’เสธ.ต้น‘ร้องกองปราบฯ สอบ'หมอยศนายพล'ปลอมเวชระเบียน รพ.ทหาร พบ'แท็กสติกเกอร์'ซ้ำหลายร้อยใบหวังฮุบมรดก
เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2568 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสองส่วนกลาง นายอรรณพ บุญสว่าง หรือทนายเป้ง พร้อม ว่าที่พันเอก กรศักร สุวรรณเตมีย์ หรือ เสธ.ต้น ประจำสำนักนโยบายและแผนกลาโหม (ญาติคุณย่าเล็ก ผู้เสียชีวิต) และ นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการด้านพุทธศาสนา เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ก.ก.1 บก.ป. เพื่อยื่นเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ แพทย์ทหารยศนายพล นายหนึ่ง เพื่อให้ตรวจสอบกรณีต้องสงสัยว่ามีการปลอมแปลงใบรับรองแพทย์ เวชระเบียน การรักษาของคนไข้ เพื่อนำไปใช้ในการทำพินัยกรรม และหนังสือมอบอำนาจ หวังฮุบมรดก
การเข้าแจ้งความคดีนี้สืบเนื่องจากการตรวจสอบเวชระเบียนการรักษาของคุณย่าผู้เสียชีวิต ขณะเป็นคนไข้ในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งพบว่ามีพิรุธที่น่าสงสัยว่ามีการจัดทำเอกสารเท็จ โดยพบหลักฐานว่ามีการใช้ "แท็กสติ๊กเกอร์" ที่ใช้ระบุวันที่รักษาและอายุคนไข้ซ้ำซ้อนกันเป็นจำนวนมาก โดยพบครั้งละ 300-400 ใบ ซึ่งแท็กเหล่านี้ถูกนำไปเขียนบันทึกการรักษาที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง และไม่สอดคล้องกับอาการของผู้ป่วยในขณะนั้น
ว่าที่พันเอก กรศักร หรือเสธ.ต้น ญาติผู้ร้องเชื่อว่า การกระทำดังกล่าวมีเจตนาเพื่อจัดทำเอกสารอันเป็นเท็จเกี่ยวกับสุขภาพของผู้ป่วย เพื่อนำไปใช้ประกอบการทำพินัยกรรม ให้แพทย์ทหารยศนายพลคนดังกล่าวได้รับประโยชน์ในส่วนของมรดกแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการทุจริต และอาจผิดกฎหมายหลายมาตรา
จึงเข้าร้อง พงส.กก.1 บก.ป.ร้องทุกข์ขอให้ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วันนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานมามอบเพิ่มเติม
ทั้งนี้เมื่อ 17 มิ.ย.2568 พ.อ.กรศักร หรือ เสธ.ต้น พร้อมด้วยทนายความ ได้เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อแพทยสภา เพื่อขอให้ตรวจสอบจริยธรรมและการปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์ 4 นาย จากโรงพยาบาลทหาร แห่งนี้แต่ยังไม่มีความคืบหน้า หลังเชื่อว่าพบพฤติกรรมเข้าข่ายปลอมแปลงเวชระเบียน และออกใบรับรองแพทย์อันเป็นเท็จ เพื่อสนับสนุนการทำพินัยกรรมที่เอื้อประโยชน์ให้แก่แพทย์ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติของผู้เสียชีวิต
พ.อ.กรศักร หรือ เสธ.ต้น เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของย่าตนเองเมื่อปี 2564 โดยย่าเล็ก ของตนวัย 92 ปี เข้ารับการรักษาโรคหลอดเลือดสมองตีบที่โรงพยาบาลทหารในปี 2562 แม้ว่าต่อมาย่าจะมีอาการดีขึ้น สามารถพูดคุยและเซ็นเอกสารได้ตามปกติ แต่แพทย์กลับมีการบันทึกในเวชระเบียนว่า "ผู้ป่วยไม่สามารถเขียนหนังสือได้" ซึ่งเป็นการบันทึกที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
นอกจากนี้ ยังพบความผิดปกติในใบรับรองแพทย์ 2 ฉบับ ที่ใช้เป็นหลักฐานประกอบพินัยกรรม โดยใบรับรองแพทย์ทั้งสองฉบับมีข้อมูลผู้ป่วยตรงกันทุกอย่าง รวมถึงระบุอายุ 92 ปี 4 เดือน 17 วัน แต่กลับลงวันที่ต่างกัน คือ วันที่ 24 ธ.ค. 2562 และวันที่ 15 ม.ค. 2563 ซึ่งใบรับรองแพทย์ดังกล่าวถูกนำมาใช้อ้างว่า ผู้ป่วยไม่มีสติสัมปชัญญะและต้องพิมพ์ลายนิ้วมือแทนการลงชื่อในพินัยกรรม
พ.อ.กรศักร หรือเสธ.ต้น ตั้งข้อสังเกตว่า การกระทำทั้งหมดอาจมีเจตนาเอื้อประโยชน์ให้แพทย์ที่มีศักดิ์เป็นอาของตน ซึ่งมียศนายพล และเป็นผู้รับมรดกแต่เพียงคนเดียว โดยแพทย์คนดังกล่าวเป็นผู้ดูแลย่าในช่วงพักฟื้นที่บ้านจนกระทั่งเสียชีวิต ทั้งยังไม่อนุญาตให้ครอบครัวเข้าเยี่ยม
และที่สำคัญยังพบว่า มีการเร่งจัดพิธีศพภายในวันเดียว โดยไม่มีการแจ้งข่าวหรือดำเนินพิธีตามสิทธิของข้าราชการเกษียณ ซึ่งคุณย่ามีสิทธิขอพระราชทานน้ำอาบศพ และขอพระราชทานเพลิง แต่ญาติที่ดำเนินการเร่งนำศพคุณย่าออกจากสถาบันนิติเวชฯ รพ.ตร.โดยไม่ยินยอมให้ผ่าชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตก่อน ไปดำเนินการเผาศพหลังตั้งสวดอภิธรรมเพียงคืนเดียว
"ตนอยากให้ตรวจสอบว่า มีการแก้ไขเวชระเบียนย้อนหลังหรือไม่ และกระบวนการรักษาถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่ เพราะหากมีความผิดปกติ ย่อมเชื่อมโยงถึงสาเหตุการเสียชีวิตของคุณย่า ที่จนถึงวันนี้ครอบครัวยังมีข้อกังขา" พ.อ.กรศักร หรือ เสธ.ต้น กล่าว
สำหรับประเด็นเกี่ยวข้องกับมรดกของคุณย่านั้น ว่าที่พันเอก กรศักร หรือ เสธ.ต้น กล่าวว่า ทรัพย์สิน เครื่องประดับ คาดว่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ไม่มีชื่อครอบครองอสังหาริมทรัพย์อื่น ผู้รับมรดกเป็นทหารระดับนายพล ที่ รพ.ทหารแห่งหนึ่ง เป็นไปตามที่พินัยกรรมระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี