ปภ.เผย 18 จังหวัด ยังจมบาดาล ดับแล้ว 19 ศพ ส่วนชาวกรุงเก่าใน อ.บางบาล ยังระทม น้ำท่วมเต็มพื้นที่ ขณะที่ จ.พิจิตร พนังกั้นน้ำเกิดแตกเพิ่ม บิ๊กแบ็กเอาไม่อยู่ น้ำทะลักขยายวงท่วมกว่า 300 หลัง
เมื่อวันที่ 9ตุลาคม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ติดตามสถานการณ์อุทกภัยและความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือประชาชน พบว่ายังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 18 จังหวัด ได้แก่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม ชัยภูมิ อุบลราชธานี อุดรธานีและฉะเชิงเทรารวม 84 อำเภอ 536 ตำบล 3,010 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 118,371 ครัวเรือน 393,434 คน และมีผู้เสียชีวิต 19 ราย (พิษณุโลก 1 ราย อุตรดิตถ์ 8 ราย เพชรบูรณ์ 1 ราย พิจิตร 1 ราย และพระนครศรีอยุธยา 8 ราย)
ทั้งนี้ ปภ.ได้บูรณาการความร่วมมือกับจังหวัดที่ประสบภัยอุทกภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตเข้าปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับจ.พิจิตร เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้เกิดสถานการณ์พนังกั้นน้ำบริเวณหมู่ 6 ต.ไผ่หลวง อ.ตะพานหิน แตกเป็นระยะทางประมาณ 15 เมตร ทำให้มวลน้ำจากแม่น้ำน่านไหลเข้าท่วมพื้นที่หมู่ 6 หมู่ 2 และหมู่ 3 บ้านเรือนประชาชนและพืชทางการเกษตรได้รับผละกระทบเป็นบริเวณกว้าง ประกอบกับจังหวัดพิจิตรมีสถานการณ์น้ำท่วมเกิดขึ้นหลายพื้นที่ใน อ.ตะพานหิน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนประมาณ 195 ครัวเรือน 450 คน ซึ่ง ปภ.สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าให้การช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอุทกภัยใน อ.ตะพานหิน เพิ่มเติม โดยนำรถบรรเทาอุทกภัย 2 คัน และวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร ไปเสริมประสิทธิภาพการเร่งระบายน้ำเขตเทศบาลเมืองตะพานหิน ส่วน จ.อุบลราชธานี ทาง ปภ.ได้สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัย วัสดุอุปกรณ์ และเจ้าหน้าที่ทีมปฏิบัติการ ปภ.เพิ่มเติม จากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 13 อุบลราชธานี เพื่อผลิตน้ำดื่มสะอาดแจกจ่ายพี่น้องประชาชนใน อ.วารินชำราบ โดยนำรถผลิตน้ำดื่ม 2 คัน ขวดพลาสติกบรรจุน้ำดื่มขนาด 500 มิลลิลิตร 5,000 ขวด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านการอุปโภคบริโภค
ทั้งนี้ ในระยะนี้ยังคงเป็นช่วงที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่เสี่ยงและฟื้นฟูในพื้นที่ซึ่งสถานการณ์คลี่คลาย จึงขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศ ข่าวสารการแจ้งเตือนภัยจากหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด หากมีประกาศหรือคำเตือนขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรในพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟูเส้นทางคมนาคมหรือสัญจรผ่านถนนที่มีน้ำท่วมขัง
วันเดียวกัน ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา สถานการณ์น้ำท่วมยังทรงตัว โดยเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปรับลดการระบายน้ำลงสู่พื้นที่ท้ายเขื่อนจากอัตรา 2,400 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที เป็นอัตรา 2,300 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้มวลน้ำที่ไหลผ่านแม่น้ำน้อย คลองสาขาต่างๆที่รับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา เริ่มลดระดับลงโดยที่ อ.บางบาล ชุมชนทั้ง 2 ฝั่งที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยายังได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่ง ท่วมในชุมชน 16 ตำบล 101 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 6,386 หลังคาเรือน หลายครอบครัวต้องใช้ชีวิตอยู่กับน้ำ ทั้งกิน นอน และทำอาหารบนบ้านที่หนุนพื้นสูง บางบ้านมีผู้สูงอายุที่พักอาศัยอยู่ในบ้านเพียงลำพัง ต้องใช้เบี้ยคนชราเพื่อประทังชีวิต
ด้านชุมชนหลังวัดจุฬามณี หมู่ 7 ต.บ้านกุ่ม อ.บางบาล ซึ่งอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่าได้ถูกน้ำท่วมทั้งหมู่บ้าน ระดับน้ำสูง 2-3 เมตร สภาพบ้านเรือนถูกท่วมถึงพื้นชั้นที่ 2 และถูกน้ำท่วมครึ่งหลังอีกหลายหลังคาเรือนจนอาศัยอยู่ภายในบ้านไม่ได้ ต้องย้ายออกไปอยู่กับญาติ ขณะที่ถนนทางเข้าชุมชนถูกน้ำท่วม ต้องใช้เรือในการสัญจรเข้าออกชุมชน รถยนต์จักรยานยนต์ต้องนำไปจอดเอาไว้บนถนนที่น้ำไม่ท่วม
อีกด้านหนึ่งผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์คันกั้นน้ำที่ปูผิวด้วยคอนกรีตเชื่อมต่อระหว่างบ้านคลองข่อย หมู่ 6 กับบ้านไผ่หลวง หมู่ 8 ต.ไผ่หลวง อ.ตะพานหิน ถูกน้ำกัดเซาะจนแตกเป็นทางยาวกว่า 10 เมตร ว่าตลอดคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ ปภ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งปิดกั้นจุดที่คันกันน้ำขาดแต่เนื่องจากปริมาณน้ำน่าน ไหลเชี่ยวกราก ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นและกัดเซาะจนคันกั้นพังทลายเพิ่มอีกเป็นกว่า 30 เมตร จึงมีการนำรถแบ็คโฮ 3 คัน เร่งยกท่อซีเมนต์ ขนาดกว้าง 2 เมตร น้ำหนักเกือบ 300 กิโลกรัม ไปวางเพื่อลดความแรงของกระแสน้ำ และใช้บิ๊กแบ็กวางทับ แต่เพราะน้ำไหลแรงทำให้บิ๊กแบ็ก ถูกซัดไปกับน้ำ
น.ส.สุกัญญา ต้นทุน ป้องกันภัยจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ได้ปรับแผนการทำงานใช้เสาไฟฟ้าลงไปขวางทางน้ำแทน แต่สถานการณ์ก็ยังน่าเป็นห่วงอยู่ ถ้าสามารถปิดกั้นน้ำได้เร็วชาวบ้านก็จะเดือดร้อนน้อยลงซึ่งขณะนี้มวลน้ำได้ทะลักท่วมพื้นที่หลายตำบล กว่า 300 หลังคาเรือน และยังขยายวงไปถึงบ้านวังน้ำเต้า หมู่ 10 ต.บางไผ่ อ.บางมูลนาก และข้ามถนนสายตะพานหิน-บางมูลนาก มีชาวบ้านกว่า 300-400 ครัวเรือน เริ่มได้รับผลกระทบ มีการอพยพชาวบ้านไปยังพื้นที่ปลอดภัยและมีผู้ป่วยติดเตียงจำนวนมากที่กู้ภัยได้ย้ายไปรักษาตัวที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว
ขณะเดียวกัน แม่น้ำน่านที่ล้นคันกระสอบทราย ในเขตเทศบาลเมืองตะพานหิน ได้ทะลักท่วมเขตเศรษฐกิจ เพิ่มสูงขึ้น ทางกู้ภัยต้องเร่งขนย้ายกลุ่มเปราะบางออกมา สำหรับความเสียหายที่เกิดกับตลาด ร้านค้า บริษัท ห้างร้านต่างๆ ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก แม้จะมีการเร่งระบายน้ำ ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมภายในโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชตะพานหิน ระดับน้ำเริ่มลดลงจากการเร่งสูบน้ำออก แต่ยังมีการปิดช่องทางจราจรฝั่งโรงพยาบาล ให้รถวิ่งสวนทางกันในช่องทางจราจรที่เหลือ และรองรับการรับส่งผู้ป่วยที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลแต่ยังงดการส่งตัวมารักษาต่อ โดยให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลพิจิตร ชั่วคราว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี