มูลนิธิกระจกเงาพาพ่อและน้องสาว "น้องเก๋" ที่หายตัวไปนาน 12 ปี และเพิ่งพบเป็นโครงกระดูก ยื่นเรื่องขอรับเงินเยียวยาผู้เสียหายในคดีอาญา พ่อเผยยังคงจำภาพที่พบโครงกระดูกของลูกสาวได้ไม่ลืม และอยากให้ตำรวจตามหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 ก.ย. 2568 ตัวแทนมูลนิธิกระจกเงา ได้พานายวิโรจน์ กอไธสง อายุ 62 ปี และ น.ส.ภัทรมน กอไธสง อายุ 23 ปี พ่อและน้องสาวของ น.ส.ภาวิณี กอไธสง ที่หายตัวไปอย่างปริศนาเมื่อปี 2556 เพื่อยื่นเรื่องขอรับเงินค่าตอบแทนผู้เสียหายจากคดีอาญาที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดบุรีรัมย์

นายวิโรจน์ ผู้เป็นพ่อ เปิดเผยด้วยความเศร้าใจว่า ตั้งแต่วันที่ทราบว่าโครงกระดูกที่พบเป็นลูกสาว ภาพเหล่านั้นยังคงติดตาไม่เคยลืม และตลอด 12 ปีที่ผ่านมายังคงคิดถึงลูกสาวเสมอ แม้จะรู้สึกเบาใจขึ้นบ้างที่ได้พบลูกแล้ว ถึงแม้จะเหลือเพียงโครงกระดูกก็ตาม แต่ก็ยังคงคาใจและอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้

ด้าน น.ส.จินดารัตน์ เหล็มเต๊ะ ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า การรับเรื่องในวันนี้เป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต โดยหลักการแล้วจะต้องไปยื่นเรื่องที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม หากเอกสารครบถ้วน ครอบครัวน้องเก๋จะได้รับเงินเยียวยาประมาณ 120,000 บาท

สำหรับคดีการหายตัวไปของ น.ส.ภาวิณี หรือน้องเก๋ เกิดขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2556 ขณะที่เธอไปทำงานในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ก่อนจะขาดการติดต่อกับครอบครัวไป ทางครอบครัวได้พยายามตามหาและแจ้งความคนหายอย่างต่อเนื่อง และได้ประสานขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิกระจกเงา

ต่อมาในปี 2557 มีการพบโครงกระดูกนิรนามเพศหญิงในพื้นที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ห่างไกลจากพื้นที่ที่น้องเก๋หายตัวไปหลายร้อยกิโลเมตร มูลนิธิกระจกเงาได้ประสานให้เจ้าหน้าที่เก็บสารพันธุกรรมของแม่น้องเก๋ไปตรวจเทียบกับโครงกระดูกนิรนามหลายราย แต่ผลในครั้งแรกไม่ตรงกัน

กระทั่งเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ได้แจ้งผลการตรวจซ้ำว่า สารพันธุกรรมของมารดามีความสัมพันธ์กับโครงกระดูกนิรนามที่เคยส่งตรวจเมื่อปี 2557 ซึ่งยืนยันว่าโครงกระดูกดังกล่าวคือ น.ส.ภาวิณี กอไธสง ที่ถูกสันนิษฐานว่าถูกฆาตกรรม ทางมูลนิธิจึงได้พาครอบครัวไปรับโครงกระดูกและทำพิธีทางศาสนาที่ จ.บุรีรัมย์ เพื่อให้ดวงวิญญาณกลับสู่บ้านเกิดอย่างสงบ