รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. พร้อมด้วย ดร.หาญณรงค์ ฉ่ำทรัพย์ ดร.กนกพร บุญศิริชัย ดร.พรสรรค์ โรจนพานิช รองผู้อำนวยการ สทน. เข้าพบ นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เพื่อรายงานภารกิจการดำเนินงานของ สทน. ตลอดจนทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรม เกษตร และสาธารณสุขของประเทศ
รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผอ.สทน. กล่าวว่า ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ได้เน้นย้ำให้ สทน. เร่งรัดการดำเนินงาน “โครงการศูนย์ฉายรังสีภูมิภาค” เพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศด้านการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีรังสีในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะการยืดอายุและเพิ่มคุณภาพผลผลิตทางการเกษตร การสร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัยของสินค้าอาหาร รวมทั้งการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมและการแพทย์ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการกระจายโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำของภูมิภาค โครงการดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในภารกิจเชิงยุทธศาสตร์ของ สทน. ที่จะช่วยยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศ และตอบโจทย์การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economy) ตามนโยบายรัฐบาล ในอนาคต สทน. มีเป้าหมายดำเนินจัดตั้งการศูนย์ฉายรังสีภูมิภาค ให้ครบทั้ง 4 ภาค คือ โครงการศูนย์ฉายรังสีภูมิภาค ประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา โครงการศูนย์ฉายรังสีภูมิภาค ประจำภาคภาคตะวันออก จังหวัดระยอง โครงการศูนย์ฉายรังสีภูมิภาค ประจำภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ และโครงการศูนย์ฉายรังสีภูมิภาค ประจำภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช
สำหรับผลการดำเนินงานในรอบปี 2568 สทน. ให้ความสำคัญสูงสุดในการใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะการผลิตและให้บริการ "สารเภสัชรังสี" (Radiopharmaceuticals) เพื่อการตรวจวินิจฉัยและรักษา ในปี 2568 สทน. ได้ส่งมอบสารเภสัชรังสีไปยังหน่วยเวชศาสตร์นิวเคลียร์กว่า 30 แห่งทั่วประเทศ มีจำนวนผู้ที่เข้าถึงการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็ง ไทรอยด์ และมะเร็งกระดูก ทั่วประเทศแล้วถึง 27,360 ราย ความสำเร็จจากการผลิตเองในประเทศ ช่วยลดความสูญเสียและลดมูลค่าการนำเข้าสารเภสัชรังสีจากต่างประเทศได้กว่า 405.58 ล้านบาท โดยเฉพาะการลดการนำเข้าเภสัชรังสีได้ 65 ล้านบาทต่อปี และลดความสูญเสียจากการหยุดงานได้ 350 ล้านบาทต่อปี
สำหรับด้านการเกษตรและอาหาร ได้นำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปใช้เพื่อสร้างมูลค่าและเพิ่มความมั่งคั่งให้เกษตรกร ด้วยการยกระดับภาคเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารเพื่อการส่งออก เช่น การบริการด้านอาหาร/การเกษตร (การฉายรังสี) ช่วยลดความสูญเสียและลดมูลค่าการนำเข้าได้กว่า 667.56 ล้านบาท การถ่ายทอดเทคโนโลยีการฉายรังสีเพื่อ ฆ่าเชื้อและยืดอายุอาหารพื้นถิ่น ผ่านโครงการการพัฒนาอาหารพื้นถิ่นด้วยการฉายรังสี ทำให้เกิดการยกระดับคุณภาพอาหารพื้นถิ่นให้แก่ผู้ประกอบการแล้ว 61 ผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังได้เดินหน้าโครงการลดจำนวนแมลงวันผลไม้ด้วยเทคนิคการใช้แมลงวันเป็นหมัน (Sterile Insect Technique - SIT) เพื่อสนับสนุนและปกป้องไม้ผลเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ ยังมีความสำเร็จในการพัฒนาพอลิเมอร์ดูดซับน้ำสูง (Hydrogel) เพื่อประยุกต์ใช้ในการเกษตรให้พืชทนแล้ง
ด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีอนาคต ให้บริการด้านเทคนิคนิวเคลียร์เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยมีผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมและความปลอดภัยทางรังสีและนิวเคลียร์เข้ารับบริการแล้ว 5,940 ราย เช่น การตรวจสอบโดยไม่ทำลายเพื่อค้นหารอยร้าว หรือตรวจสอบความสมบูรณ์ของการเชื่อมโลหะ
และสุดยอดผลงานวิจัยเพื่ออนาคต สทน. ได้เริ่มงานวิจัยขั้นแนวหน้าด้านวิศวกรรม โทคาแมค (Tokamak) หรือ “ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์” เครื่องแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการวิจัยด้านพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชัน เพื่อเป็นทางเลือกด้านพลังงานในอนาคตของประเทศ ด้านการพัฒนาบุคลากรและสร้างการรับรู้ ในปี 2568 สทน. ได้พัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปแล้ว 30,818 ราย และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของเทคโนโลยีนิวเคลียร์สู่ประชาชนกว่า 2.1 ล้านคน เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้และนวัตกรรมของ สทน. มากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี