดตามเอาคืนได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด หรือได้มีการจำหน่ายจ่ายโอน สิ่งนั้น หรือการติดตามเอาคืนจะกระทำโดยยากเกินสมควร หรือมีเหตุสมควรประการอื่น ให้จำเลยทั้งห้าร่วมชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวหรือต้นเงินที่ค้างชำระนับแต่วันผิดนัดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยให้ปรับเปลี่ยนลดลงหรือเพิ่มขึ้นได้ตามพระราชกฤษฎีกาซึ่งตราขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่)บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปีตามพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 33

ต่อมาทนายความจำเลยทั้ง ห้า  รายได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราว

ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งห้าระหว่างอุทธรณ์คดีโดยตีราคาประกันคนละ 6 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามจำเลยทุกคนเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

ต่อมานายศรีสุวรรณให้สัมภาษณ์ภายหลังจากศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวว่า หลังจากนี้ตนจะต่อสู้ไปตามกระบวนการตามกฎหมายโดนตนยอมรับว่าไม่หนักใจ และเนื่องจากว่าพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรวบรวมมาและที่ปรากฎอยู่ตามหน้าสื่อ เป็นพยานของฝ่ายตำรวจทั้งหมด ส่วนข้อเท็จจริงในส่วนของตนและจำเลยทั้งหมด ศาลไม่ได้นำมาเข้าสู่กระบวนการตามที่คาดหวังไว้ จึงเป็นช่องที่ทำให้ตนและจำเลยทั้งหมดต้องไปสู้กันต่อในชั้นศาลอุทธรณ์เพื่อให้พิจารณาข้อเท็จจริงอีกครั้ง และตนยังเชื่อมั่นว่าข้อเท็จจริงที่ตนและทีมทนายได้ดำเนินการยื่นให้ศาลพิจารณา ที่ยังไม่ปรากฎต่อสาธารณะในการยื่นอุทธรณ์ต่อไป

เมื่อถามว่ายังมีความหวังในชั้นศาลอุทธรณ์หรือไม่  นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า แน่นอนตนยังมีความหวังในชั้นศาลอุทธรณ์อย่างแน่นอน ส่วนเรื่องการปล่อยชั่วคราวภายหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาศาลก็เมตตาให้ทีมทนายความทำเรื่องขออนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวทันทีจนในที่สุดก็อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวได้ ซึ่งตนก็ได้ใช้หลักทรัพย์จำนวน 6 แสนบาทที่เป็นที่ดินในกทม.ปล่อยชั่วคราวครั้งนี้

ด้านนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก เปิดเผยว่า ตัวเองเคารพคำตัดสินของศาล ซึ่งประเด็นที่จะเป็นแนวทางการต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ คือ ประเด็นที่ศาลจะมองว่าตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐทำให้ลงโทษลงโทษจำคุก 6 ปี แต่ตัวเองมองว่า ตัวเองไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐเพราะการแต่งตั้งของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นการแต่งตั้งเฉพาะตัว ซึ่งศาลยังไม่ได้ดูในรายละเอียด เพราะการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องมีองค์ประกอบ หลายอย่าง เช่น เงินเดือน ซึ่งที่ผ่านมาตนไม่ได้ใส่ใจเกี่ยวกับตำแหน่งดังกล่าว แต่ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกังวลใจกับคำตัดสินเพราะยังมองว่า ตนเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ขณะเดียวกันจะมีการต่อสู้ในประเด็นการเชื่อมโยงจำเลยทั้งหมดในชั้นอุทธรณ์ โดยจะชี้แจงว่าตัวเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีความเชื่อมโยงกับจำเลยที่เหลือเนื่องจากไม่เคยได้รับผลประโยชน์อะไรจากจำเลยทั้งหมดและเชื่อว่าคำตัดสินในศาลชั้นสูงจะให้ความยุติธรรมกับตัวเอง 

ซึ่งคำพิพากษาในวันนี้ศาลได้นำโทษ คดีคาร์ม็อบ 2 คดี ในพื้นที่เมืองพัทยาและกรุงเทพมหานครเมื่อปี 64 มารวมกับการพิจารณาในครั้งนี้ด้วย ทำให้มียอดรวมจำคุก 6 ปี 4 เดือน สำหรับหลักทรัพย์ในการยื่นประกันตัววันนี้ ตัวเองได้ใช้โฉนดที่ดินในพื้นที่จ.นนทบุรี  เป็นหลักประกัน

ด้านทนายความของนายยศวริศ ระบุว่า ส่วนตัวตั้งข้อสังเกตว่าศาลพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานของฝั่งผู้เสียหายและตำรวจ ซึ่งมองว่าเป็นการสรรหาพยานหลักฐานจากสิ่งที่ผู้เสียหายสร้างขึ้น โดยไม่ได้นำพยานหลักฐานของฝั่งจำเลยมาใช้ประกอบซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานที่ต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไป

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top