ยอมสึกแล้ว! ผู้ช่วยสมภารวัดหัวลำโพง ปมพัวพันสีกา-ยักยอกเงิน

ยอมสึกแล้ว! ผู้ช่วยสมภารวัดหัวลำโพง ปมพัวพันสีกา-ยักยอกเงิน

วันเสาร์ ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ยอมสึกแล้ว!

ผู้ช่วยสมภารวัดหัวลำโพง

ปมพัวพันสีกา-ยักยอกเงิน

 

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง สึกแล้ว เซ่นปมพัวพันสีกา-ยักยอกเงินวัด ส่วนทนายอนันต์ชัยยื่นหลักฐานเส้นเงินพระวัดดัง จ.ปทุมธานี ให้ตำรวจ ปปป.พร้อมขอให้ตรวจสอบทรัพย์สิน หลังจากพบความผิดปกติ ยันฝ่ายสีกาพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ด้าน ‘บิ๊กเต่า’ ชี้เดินหน้าสอบปมเงินวัดหลายประเด็น

เมื่อวันที่ 19 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง ได้ทำหนังสือไปยังเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ชี้แจงกรณีของพระครูปริยัติวัฒนกิจ (สมาน ญาณวฑฺฒโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง พร้อมภาพถ่ายการลาสิกขาของพระครูปริยัติวัฒนกิจ ระบุว่า ตามที่มีประเด็นปรากฏในสื่อออนไลน์และสื่อต่างๆ เกี่ยวข้องกับพระครูปริยัติวัฒนกิจ ทางวัดหัวลำโพง ขอชี้แจงตามประเด็นดังต่อไปนี้ 1.กรณีพฤติกรรมชู้สาวของพระครูปริยัติวัฒนกิจ นั้น ทางวัดยังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนบุคคล


2.กรณียักยอกเงินวัดนั้น ทางวัดขอชี้แจงว่ายังไม่พบหรือปรากฏหลักฐาน เนื่องจากหน้าที่ของพระครูปริยัติวัฒนกิจ เป็นเจ้าหน้าที่ฌาปนสถานวัดหัวลำโพง มีหน้าที่ประสานงานกับเจ้าภาพที่มาติดต่อเกี่ยวกับการจองศาลาบำเพ็ญกุศล อีกทั้งฌาปนสถานวัดหัวลำโพง ประกอบด้วยกรรมการบริหารจำนวน 5 รูป โดยมีเจ้าอาวาสวัดเป็นประธาน และมีการทำบัญชีรายรับ รายจ่ายในส่วนฌาปนสถานของวัด มาโดยตลอด และ 3.กรณีลาสิกขา ทางพระครูปริยัติวัฒนกิจ ได้ประสานกับทางวัด เพื่อขอแจ้งความประสงค์ลาสิกขาด้วยความสมัครใจต่อเจ้าอาวาส เพื่อมิให้กระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของวัดและศรัทธาสาธุชนในบวรพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 เวลา 19.10 น.และเดินทางออกจากวัดทันที

ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมคณะ นำหลักฐานเส้นทางการเงิน เพื่อเอาผิดพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี มามอบให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) โดยนายอนันต์ชัย กล่าวว่า ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กรณีสีกาผู้เสียหายจากเยอรมนี ร้องเรียนพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี ว่าได้ยักยอกเงิน 12.2 ล้านบาท โดยโอนจากบัญชีวัดดังเข้าบัญชีของสีกา 4 ครั้ง เป็นจำนวน 6 ล้านบาท, 2.7 ล้านบาท, 2 ล้านบาท และ 1.5 ล้านบาท

ทั้งนี้ มีหลักฐานเป็นเช็ค 4 ฉบับ และหลักฐานการโอนเงิน ซึ่งเอกสารการโอนดังกล่าว ระบุว่าเป็นเงินจากวัดดัง จ.ปทุมธานี ให้สีกา ซึ่งเท่ากับว่าเป็นเงินบริจาค ตนไม่ทราบว่าเงินจำนวนดังกล่าว นำเข้าบัญชีวัดหรือไม่แต่จากหลักฐานที่ตนได้รับมาเป็นสรุปบัญชีรายรับรายจ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560-30 มิถุนายน 2561 ซึ่งไม่มียอด 12.2 ล้านบาท

สำหรับเงิน 12.2 ล้านบาท ภายหลังโอนจากบัญชีวัด มายังบัญชีของสีกาแล้ว ก็โอนต่อไปยังสมาคมที่จัดตั้งที่เยอรมนี 27 ครั้งๆ ละ 10,000 ยูโร ทำให้ถูกอายัดบัญชี เพราะเป็นการโอนที่ผิดปกติ จนทำให้สีกาและพระชื่อดังถูกอัยการเยอรมันนี สั่งฟ้องในข้อหาฟอกเงิน แต่ทางสีกา สามารถชี้แจงได้ว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นไปเพื่อการกุศลของมูลนิธิ ทำให้ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง

จากนั้นพระวัดดังก็ได้แจ้งข้อหาฉ้อโกงกับสีกา โดยอ้างว่าโอนเงินให้ไม่ครบ 12.2 ล้านบาท ซึ่งสีกาก็สามารถชี้แจงได้ว่ามีการโอนเงินครั้งที่ 28 และ 29 คืนไปยังบัญชีส่วนตัวของพระแล้ว เนื่องจากถูกอายัดบัญชีเมื่อครั้งถูกกล่าวหาว่าฟอกเงิน ทำให้ไม่สามารถโอนเงินเข้ามูลนิธิได้ ส่วนกรณีเงิน 1.7 แสนบาท ที่พระวัดดังโอนให้เป็นค่าที่ปรึกษามูลนิธินั้น สีกาเข้าใจว่าเป็นเงินเดือนที่เป็นเงินส่วนตัวของพระ แต่มาทราบภายหลังว่าพระใช้เงินบัญชีวัดโอนให้ ซึ่งสีกา สามารถชี้แจงกับอัยการที่เยอรมนีได้ ทำให้มีคำสั่งยกฟ้อง

ต่อมาสีกาในนามประธานมูลนิธิ จึงฟ้องยักยอกทรัพย์กับพระวัดดัง เนื่องจากมีการนิมนต์พระไปแสดงธรรมเทศนาตามประเทศต่างๆ เพื่อรับบริจาคเงินด้วย แต่เนื่องด้วยเหตุการณ์รับบริจาคเกิดขึ้นที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ทำให้ศาลเยอรมนี สั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากไม่ได้อยู่ในขอบเขตอำนาจศาลเยอรมนี

นายอนันต์ชัย กล่าวต่อว่า วันเดียวกันนี้ จึงเดินทางมาเพื่อมอบหลักฐานดังกล่าวให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เพื่อขอให้ตรวจสอบการใช้เงินวัด ว่ามีความผิดหรือไม่ มีการนำเงินเข้าบัญชีวัดและใช้ตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ พร้อมจะช่วยเหลือในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับข้อกฎหมายคณะสงฆ์ด้วย ส่วนทางสีกาคู่กรณี ถ้าหากจะต้องดำเนินคดี สีกาก็แจ้งกับตนว่ายินดีและพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน ว่าจะกันสีกาไว้เป็นพยานหรือไม่

ขณะที่ ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา รองประธานมูลนิธิกองทัพธรรม ได้ให้ข้อมูลว่า ปกติแล้วการใช้จ่ายเงินวัด จะต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน คือบัญชีส่วนตัว และบัญชีที่ได้มาจากเงินบริจาค ซึ่งบัญชีที่ได้มาจากงานบริจาคนั้นจำเป็นต้องใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ที่มีการประกาศไว้ โดยอ้างอิงตาม พ.ร.บ.สงฆ์

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีสีกา จากประเทศเยอรมนี ส่งทีมทนายความเข้ามาร้องเรียนกับทาง บก.ปปป.ให้ตรวจสอบพระวัด จ.ปทุมธานี ในฐานความผิดเกี่ยวกับ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ147 เรื่องนี้พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนคดีไปที่ ป.ป.ช.แต่ตำรวจก็ยังมีอำนาจในการสืบสวนอยู่ ส่วนกรณีตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้รับข้อร้องเรียนให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดตั้งแต่ปี 2556-2559 มีการตรวจสอบในหลายประเด็น แต่ขอสงวนไว้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผู้หญิงและเงิน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีเงินหมุนเวียนประมาณ 500 ล้านบาท

รอง ผบช.ก.กล่าวอีกว่า ข้อมูลหรือหลักฐานของทนายอนันต์ชัย ที่นำมามอบให้นั้น ยังมีบางส่วนที่โต้แย้งกันไปมา แต่มีข้อมูลเพิ่มเติมจากที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ เป็นเรื่องบัญชีรายรับรายจ่ายของวัด และหลักฐานการคืนเงินของผู้เสียหายและในเบื้องต้นทางวัดยังไม่มีการประสานเข้าให้ข้อมูล ส่วนข้อมูลที่ทีมทนายความของวัด ออกมาชี้แจงก่อนหน้านี้ เป็นการชี้แจงเกี่ยวกับรายละเอียดเรื่องเงินตั้งมูลนิธิในประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นคนละส่วนของการตรวจสอบ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top