‘ร.อ.ธรรมนัส-รมว.นฤมล’ พร้อม รัฐมนตรี พรรคกล้าธรรม ตรวจพื้นที่น้ำท่วม จ.พิจิตร สอศ.ระดมศูนย์ Fix it center ช่วยเหลือประชาชน

เมื่อวันที่ 28 กันยายน  2568  ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยรัฐมนตรี พรรคกล้าธรรม ประกอบด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ,  นายอรรถกร ศิริลัทยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา, นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาสังคมเพื่อความมั่นคงของมนุษย์ และ นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่จังหวัดพิจิตร โดยมี นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดศธ., นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา, ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, และคณะผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ., อธิบดีกรมชลประทาน อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และติดตามสถานการณ์น้ำ ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพิจิตร จ. พิจิตร

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้เรามาในนามรัฐบาลภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โดยในวันที่ 29-30 กันยายน นี้  นายกรัฐมนตรีจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ว่าคณะรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดนี้จะทำงานในกรอบระยะเวลาเท่าใดก็ตาม จะทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง ตามที่ได้ถวายคำสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าเราจะดูแลพี่น้องประชาชนภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 อย่างเคร่งครัด จะบริหารราชการอย่างซื่อสัตย์สุจริต

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า ตนได้รับรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ว่า น้ำท่วมจังหวัดพิจิตรตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม จนถึงวันที่  28 กันยายน ซึ่งเป็นเวลาเดือนกว่า โดยเฉพาะที่อำเภอสามง่าม น้ำท่วมถึงหน้าอก ซึ่งก็สาหัสทุกปี ทั้งนี้ตนก็ได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนนตรีให้แก้ไขปัญหาน้ำท่วมในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กำกับกรมชลประทาน ก็ได้พูดคุยหารือกับอธิบดีกรมชลประทานตลอด แทบจะเอาตัวมาติดกันเพราะต้องช่วยกันแก้ปัญหา โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำ สิ่งที่เราต้องทำคือ การลดปริมาณและการระบายน้ำจากเขื่อน ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่จะต้องลงมาสั่งการด้วยตนเอง เพื่อแก้ปัญหาให้กับชาวจังหวัดพิจิตร และจังหวัดอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ บรรเทาความเดือดร้อน

“และวันนี้ผมก็ได้มามอบเอกสารสิทธิโฉนด ส.ป.ก.4-01 ที่ได้ต่อสู้ให้กับประชาชนในสมัยเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ครั้งแรก โดยผมได้สั่งการให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมออกเอกสารแสดงสิทธิให้แก่เกษตรกร ที่เรียกว่า ส.ป.ก.4-01 ซึ่งก็ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่าจะเอาที่ดินของหลวงไปขายให้กับนายทุน ซึ่งผมก็ได้อภิปรายคนเดียวถึง 2 ชั่วโมง เพื่อให้ สส.เข้าใจ เนื่องจาก ส.ป.ก.4-01 มีข้อจำกัดไม่สามารถเอาไปต่อยอดได้ ตรงนี้ก็ทำเพื่อชาวบ้านเพื่อพี่น้องประชาชน จะได้มีที่ดินทำกิน อันไหนทำให้คนไทยมีความสุขผมก็จะทำ” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

หลังจากนั้น ร.อ.ธรรมนัส โดยมูลนิธิธรรมนัส พรหมเผ่า พร้อมรัฐมนตรีพรรคกล้าธรรม ก็ได้ร่วมมอบถุงยังชีพ จำนวน 1,500 ชุดให้กับชาวบ้านต่อจากนั้น รัฐมนตรีของพรรคกล้าธรรม ได้แยกย้ายลงพื้นที่ตามภารกิจที่รับผิดชอบ

โดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว. ศึกษาธิการ และคณะผู้บริหาร ศธ.ได้ประชุมผู้บริหารหน่วยงานการศึกษาในสังกัด ศธ. ประกอบด้วย ศึกษาธิการจังหวัด, ศึกษาธิการภาค, ผอ.สพท., ผอ..สอศ., ผอ.สกร.จ.พิจิตร เพื่อรับฟังการนำเสนอข้อมูล สภาพความเสียหาย ปัญหาอุปสรรคการดำเนินงานจัดการเรียนการสอน พร้อมให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายกับผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย การฟื้นฟู

ศ.ดร.นฤมล กล่าวตอนหนึ่ง ว่า กระทรวงศึกษาธิการ จะเร่งจัดหามาตรการเยียวยาซ่อมแซมอาคารเรียน อุปกรณ์การเรียน และการดูแลสวัสดิการครูและนักเรียน เพื่อให้สามารถดำเนินการจัดการเรียนการสอนได้ตามปกติ

จากนั้น  ลงตรวจเยี่ยมศูนย์ซ่อมสร้าง Fix it center ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่มอบให้วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร, วิทยาลัยอาชีวศึกษาพิจิตร และวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพิจิตร เปิดศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชนฯ ที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพิจิตร และที่ ชุมชนวัดวังจิก  เพื่อดูแลช่วยเหลือฟื้นฟู ซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์การเกษตรที่เสียหาย ตลอดจนเครื่องใช้ในครัวเรือน และอุปกรณ์ประกอบอาชีพต่างๆให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัยโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ถือเป็นการลดภาระของพี่น้องประชาชน

นอกจากนี้ ศ.ดร.นฤมล และคณะผู้บริหาร ศธ. ยังได้เดินทางไปยังโรงเรียนกำแพงดินพิทยาคม เพื่อตรวจเยี่ยมและสำรวจผลกระทบที่ได้รับจากอุทกภัย พร้อมมอบถุงยังชีพ ให้กับนักเรียนผู้ประสบอุทกภัย พร้อมรับฟังปัญหาและการขอให้รัฐมนตรีสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนและเทคโนโลยี ห้องเรีบปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ด้วย

ศ.ดร.นฤมล กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยม ว่า วันนี้ ต้นพร้อมผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางมาร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาตรวจเยี่ยมสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพิจิตร พร้อมพบปะคุณครูและผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดพิจิตร กว่า 200 คน เพื่อรับฟังเสียงสะท้อน ปัญหาในพื้นที่ รวมถึงการรายงานผลกระทบที่เกิด จากพายุหลายระลอก และกำลังมีพายุเข้ามาอีกจึงต้องเตรียมการรับมือ ซึ่งในส่วนของโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบ ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ก็ได้มอบหมายให้ผู้บริหารในพื้นที่ดูแลเยียวยา ในเบื้องต้นได้มอบถุงยังชีพและของเครื่องใช้ ให้กับผู้ปกครองและคุณครูรวมถึงนักเรียน ส่วนเงินเยียวยาที่จะนำมาช่วยเหลื่อนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี  ได้สั่งการแล้ว ว่า หลังจากแถลงนโยบายรัฐบาลต่อสภา เสร็จเรียบร้อยในวันที่ 30 กันยายนนี้ ก็จะสามารถใช้งบประมาณได้ ก็จะให้เร่งดำเนินการเยียวยาทันที  ซึ่งขณะนี้ น.ส.ธนียา นัยพินิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ก็ดำเนินการเร่งสำรวจความเสียหายในแต่ละพื้นที่  เพื่อรายงานไปยังกระทรวงมหาดไทยเตรียมเงินเยียวยาให้กับพี่น้องประชาชน

“ขณะนี้มีสถานศึกษา และโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยกว่า 20 แห่ง ซึ่งในบางพื้นที่วัดวังจิก ท่วม 100% แต่ขณะนี้เป็นช่วงปิดเทอม แต่วันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ จะเปิดเทอม ก็หวังว่าจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์น้ำท่วมได้ทัน ซึ่งในสถานการณ์น้ำท่วมนี้ ศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix IT Center) ของ สอศ. มีความสำคัญอย่างยิ่งเป็นพระเอกตัวจริง ช่วยเหลือประชาชนและผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ ส่งเสริมสนับสนุน ให้ สอศ.จัดศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน ในการซ่อมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์เทคโนโลยีทั้งหลาย  เครื่องใช้การเกษตรรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ซึ่งสามารถช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ได้มาก ซึ่ง สอศ. ก็อยากจะได้รับงบประมาณมาสนับสนุน โดยกระทรวงศึกษาธิการ ก็จะนำ เรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อ ขอรับการสนับสนุนงบช่วยเหลือต่อไป ซึ่ง สอศ. มีบุคลากรพร้อมอยู่แล้วแต่ยังขาดเครื่องมือและเงินที่จะใช้ในการหาอุปกรณ์ มาช่วยซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆให้กับประชาชน ซึ่งส่วนหนึ่งก็ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีวิทยาลัยอาชีวะรัฐ และเอกชน  5 แห่งในจังหวัดพิจิตรมาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมและมีวิทยาลัยใน จังหวัดใกล้เคียง จังหวัดพิจิตรมาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมด้วย“ รมว.ศธ. กล่าว

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า การจัดการศึกษาด้านอาชีวศึกษา ถือเป็นกลไกหลักสำคัญของการพัฒนาชาติไทย ซึ่งตนได้หารือกับนายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการ กอศ.มาโดยตลอดว่าเราจะยกระดับอาชีวะฯของไทยอย่างไร ซึ่งอาชีวะฯทำไปเยอะแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทวิภาคี ความร่วมมือกับต่างประเทศ เพื่อที่จะนำเอาองค์ความรู้ที่ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม และตลาดแรงงาน  ซึ่งตรงนี้ทำไปได้ไกลมากแล้ว และรัฐบาลก็ให้การสนับสนุนอาชีวะฯเต็มที่  และพร้อมจะใช้เทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือสนับสนุนการเรียนกานสอน โดยเฉพราะช่วงที่เกิดสาธารณภัย น้ำท่วม หรือภัยทางชายแดน ศธ. ได้นำเทคโนโลยีทางการศึกษามาช่วยปรับรูปแบบการเรียนรู้ จากเรียนออนไซต์ ก็เปลี่ยนมาเรียนออนไลน์ได้ ก็ขอขอบคุณรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีก่อนๆที่วางรากฐานไว้ เราจึงสามารถต่อยอดได้ โดยตนก็จะสานต่อ โดยให้สถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ นำเทคโนโลยีมาใช้กับเรียนการสอนในแต่ละสาขาที่แตกต่างกันไป เพราะเทคโนโลยีมีความสำคัญอย่างมาก