อุตุฯเตือนฝนถล่ม
ฤทธิ์พายุ‘รากาซา’
‘หล่มสัก’ยังวิกฤต
น้ำท่วม6.9พันหลัง
กรมอุตุฯ เตือนพายุ “รากาซา” ส่งผลไทยมีฝนตกหนัก ส่วน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ยังวิกฤต มวลน้ำาท่วมบ้าน 6,900 หลังคาเรือน ดับแล้ว 1 ศพ ช่วยนักเรียน หนีน้ำาท่วมสำาเร็จ ขณะที่ จ.อำนาจเจริญ ต้นโพธิ์อายุ 100 ปี ล้มทับเสาไฟฟ้า-บ้านเรือนพังเสียหาย ส่งผลไฟดับทั้งตำบล เจ้าหน้าที่ต้องเร่งแก้ไขสถานการณ์ด่วน
เมื่อวันที่ 24 กันยายน กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ เรื่อง “พายุ “รากาซา” และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย ฉบับที่ 7 โดยพายุไต้ฝุ่นรากาซา บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้เกาะฮ่องกง และเคลื่อนผ่านแนวชายฝั่งทางตอนใต้ของประเทศจีน ลงสู่อ่าวตังเกี๋ยในวันที่ 25 กันยายน 2568 และจะอ่อนกำลังเป็นพายุโซนร้อนก่อนเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน จากนั้นมีแนวโน้มอ่อนกำลังลง เนื่องจากมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุม ช่วงวันที่ 25–26 กันยายน 2568 โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย
จากอิทธิพลพายุ “รากาซา” ส่งผลให้ช่วงวันที่ 24–26 กันยายน 2568 บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล มีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่มและน้ำท่วมขัง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งช่วงวันที่ 24–26 กันยายน 2568
ที่ จ.เพชรบูรณ์ ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วม ว่ายังคงอยู่ในภาวะวิกฤต โดยเฉพาะ อ.หล่มสัก หลังจากมวลน้ำจาก อ.ด่านซ้าย ไหลลงสู่แม่น้ำป่าสัก ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจนท่วมบ้านเรือนกว่า 6,900 ครัวเรือน และยังส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรจำนวนมาก ทางจังหวัดได้เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งพบผู้เสียชีวิต 1 ราย ที่ออกหาปลาแล้วหายตัวไปในพื้นที่ ต.สักหลง อ.หล่มสัก ทราบชื่อคือ นายสุทิน อายุ 54 ปี ซึ่งญาติไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต ขณะนี้ อ.หล่มสัก ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครอบคลุม 12 ตำบล 60 หมู่บ้าน และ 1 เทศบาลเมือง มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบกว่า 17,053 คน นอกจากนี้พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 5,808 ไร่ บ่อปลา 89 บ่อ และวัด 7 แห่ง ได้รับผลกระทบเช่นกัน
ทั้งนี้ ทางจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ยกระดับการจัดการสาธารณภัย เป็นระดับ 2 และตั้งศูนย์บัญชาการส่วนหน้า เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน มีมาตรการสำคัญ ดังนี้ 1.เสริมแนวกั้นน้ำด้วยบิ๊กแบ็ก และกระสอบทราย ในหลายจุด พร้อมติดตั้งป้ายเตือน 2.ตั้งโรงครัวพระราชทาน จัดทำข้าวกล่องกว่า 1,300 กล่องต่อมื้อ เพื่อแจกจ่ายผู้ประสบภัย 3.สนับสนุนรถบรรทุก 4 คัน สำหรับลำเลียงประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยง และ 4.จิตอาสาและเหล่ากาชาด จัดทำข้าวกล่อง กรอกกระสอบทราย และให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลางวิกฤต ก็ยังมีเรื่องราวน่าประทับใจ เมื่ออาสาสมัครกู้ภัยกกไทรหล่มสัก ได้เข้าช่วยเหลือนักเรียนที่ติดค้างอยู่ที่โรงเรียนในพื้นที่ เนื่องจากถนนถูกน้ำท่วมสูง โดยนำรถบรรทุกสูง และเรือ เข้าช่วยลำเลียงนักเรียนกลับบ้าน จนเมื่อเด็กๆ ได้พบกับผู้ปกครอง ต่างโผเข้ากอดกันทั้งน้ำตา ซึ่งเป็นภาพสะท้อนถึงความรักและความห่วงใย ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบาก
ขณะเดียวกัน ที่บ้านไร่ท่ามะกล้วย หมู่ 3 และ 9 ต.วัดป่า อ.หล่มสัก ยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากแนวกระสอบทรายกั้นน้ำพังทลาย เมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ทำให้มวลน้ำจากแม่น้ำป่าสักทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำสูงประมาณ 60 เซนติเมตร บางจุดลึกถึงระดับเอว จนชาวบ้านบางครัวเรือนถูกตัดขาด โดยกู้ภัย และเจ้าหน้าที่ อบต.วัดป่า ได้เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยและอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่
ส่วนที่ จ.อำนาจเจริญ ได้รับผลกระทบจากพายุรากาซา โดยเฉพาะ ต.นาหมอม้า อ.เมือง พบต้นโพธิ์ขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปี ริมกำแพงวัดโพธิ์สรี หักโค่น ทำให้สายไฟฟ้าขาดจนกระแสไฟฟ้าดับทั้งตำบล และยังทับถนน รวมทั้งสร้างความเสียหายให้บ้านเรือนที่อยู่ใกล้เคียงบางส่วน ขณะที่ผืนนาใกล้ลำเซบาย มีน้ำท่วมขังกว่า 500 ไร่แล้ว สำหัรบอ่างเก็บน้ำทั้ง 4 แห่ง และลำเซบาย 2 แห่ง มีปริมาณน้ำเต็มความจุ โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำพุทธอุทยาน ที่มีปริมาณน้ำเกินความจุถึงร้อยละ 101.53 ทำให้ต้องระบายน้ำออกตลอดเวลา ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ท้ายอ่าง และริมลำห้วยปลาแดก ต้องเตรียมอพยพจากพื้นที่
นอกจากนี้ใน อ.หัวตะพาน และ อ.ลืออำนาจ ระดับน้ำในลำเซบาย และลำเซบก เพิ่มสูงขึ้นจนเริ่มท่วมพื้นที่นา จนต้องปักธงแดงแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีรายงานว่าถนนลูกรังใน อ.ปทุมราชวงศา ได้กลายเป็นโคลนหลังจากฝนตกหนัก ทำให้รถติดหล่ม ไม่สามารถสัญจรได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี