อดีตหัวหน้า ศปป.4 กอ.รมน. ออกโรงคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีบุกรุกป่าแบบสุดซอย ชี้ขัดรัฐธรรมนูญและหลักจริยธรรม พร้อมเตรียมส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ 42 ส.ส. ที่เสนอร่างกฎหมาย หวั่นเปิดช่องให้ทำลายป่าไม้ของชาติ
วันนี้ (23 กันยายน 2568) พ.อ.(พิเศษ) พงษ์เพชร เกษสุภะ หรือ บิ๊กช้าง อดีตหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ศปป.4 กอ.รมน.) อดีตผู้การมือปราบทรัพยากรป่าไม้ชื่อดัง กล่าวว่า หลังจากที่ตนออกมาคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีบุกรุกป่า และนิรโทษกรรมที่ดินกลับคืนมาให้กับผู้ที่ถูกดำเนินคดีบุกรุกป่าแบบสุดซอย ด้วยการมีผลย้อนหลังไปหลายสิบปี ทั้ง 2 ร่าง ซึ่งเป็นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ครั้งแรกของประเทศไทยที่ออกมาในลักษณะนี้
ปัจจุบันมีผู้อยู่อาศัยและทำกินใน เขตป่าสงวนแห่งชาติ ประมาณเกือบ 2 แสนคน เนื้อที่ประมาณ 2 ล้านกว่าไร่ และ ป่าอนุรักษ์ ประมาณ 3 แสนกว่าคน รวมเนื้อที่ประมาณ 4 ล้านกว่าไร่ โดยอาศัยนโยบายของรัฐบาลตามมติ ครม. 30 มิ.ย. 2541 และมติ ครม. 26 พ.ย. 2561 บุคคลเหล่านี้อยู่ร่วมกับป่าอย่างผาสุก เพราะปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งมติ ครม. 30 มิ.ย. 2541 ด้านการป้องกัน ได้กำหนดเงื่อนไขไว้ว่า สามารถอยู่อาศัยและทำกินในเขตป่าเดิม และตกทอดถึงลูกหลานได้ แต่ห้ามมิให้มีการบุกรุกพื้นที่ป่าใหม่ หรือขยายที่ดินทำกินเพิ่มเติม หรือห้ามมิให้มีการ ซื้อ-ขาย ที่ดินตามมติ ครม. 30 มิ.ย. 2541 ให้กับบุคคลอื่นหรือนายทุน หรือห้ามสร้างบ้านพักตากอากาศ รีสอร์ต โรงแรม ฯลฯ หากปฏิบัติตามเงื่อนไขตามมติ ครม. 30 มิ.ย. 2541 ได้ เจ้าหน้าที่ก็จะผ่อนปรนให้อยู่อาศัยทำกินในเขตป่าสงวนและในเขตป่าอนุรักษ์ได้ โดยไม่เข้าไปจับกุมดำเนินคดีแต่อย่างใด
สำหรับผู้ที่ถูกดำเนินคดีบุกรุกป่าในเขต ป่าสงวนแห่งชาติ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนประมาณ 6 พันกว่าคน และตรวจยึดพื้นที่ได้ประมาณ 6 แสนกว่าไร่ ส่วนผู้ที่ถูกดำเนินคดีบุกรุกใน เขตป่าอนุรักษ์ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน มีประมาณ 3 พันกว่าคน เนื้อที่ที่ตรวจยึดได้ประมาณ 2 แสนกว่าไร่ รวมแล้วผู้ถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่าจากอดีตจนถึงปัจจุบันมีประมาณ 1 หมื่นกว่าคน และพื้นที่ที่ตรวจยึดรวมประมาณ 8 แสนกว่าไร่ ที่จะได้รับประโยชน์จากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ดังกล่าว นอกจากพ้นมลทินแล้ว ยังได้กลับไปครอบครองพื้นที่ป่าที่ถูกตรวจยึดดำเนินคดีคืนตามเดิมประมาณ 8 แสนกว่าไร่ ซึ่งบางพื้นที่ได้คืนสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ไปแล้ว บุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลที่ไม่เคารพกฎหมาย ฝ่าฝืนกฎหมาย หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขมติ ครม. 30 มิ.ย. 2541 เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ไม่คำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวม และทำลายพื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อม และแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าเสียหาย
นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภัยพิบัติ ทั้งน้ำท่วม ดินถล่ม หรืออากาศเป็นพิษ ทำให้ประชาชนที่ไม่ได้กระทำผิดกฎหมายบุกรุกป่า ซึ่งเป็นผู้ที่เคารพกฎหมาย กลับได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากภัยพิบัติที่มีต้นเหตุมาจากการบุกรุกทำลายป่า บุคคลเหล่านี้จึงไม่สมควรได้รับการนิรโทษกรรม นอกจากได้รับการนิรโทษกรรมแล้ว บุคคลเหล่านี้ยังได้รับการนิรโทษกรรมที่ดินอีก ซึ่งเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แบบนี้ ทั้งที่บุคคลเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็ได้ล้างมลทินจากการกระทำผิดไปแล้วตาม พ.ร.บ.ล้างมลทินฯ ในปี พ.ศ. 2550 จึงไม่จำเป็นต้องออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ผู้ถูกดำเนินคดีบุกรุกป่าซ้ำอีก
พ.อ.(พิเศษ) พงษ์เพชร เกษสุภะ ยังแสดงความเห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้ง 2 ร่าง ขัดหรือแย้งกับ รัฐธรรมนูญ 60 หมวด 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทย มาตรา 50 บุคคลมีหน้าที่ดังต่อไปนี้ (2) ป้องกัน พิทักษ์รักษาผลประโยชน์ของชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แต่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ทั้ง 2 ฉบับ นอกจากเนื้อหาจะไม่พิทักษ์รักษาป่าซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินแล้ว ยังนิรโทษกรรมที่ดินของรัฐที่ถูกตรวจยึดดำเนินคดี โดยบางพื้นที่ได้ฟื้นฟูเป็นสภาพป่าธรรมชาติไปแล้ว ให้ผู้ถูกดำเนินคดีบุกรุกป่ากลับมาครอบครองที่ดินได้ใหม่ย้อนหลังไปได้อีกหลายสิบปี (3) ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ 2 ฉบับ
นอกจากเนื้อหาจะไม่ให้ปฏิบัติตามกฎหมายแล้วยังเป็นการส่งเสริมให้บุคคลทั่วไปกระทำผิดกฎหมายป่าไม้อีก เพราะสามารถบุกรุกป่าใหม่ได้จนถึงปัจจุบัน จนกว่าจะออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ มาบังคับใช้ (8) ร่วมมือและสนับสนุนการอนุรักษ์ และคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ ความหลากหลายทางชีวภาพ ร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 2 ร่าง นอกจากจะไม่ช่วยให้ประชาชนร่วมมืออนุรักษ์ คุ้มครองทรัพยากรป่าไม้แล้ว ยังส่งเสริมให้ร่วมมือกันทำลายป่า พื้นที่ป่าที่ได้ตรวจยึดดำเนินคดีไว้แล้ว แม้ผู้กระทำผิดจะเสียชีวิตไปนานแล้ว ก็ยังสืบสิทธิ์มาถึงทายาทให้ครอบครองได้อีก
หมวด 5 หน้าที่ของรัฐ มาตรา 53 รัฐต้องดูแลให้มีการปฏิบัติและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่ร่าง พรบ. ดังกล่าวทั้ง 2 ร่างมีเนื้อหาให้รัฐส่งเสริมให้บุคคลไม่เคารพกฎหมาย ส่งเสริมให้บุคคลบุกรุกป่าโดยไม่ผิดกฎหมาย ส่งเสริมไม่ให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในการป้องกันและรักษาพื้นที่ป่า ที่ได้ตรวจยึดดำเนินคดีมาเพื่อฟื้นฟูเป็นป่าธรรมชาติ แต่กลับนิรโทษกรรมให้ผู้กระทำผิดเข้ามาทำประโยชน์ในพื้นที่ได้อีก ดังนั้น การที่ สส. 42 คนได้เสนอร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว อาจมีความผิดตามมาตรฐานจริยธรรมฯ พ.ศ. 2561 ซึ่งใช้บังคับกับ สส. ด้วย ตามหมวด 3 มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ข้อ 6 ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย มูลค่าแห่งอาณาเขต และเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิ เกียรติภูมิ และผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน การที่ สส. เสนอร่าง พ.ร.บ. เป็นการไม่พิทักษ์รักษาพื้นที่ป่า ซึ่งช่วยในระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมที่ดีอันเป็นผลประโยชน์ของชาติ และความมั่นคงของรัฐ หมวด 3 จริยธรรมทั่วไป
ข้อ 21 ปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มกำลังความสามารถ และยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม โปร่งใสและตรวจสอบได้ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม แต่การที่ สส. เสนอร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว เป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้อย่างเคร่งครัด พื้นที่ป่าที่ตรวจยึดดำเนินคดีได้ต้องนำมาฟื้นฟูป่าเท่านั้น แต่กลับเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม บุคคลและที่ดิน ให้นำพื้นที่ป่าที่ถูกตรวจยึดดำเนินคดีคืนกลับมาให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีบุกรุกป่ากลับเข้ามาทำประโยชน์และทำลายป่าเหมือนเดิม แทนที่จะนำมาฟื้นฟูคืนสภาพป่า ตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนด โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของชาติในด้านสิ่งแวดล้อม หากมีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น สิ่งแวดล้อมก็ดีขึ้น ก็จะเกิดความผาสุกของประชาชนโดยรวม สร้างความมั่นคงให้กับชาติต่อไป
จากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายข้างต้น ผมจะทำหนังสือนำเรียนไปยังนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม มีเนื้อหาขัดหรือแย้งกับ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 หรือไม่ อย่างไร นอกจากนี้ จะจัดทำหนังสือเสนอต่อ นายชีวะภาพ ชีวะธรรม สว. สายอนุรักษ์ป่าไม้ เพื่อขอให้รวมสมาชิก สว. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกที่เหลืออยู่ ให้เสนอความเห็นผ่านทางประธานวุฒิสภา เพื่อเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ. อีกทางหนึ่ง และจะทำหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อวินิจฉัยชี้มูลความผิดในกรณี สส. จำนวน 42 คน เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่ามีเจตนาซ่อนเร้นเอาที่ดินของรัฐที่ถูกตรวจยึดดำเนินคดี บางพื้นที่ได้ฟื้นฟูเป็นสภาพป่าสมบูรณ์ไปแล้ว ไปให้กับบุคคลหรือทายาทของผู้กระทำผิดกฎหมายบุกรุกป่าอีก โดยให้ย้อนหลังไปหลายสิบปีจนถึงปัจจุบัน ซึ่งถือว่าเป็นการเปิดโอกาสให้บุคคลทุกระดับชั้นมีการกระทำผิดกฎหมายทำลายป่าธรรมชาติเพื่อจะเอาพื้นที่อย่างมโหฬาร ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะถึงถูกดำเนินคดีในวันนี้ ก็ต้องได้รับนิรโทษกรรมตามร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับดังกล่าวอยู่ดี เมื่อมีการประกาศใช้ในอนาคตในเวลาอันใกล้นี้” พ.อ. (พิเศษ) พงษ์เพชร เกษสุภะ อดีตหัวหน้าชุดปฏิบัติการ (ศปป.4 กอ.รมน.) กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี