รฟม.แจงถนนทรุดจากท่อประปารั่ว
เร่งซ่อมหลุมยักษ์
ประกาศเขตภัยพิบัติพร้อมเยียวยา
ตึกสน.สามเสนเอียง-ห้ามเข้าพัก
คมนาคมสั่งตั้งกก.สอบหาสาเหตุ
“ชัชชาติ”ชี้อุปสรรคใหญ่ กู้อุโมงค์สีม่วงใต้ถล่ม พบชิ้นส่วน 34 ตันขวางทาง เร่งใช้เครน 150 ตันยก เพื่อใช้กระสอบทราย 5 หมื่นถุงอุดรอยรั่ว คาดยังต้องปิดถนนสามเสนต่อไปอีกระยะ เพื่อเดินหน้าซ่อมหลุมยักษ์หน้ารพ.วชิระ ส่วนอธิบดีกรมโยธาฯลงพื้นที่ตรวจแฟลตที่พัก-สน.สามเสน พบอาคารสนงเอียงเข้าหาฝั่งหลุม2มม.เพราะเสารค้ำยันชำรุด เตือนห้ามเข้าอาคารเด็ดขาด ขณะที่ผู้บริหาร รฟม.แถลงแจงเหตุถนนทรุดเบื้องต้น จากท่อประปารั้ว ทำใหดินสไลด์กลายแป็นหลุมกว้างลึก 50ม.ย้ำก่อสร้างได้มาตรฐาน รับเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งแรก และเป็นเหตุการณ์พิเศษ วางแผน2ระยะคืนพื้นที่ถนน-ซ่อมสถานีอุโมงค์
ความคืบหน้าการแก้ปัญหาถนนสามเสนทรุดบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล และสถานีตำรวจนครบาลสามเสน ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าโรงพยาบาลวชิระ ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ทำให้เกิดเป็นหลุมขนาดความกว้าง 30×30 เมตร ความลึก 50 เมตร
แผ่นปูน30ตันขวางอุโมงค์เร่งใช้เครนยก
เมื่อวันที่ 25กันยายน นายสุริยชัย รวิวรรณผู้อำนวยการต่อสายสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในส่วนแผนซ่อมหลุมขนาดใหญ่ด้านหน้าโรงพยาบาลวชิระช่วงเย็นวันที่ 24 กันยายนกรุงเทพมหานครนำกระสอบทรายกว่า 50,000 ลูก หรือประมาณ 500 ลูกบาศก์เมตร มาอุดช่องว่างใต้ดิน เพื่อเพิ่มความเสถียรมั่นคง และลดการสไลด์ทรุดตัวของดิน ปรากฏว่า การอุดช่องว่างทำไม่สำเร็จ ต้องหยุดภารกิจชั่วคราว เนื่องจากแท่นปูนขนาดใหญ่ ที่เคยเป็นจุดจอดรถกระบะทรุดตัวถล่มลงมา ทำให้มีแผ่นปูนขนาด 30 ตัน มาขวางช่องอุโมงค์ ส่งผลให้กระสอบทรายที่ทิ้งลงไปปิดได้ไม่สนิท ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประชุมกัน และวางแผนใช้รถเครนขนาด 200 ตันมายกแผ่นปูนออก แต่เนื่องจากตัวรถเครนมีน้ำหนักมาก จึงต้องมีตัวเสริมค้ำยันด้านใต้ รองรับน้ำหนักตัวรถส่วนปัญหาเรื่องน้ำค้างท่อประปา การประปานครหลวงได้มาซ่อมท่อจนน้ำหยุดไหล และไม่มีดินสไลด์ทรุดตัวเพิ่มเติมแล้ว
โยธา-วิศวกรรมสถานฯ-รฟม.ตรวจแฟลต.
นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง พร้อม ผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่สน.สามเสน รวมทั้งแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ สน.สามเสน หลังเกิดเหตุถนนสามเสนทรุดตัวจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ลึก 50 เมตรหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยใช้ตลับเมตรวัดระยะรอยแยก เสาค้ำยันอาคาร โครสร้าง สน. และทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย
ผวาอาคารเอียง2มม.ห้ามเข้าเด็ดขาด
ผศ.ดร.ธเนศยอมรับว่า จากการประเมินด้วยสายตาเช้าวันนี้ พบมีร่องรอยการแยกตัวจากพื้นจนเห็นได้ชัดอย่างมีนัย ส่วนจะมีอุปสรรคหรือผลกระทบระยะยาวหรือไม่ ต้องให้คณะกรรมการพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้งส่วนการที่เสาเข็มของสน.สามเสนชำรุดหรือขาด ตอนนี้มีเครื่องมือมาตรวจวัดแล้ว พบว่าอาคาร สน.เอียงเข้าหาฝั่งหลุม 2 มิลลิเมตร เนื่องจากเสาค้ำยันชำรุดทำให้ไม่มีแรงค้ำยัน ส่วนจะถึงขั้นทุบอาคารทิ้งหรือไม่ยังไม่สามารถตอบได้ แต่ถ้าอาคาร สน.พังทลายลง จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของแฟลตด้วย จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนอย่าเพิ่งกลับมาพักอาศัยในอาคารเด็ดขาด
กู้อุโมงค์ไม่คืบชิ้นส่วน34ตันขวาง
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาถนนสามเสนทรุดดินสไลด์ที่หน้ารพ.วชิระว่า จาการประชุมช่วงเช้ากับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และผู้รับผิดชอบโครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างอุดรอยรั่วของอุโมงค์ โดยมีชาร์ปหรือวัสดุโครงสร้างเก่าที่ไม่เกี่ยวกับอุโมงค์ตั้งขวางอยู่ประมาณ 5 ชิ้น ต้องใช้เครื่องจักรหนัก (เครน) ขนาด 150 ตัน ยกออกขณะเดียวกัน ต้องเสริมฐานสร้างความมั่นคงให้เครื่องจักรหนักตั้งอยู่เพื่อทำงานได้อย่างปลอดภัย โดยตัวชิ้นส่วนที่ขวางอยู่น้ำหนักประมาณ 34ตัน แต่มีแรงหนืดที่ยึดติดกับดินด้วย ทำให้เครื่องจักรหนักออกแรงเพิ่มถึง 50ตัน ทำให้ยังยกไม่ขึ้น ต้องหาทางแก้ไขต่อไป เพื่อให้สามารถนำกระสอบทรายลงไปอุดรอยรั่วได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรฟม. เป็นผู้วางแผนและดำเนินการเรื่องนี้ทั้งหมด หากนำชิ้นส่วนกีดขวางออกได้แล้ว เข้าใจว่าจะใช้คอนกรีตอุดทับและถมด้วยดิน เพื่อให้ทำงานก่อสร้างอุโมงค์ต่อไปได้
น้ำ-ไฟใช้ได้ปกติ-ปิดถ.สามเสนอีกนาน
ผู้ว่าฯกทม.กล่าวต่อว่า ในส่วนกทม.ต้องดูแลประชาชนโดยรอบพื้นที่เกิดเหตุ รวมถึงผู้ป่วยติดเตียงประมาณ 10 ราย ซึ่งเขตดุสิตดำเนินการส่วนนี้เรียบร้อยแล้ว และสนับสนุนน้ำประปาแจกให้ชุมชนระแลกใกล้เคียง โดยการประปานครหลวงแจ้งว่า ช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้ ระบบน้ำจะกลับมาใช้ได้ตามปกติ ส่วนเรื่องไฟฟ้ากลับมาใช้ได้ตามปกติแล้วสำหรับการจราจรบนถนนสามเสน มีแนวโน้มปิดอีกนาน ต้องรอการแจ้งจาก รฟม. ต่อไป โดยสรุปสถานการณ์ไม่มีความรุนแรงเพิ่ม ยังไม่เกินความคาดหมายที่ตั้งไว้
กทม.ประกาศเขตภัยพิบัติเร่งเยียวยา
สำหรับการใช้กระสอบทรายอุดรอยรั่วอุโมงค์นั้น ผู้ว่าฯกทม.เผยว่า เป็นสิ่งที่ รฟม. และทีมผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเห็นตรงกันว่าเหมาะสมกับสถานการณ์นี้ เพราะต้องก่อสร้างต่อไป ปัญหาสำคัญตอนนี้ คือน้ำหนักของเครื่องจักรหนักที่จะมายกสิ่งกีดขวางออก ซึ่งเครื่องจักรดังกล่าวตั้งอยู่บนโครงสร้างสถานีรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง รับน้ำหนักได้จำกัด จึงต้องเสริมความมั่นคงทุกส่วนให้แน่ใจ ไม่เร่งรีบ ปัจจุบันไม่มีน้ำประปาไหลลงอุโมงค์แล้ว ข้อกังวลตอนนี้คือเรื่องฝนตก แต่สั่งให้อุดการไหลทั้งหมดแล้ว จะมีน้ำฝนที่ตกลงมาตรงๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ได้ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติไปแล้วเมื่อเช้านี้ เพื่อให้กระบวนการเยียวยาความเสียหายเดินต่อได้
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อมูลน้ำผุดที่ย่านเกียกกาย และความกังวลว่าจะเกิดเหตุถล่มซ้ำ อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และในกรณีข้อวิจารณ์ห่วงรถยนต์ จึงให้เจ้าหน้าที่ลงไปเสี่ยงนำรถขึ้นมา แต่ข้อเท็จจริงคือต้องนำสิ่งกีดขวางการอุดอุโมงค์ออกทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่มีอุปกรณ์ห้อยตัวป้องกัน เท้าไม่แตะพื้น เพื่อความปลอดภัยจากดินสไลด์ ส่วนข้อสังเกตว่า เหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในช่วงใกล้หมดวาระผู้ว่าฯกทม. และใกล้เลือกตั้ง มองว่า ไม่ว่าจะอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นคือหน้าที่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว
รฟม.เร่งคืนพื้นที่-เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
วันเดียวกัน นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พร้อมนายกิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการฯด้านวิศวกรรมและก่อสร้าง รฟม. และผู้แทนจากกิจการร่วมค้า ซีเคเอสที – พีแอล ร่วมแถลงข่าวหลังเกิดเหตุถนนทรุดหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน ที่กำลังมีการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก)
โดยนายกาจผจญกล่าวว่า รฟม.ในฐานะผู้ก่อสร้าง บริษัทควบคุมงาน ต้องกราบขออภัยทั้งผู้ป่วย ผู้ใช้บริการ โรงพยาบาลวชิระ ผู้ใช้ถนนสัญจรถนนสามเสนรฟม.จะพยายามเต็มที่ในการแก้ปัญหาเพื่อฟื้นคืนสภาพให้ถนนสามเสนใช้งานสัญจรได้ปกติโดยเร็ว รวมทั้งเยียวยาดูแลผลกระทบที่เกี่ยวข้องซึ่งรฟม.และผู้ว่าจ้างจะดูแลทุกเรื่องเต็มที่
ทั้งนี้ เหตุถนนทรุดที่เป็นเชิงประจักษ์เริ่มขึ้นเวลา 05.00 น.วันที่ 24 กันยายน มีประชาชนพบเห็นว่าพื้นผิวถนนเริ่มมีการต่างระดับรถสามารถวิ่งได้อยู่เพียงแต่อยู่ถนนไม่ได้เรียบ ช่วง 5.30น.เริ่มมีน้ำเอ่อขึ้นมาบนผิวถนน กระทั่งตำรวจจราจรต้องมาจัดการจราจรพื้นที่จราจรเริ่มลดลงเหลือเพียง 1ช่องทาง เหตุการณ์ดังกล่าวทางโครงการได้ประสานการประปานครหลวงซึ่งทราบว่าน้ำมาจากการรั่วไหลของท่อประปาใต้ถนน แต่การแก้ไขไม่สามารถดำเนินการได้ทันทีสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วช่วงเวลา 7.00 น. เริ่มมีการพังทลายของตัวพื้นผิวจราจรลงไปและเริ่มต่อเนื่องไปจนถึงเวลา 7.30น. เบื้องต้นสิ่งที่เราจะทำคือต้องหยุดการเคลื่อนของดิน หยุดการพังทลายของดินเพิ่มเติม และต้องคืนสภาพพื้นผิวจราจรให้ประชาชนและโรงพยาบาลใช้งานได้ปกติเร็วที่สุด
เป็นเหตุเกิดครั้งแรก-เหตุการณ์พิเศษ
“จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ต้นเหตุน่าจะเกิดจากสภาพของดินบริเวณดังกล่าวร่วมกับน้ำที่อยู่ในดิน ทำให้สภาพดินเปลี่ยนพฤติกรรมไป เสถียรภาพของดินเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งดินและน้ำที่เป็นลักษณะพิเศษนี้ส่งผลให้ท่อประปาที่อยู่ในระดับที่ลึกไป 3 เมตรชำรุด รวมทั้งน้ำจากท่อน้ำเสียก็มีการปนเปื้อนดินตรงนั้น ทำให้ดินเสียเสถียรภาพมากขึ้นไปอีกจากนั้นดินที่เสียสภาพเริ่มเข้าไปในช่องว่างในตัวสถานีและอุโมงค์ แรงดันมหาศาลของดินและน้ำทำให้รอยต่างๆขยายวงขึ้นเรื่อยๆและเกิดการพังเข้าไป มวลดินและน้ำจึงไหลเข้าไปในสถานี” นายกาญผจญกล่าว และว่า สิ่งเหล่านี้เป็นข้อสันนิษฐานเบื้องต้นจากการลำดับเหตุการณ์และการประเมินทางวิชาการเบื้องต้นในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินของรฟม.เราดำเนินการเป็น 10 ปีด้วยเทคนิคที่เป็นมาตรฐานวิชาการ เราใช้ผู้รับจ้างผู้ก่อสร้างที่มีคุณภาพมาตลอดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นครั้งแรกและเป็นเหตุการณ์พิเศษหลังจากนี้กระทรวงคมนาคมและผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจะร่วมกันตรวจสอบเพื่อหาต้นต่อต้นเหตุที่แท้จริงสร้างความมั่นใจว่าเราจะกำหนดมาตรการมีหลักการคำนวณเพิ่มเติมอย่างไรไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก
แจงแผน2ระยะ-ลดดินสไลด์/เปิดจราจร
นายกาจผจญกล่าวต่อว่า ในการแก้ปัญหารฟม.หารือกับผู้รับจ้างจะแก้ไขเป็น 2 ระยะๆที่ 1 จะเป็นการเร่งคืนพื้นที่ รฟม.สำรวจเบื้องต้นไปแล้ว สถานการณ์ตอนนี้พื้นดินมีเสถียรภาพพอสมควร การสไลด์จะเหลือเพียงเล็กน้อยเจ้าหน้าที่จะเริ่มอุดรูรั่วด้วยกระสอบทรายจำนวนประมาณ 50,000 ลูก ระหว่างอุโมงค์กับตัวสถานีจากนั้นผสมด้วยซีเมนต์ผสม เพื่อให้พื้นผิวกลับเข้ามาสู่ระดับปกติ และปรับพื้นผิวถนนแบบชั่วคราวก่อนเพื่อเปิดการจราจรให้เร็วที่สุดระยะที่ 2 เป็นการซ่อมแซมตัวสถานีอุโมงค์ให้กลับมาทำงานปกติขั้นตอนนี้รฟม. และผู้ว่าจ้างต้องลงรายละเอียดและวิเคราะห์อีกครั้ง ในมิติการซ่อมแซมตัวอาคารที่ได้รับผลกระทบจะอยู่ในระยะที่ 2 ที่จะดำเนินการให้เกิดความมั่นคงแข็งแรงให้กลับไปอยู่อาศัยได้ตามปกติ
ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รฟม. ผู้รับจ้างต้องขออภัยเป็นอย่างสูง จะดูแลผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด
ตั้งกก.สอบสาเหตุ-สแกนพื้นที่ก่อสร้าง
สำหรับสถานีตำรวจสน.สามเสน นายกาจผจญ ระบุดินที่อยู่รองรับฐานล่างและเสาเข็มหายไปเพราะทรุดตัวลงไปกับถนนที่ยุบขณะนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะเข้าไปซ่อมแซม สิ่งแรกที่ต้องทำคือพยายามทำให้ทั้งรอบพื้นที่มั่นคงมากที่สุดกระทรวงคมนาคมกำชับรฟม.ให้สแกนทุกงานก่อสร้างทุกพื้นที่การก่อสร้างและรีวิวสอบถามการก่อสร้างแบบลำดับขั้นตอนความปลอดภัยทั้งหมดอีกครั้งเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน ยืนยันว่าที่เราพยายามตรวจสอบทั้งวันทั้งแบบและวิธีการก่อสร้าง การใช้อุปกรณ์เครื่องจักรทั้งหลายเป็นไปตามมาตรฐานตามหลักวิชาการ ยืนยันยังไม่พบการแปรสภาพของดินและน้ำในส่วนก่อสร้างอื่นที่คล้ายสาเหตุของกรณีถนนสามเสน แต่ รฟม.ยังเดินหน้าตรวจสอบต่อไปส่วนการตรวจสอบเหตุการณ์นี้กระทรวงคมนาคมจะตั้งคณะกรรมการที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญสภาวิศวกรมาช่วยตรวจสอบ
เร่งคืนพื้นที่ถ.สามเสนภายใน2สัปดาห์
ด้านตัวแทนกิจการร่วมค้าซีเคเอสที – พีแอลยืนยันจะเร่งคืนพื้นที่ถนนสามเสนภายใน 2 สัปดาห์ ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องได้หาข้อสรุปเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวเบื้องต้น บริษัทจะใช้กระสอบทรายอุดรูต่างๆ และเทคอนกรีตทับช่วงบ่ายวันนี้ทันที แต่เป็นการเทคอนกรีตทีละสเต็ปที่ละชั้น เพื่อให้แต่ละชั้นเซ็ตตัวจากนั้นจะเป็นการจัดการพื้นผิวถนน ตั้งเป้าไว้ไม่เกิน 14วัน เพื่อให้สามารถคืนพื้นผิวจราจรได้ ในนามบริษัทต้องขออภัยประชาชน ที่สร้างผลกระทบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เหตุการณ์นี้ เป็นความสุดวิสัยที่เราพยายามป้องกันเต็มที่แล้ว บริษัทจะสืบหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ยืนยันว่า เราเตรียมพร้อมเต็มที่ ตอนนี้ในฝั่งอุโมงค์ที่มีปัญหาดินเข้าไปประมาณ 20 เมตร แต่หากเทคอนกรีตถือว่าปลอดภัยแต่ถ้าถมขึ้นมาอีกจะไม่ปลอดภัย ฉะนั้นต้องนำกระสอบทรายเข้าไปทำระบบค้ำยันเพื่อให้ยืนยันว่ามั่นคงในการเทคอนกรีตแต่ขณะนี้การวางกระสอบทรายคือ เพื่อกันน้ำกันดินให้หยุดไหลเร็วที่สุด ยืนยันว่าคอนกรีตที่เทจะไม่กระทบกับสถานีและจะรื้อออกในการกลับมาก่อสร้างส่วนความเสียหายรถตำรวจจะมีการกู้ขึ้นมาภายหลัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี