รฟม. ยันเทคอนกรีตอุด "หลุมยักษ์" เสร็จ เตรียมเคลียร์เศษเสาไฟฟ้า ดีเดย์ คืนผิวการจราจร 9 ต.ค.นี้ ด้าน "อ.ธเนศ" จ่อตรวจวัดความสั่นสะเทือนก่อนให้ ปชช.กลับที่พัก
28 กันยายน 2568 ที่โรงพยาบาลวชิระพยาบาล นายกิตติ เอกวัลลภ ผู้ช่วยผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย ผศ.ดร.ธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษาภัยพิบัติ สภาวิศวกร และ ผศ.นพ.อนุแสง จิตสมเกษม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ร่วมกันแถลงความคืบหน้า เหตุการณ์หลุมยุบ หน้าโรงพยาบาลวชิระ ถนนสามเสน เขตดุสิต กทม. ตั้งอต่วันที่ (24 ก.ย.) ที่ผ่านมา เข้าสู่วันที่ 4
นายกิตติ กล่าวว่า หลังจากเมื่อวานนี้ได้มีการทำช็อตทัช คอนกรีต หรือฉีดคอนกรีตไปที่ด้านใต้พื้นรากใกล้กับ สถานีตำรวจสามเสน ซึ่งจะมีลักษณะเป็นหลุมอยู่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของดินไม่ให้มีโพรงโป่ง หรือรูรั่ว และทางสำนักการระบายน้ำได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 20 นิ้ว ซึ่งสามารถระบายน้ำได้ความเร็ว 0.25 ลูกบาศเมตรต่อวินาที ในพื้นที่ของหลุบยุบกรณีหากเกิดฝนตกเพื่อป้องกันน้ำไหลออกพื้นที่ และมีการวางกระสอบทรายโดยรอบบ่อไม่ให่น้ำไหลออก รวมการเทคอนกรีตทั้งหมด 1,225 ลูกบาศเมตร วัดจากผืนดิน ลบ 10 เมตรเป็นระดับที่ต้องการ และช่วงเช้ามีการทำช็อตกรีตเพิ่มเติม
ส่วนขั้นตอนต่อไปของวันพรุ่งนี้จะเป็นการเคลียร์วัสดุ เศษอุปกรณ์ต่างๆ ออกจากหลุม เช่น สายไฟ, เสาไฟฟ้า, ท่อประปา และหม้อแปลง โดยใช้เครน 200 ตันในการยก จากนั้นวันอังคาร จะถมดินกลบหลุม ใช้ทรายผสมกับปูนซี้เมนต์ ทำทีละชั้น ชั้นละ 1 เมตร คาดว่าจะถมสูงขึ้นไปอีก 5 เมตร จากนั้นเมื่อระดับได้ลบ 5 จนถึงผิวดิน และจะใช้ทรายถม ส่วนอุปสรรคกลัวฝนตกหนักอาจทำให้การทำงานล่าช้าลง และที่ต้องระวังพิเศษคือการถมดินที่ใต้สถานีตำรวจสามเสน ต้องไม่ให้เกิดผลกระทบโครงสร้างอาคาร
โดยเมื่อช่วงเช้ารัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เดินทางมาตรวจพร้อมเน้นย้ำให้ทำงานด้วยความปลอดภัยทั้งเจ้าหน้าที่ลงไปทำงานและความปลอดภัยโดยรวม เป็นปัจจัยหลักที่ต้องนำมาปรับแผนในการทำงานแต่ละวันด้วย
ส่วนอาคารโดยรอบ สน.สามเสน และข้างเคียงมีการตรวจวัดตลอดเวลา ยังไม่พบมีการเคลื่อนตัวอยู่ในสภาวะมีเสถียรภาพ ซึ่งจะสามารถคืนพื้นผิวจราจรจำนวน 2 ช่อง ตามที่กำหนดเสร็จได้ภายในวันที่ 8 ต.ค.2568 และคืนผิวการจราจรในวันถัดไป 9 ต.ค.2568
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากปัญหาเรื่องของสภาพดินหรือไม่ นายกิตติระบุว่า เรื่องนี้ทางกระทรวงคมนาคมได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาสาเหตุประเด็นดังกล่าวแล้ว โดยจะต้องเก็บตัวอย่างดินที่อยู่ข้างล่างมาตรวจสอบวิเคราะห์หาข้อมูล อย่างละเอียด
แต่จนถึงตอนนี้ ยังไม่สามารถที่จะชี้ชัดได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะเรื่องของสภาพดินหรือไม่ ส่วนสาเหตุมาจากการก่อสร้างอุโมงค์รถไฟฟ้าหรือไม่นั้น มองว่างานโยธาการก่อสร้างอุโมงค์รถไฟฟ้าและสถานีรถไฟฟ้าได้เสร็จมานานกว่า 3 เดือนแล้ว และยืนยันว่า การก่อสร้างทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน มีวิศวกรตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งทางเราก็ยังสงสัยในเรื่องของสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน ขอให้รอผลการตรวจสอบอย่างละเอียด
นายกิตติ ยังเปิดเผยอีกว่า การกลับเข้าที่พักของผู้อพยพบริเวณโดยรอบนั้น คาดว่าจะสามารถกลับเข้ามาได้ภายหลังจากเปิดถนนแล้ว 1-2 วัน แต่ทางทีมงานจะดำเนินการประเมินสภาพความปลอดภัยอย่างละเอียดก่อน ถึงจะอนุญาตให้ผู้ประสบภัยเข้ากับที่พักได้ ส่วนในเรื่องของการช่วยเหลือเยียวยา ทางกรุงเทพมหานครโดยเขตดุสิตจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อไป
ด้าน ผศ.ดร.ธเนศ ที่ปรึกษาภัยพิบัติ สภาวิศวกร เปิดเผยว่า กระบวนการการทำงานของทีมงานตอนนี้ได้ดำเนินการตรวจสอบทุกขั้นตอนอย่างละเอียด ทั้งเรื่องของการเอียงของอาคารและการสั่นสะเทือน โดยนับตั้งแต่การเทปูน ก็ตรวจสอบไม่พบว่า ตึกต่าง ๆ บริเวณโดยรอบเอียงมา 2 วันแล้ว จึงคาดว่า ในระหว่างการถมดิน ก็จะไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของอาคาร เช่นเดียวกับก่อนการเปิดการจราจร เราก็ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดเช่นเดียวกัน จึงขอให้ประชาชนมั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัยของโครงสร้างหลังการฟื้นฟูและเปิดผิวการจราจร
ส่วนสภาพความปลอดภัยของอาคาร สน.สามเสน (หลังใหม่) นั้น แม้ว่าตอนนี้จะมีปัญหาเสาเข็มข้างล่างขาด แต่จากการตรวจสอบทางวิศวกรรมพบว่า โครงสร้างของอาคารได้ถ่ายน้ำหนักไปยังเสาเข็มต้นอื่น ๆ บริเวณโดยรอบ จึงยังไม่พบปัญหาอะไร แต่มองว่า เมื่อทางทีมงานได้ดำเนินการถมทรายและดินมาถึงระยะลึกจากผิวดิน 2 เมตร เมื่อนั้นก็ไดระยะที่จะสามารถติดตั้งเสาเข็มใหม่ได้ เพื่อทดแทนเสาเข็มที่หักและไม่เป็นการเพิ่มภาระให้กับเสาเข็มต้นอื่นมากจนเกินไป ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการติดตั้งเสาเข็มอาคาร สน.สามเสน (หลังใหม่) ได้ภายใน 3-4 วัน
โดยทั้งการทดสอบทางวิศวกรรมในเรื่องของค่าน้ำหนักและค่าการทรุดตัวแล้ว ร่วมกับการตรวจสอบสภาพอาคารที่ยังไม่พบรอยร้าวเพิ่มเติม โครงสร้างคานเสายังไม่เสียหาย มีเพียงแค่พื้นที่เป็นรอยแยกตั้งแต่วันแรกซึ่งก็ยังไม่ขยายตัวแต่อย่างใด จึงทำให้เชื่อมั่นมากว่า โครงสร้างของอาคาร สน.สามเสน (หลังใหม่) ไม่มีปัญหา แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อดำเนินการถมโพรงใต้อาคารแล้ว จะต้องทดสอบน้ำหนักโดยรวมของตึกอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความมั่นใจและปลอดภัยสูงสุด
ขณะที่ ผศ.นพ.อนุแสง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เปิดเผยว่า ตอนนี้ทางโรงพยาบาลได้เปิดให้บริการ 100% ทุกแผนก ตั้งแต่แผนกฉุกเฉิน แผนกผ่าตัด แผนกผู้ป่วยนอก แผนกผู้ป่วยใน และคลินิกนอกเวลา มา 3 วันแล้ว ซึ่งยังคงมีประชาชนมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับอาคารทีปังกรรัศมีโชติที่ตอนนี้ได้เปิดให้บริการแล้ว 100%
แต่ทั้งนี้ โรงพยาบาลก็เป็นห่วงในเรื่องของการให้บริการในวันจันทร์ที่ 29 กันยายนนี้ ที่มีนัดให้บริการผู้ป่วยมากถึง 3,470 นัด เบื้องต้น ทางโรงพยาบาลจึงขอประชาสัมพันธ์ว่า เนื่องจากโรงพยาบาลมีที่จอดรถรองรับเพียงแค่ 200 คัน จึงขอให้ผู้เข้ารับบริการใช้บริการรถขนส่งสาธารณะแทน ซึ่งทางโรงพยาบาลจะจัดรถรับ-ส่ง ทั้งจากถนนราชวิถี สะพานกรุงธน และแยกบางพลัด ให้บริการแก่ผู้เข้ารับบริการ
รวมทั้งได้ประสานขอความร่วมมือด้านการจราจรจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลและ สน.สามเสน โดยจะเปิดถนนสวนอ้อยซอยกลางที่เชื่อมต่อกับถนนนครราชสีมา เป็นอีกหนึ่งช่องทางพิเศษสำหรับผู้เข้าใช้บริการโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตามประเมินว่า อาจจะมีผู้ป่วยมาใช้บริการตามนัดหมาย 50% หรือประมาณ 1,500 - 1,600 คน ซึ่งสถิติจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่มีนัดผู้ป่วยกว่า 2,500 ราย แต่มีผู้มาเข้ารับบริการประมาณ 1,500 คน ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลได้ดำเนินการโทรประสานทยอยเลื่อนนัดให้แก่ผู้ป่วยบางรายที่สะดวกเลื่อนออกไปก่อน รวมทั้งใช้วิธีการกระจายยาไปยังสาธารณสุขท้องที่ เพื่อส่งให้แก่ผู้ป่วยบางรายด้วย.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี