กรมอุตุฯเผยภาคกลาง-ใต้-ตะวันออก รวมทั้งกทม.มีฝนตกหนัก ด้านปภ.เผยน้ำท่วม 17 จังหวัด กระทบกว่า 3.4 แสนคน ดับแล้ว 11 ศพ ส่วน จ.พิจิตร น้ำยมท่วมสูง 2 เมตร นาน 2 เดือน ขณะที่กรุงเก่า ระดับน้ำเริ่มลด แต่ชาวบ้านโอดการช่วยเหลือจากภาครัฐยังไม่ทั่วถึง รอเงินเยียวยา 9,000 บาทจากรัฐบาล
เมื่อวันที่ 12ตุลาคม กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานลักษณะอากาศทั่วไป ว่าภาคกลางตอนล่าง รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางพื้นที่ เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ตอนล่าง และอ่าวไทย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก
สำหรับบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ตาก กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ขึ้นมา ลมแปรปรวน ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ตั้งแต่ จ.ชุมพรลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจ.ตรัง และสตูล ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์อุทกภัยว่า ขณะนี้ยังมีสถานการณ์อุทกภัยใน17 จังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งระดับน้ำพื้นที่เหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนมีแนวโน้มทรงตัว ยังต้องเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ตามข้อสั่งการของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงท้ายเขื่อนเจ้าพระยา
สำหรับพื้นที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัย17จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม ชัยภูมิ อุบลราชธานี อุดรธานี และฉะเชิงเทรา รวมพื้นที่ 75 อำเภอ 466 ตำบล 2,576 หมู่บ้าน มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 103,226 ครัวเรือน 340,035 คน และมีผู้เสียชีวิต 11 ราย
ที่ จ.พิจิตร ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสถานการณ์น้ำท่วมยังวิกฤต เนื่องจากเป็นพื้นที่รองรับมวลน้ำจากภาคเหนือตอนบน ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ที่ จ.นครสวรรค์ โดยนอกจากลุ่มแม่น้ำน่าน ที่ท่วมหนักแล้ว ที่ลุ่มแม่น้ำยมก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยพื้นที่ 5 อำเภอ อยู่ในระดับวิกฤต หรือระดับสีแดง เพราะมวลน้ำจากแม่น้ำยม จ.สุโขทัย และทุ่งบางระกำโมเดล จ.พิษณุโลก ยังไหลบ่ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีมวลน้ำสะสมที่ท่วมขังอยู่เดิมค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ มวลน้ำยมปีนี้ไม่สามารถระบายลงสู่แม่น้ำน่าน ตามโครงการน่าน-ยม ที่คลอง DR2.8 ได้ เนื่องจากแม่น้ำน่าน ระดับน้ำสูงอยู่ ส่งผลกระทบให้แม่น้ำยม ไหลจากพื้นที่ตอนบนโดยตรงเข้าพื้นที่ อ.สามง่าม วชิรบารมี โพธิ์ประทับช้าง บึงนาราง และโพทะเล มีมวลน้ำท่วมขังเต็มพื้นที่ บ้านเรือนประชาชน เส้นทางคมนาคมต่างๆ ถูกน้ำท่วมสูงเฉลี่ย 1-2 เมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือเป็นพาหะนพเข้าออกหมู่บ้าน โดยที่สถานีวัดน้ำ Y-52 บ้านวังจิก อ.โพธิ์ประทับช้าง วัดระดับน้ำได้ 07.66 เมตร ระดับตลิ่ง 06.31 เมตร ระดับน้ำทรงตัวในช่วง 1-2 วันนี้ แต่ยังสูงกว่าตลิ่ง 01.35 เมตร
สำหรับพื้นที่ 5 อำเภอดังกล่าวได้รับผลกระทบจากแม่น้ำยมล้นตลิ่ง ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลานานกว่า 2 เดือน โดยเฉพาะชาวบ้าน ต.รังนก อ.สามง่าม ถูกน้ำท่วมเกือบทั้งหมด
นางกำไล แท่งทอง ชาวบ้านพื้นที่บ้านจระเข้ผอม ต.รังนก อ.สามง่าม กล่าวว่า น้ำท่วมเกือบทั่วทั้งหมดโดยท่วมยาวนานตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมกว่า 2 เดือนแล้วขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก การสัญจรไปมายากลำบากต้องใช้เรือ เป็นพาหนะ ส่วนการช่วยเหลือของภาครัฐ ได้รับการช่วยเหลือแค่ 2 ครั้ง และยังไม่ทั่วถึงทุกครัวเรือน บางบ้านยังไม่ได้รับถุงยังชีพ ขณะที่ผู้นำท้องถิ่นจะใช้วิธีจับสลากเพราะถุงยังชีพไม่เพียงพอ และขณะนี้ยังรอเงินเยียวยาจากรัฐบาล ครัวเรือนละ 9,000 บาท ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้รับเมื่อไหร่
ส่วนที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า จากการที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท คงการระบายน้ำในอัตรา 2,300 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที เป็นวันที่3 ส่งผลให้มวลน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่าน จ.พระนครศรีอยุธยา แม่น้ำน้อย คลองสาขาต่างๆ หลายพื้นที่ระดับน้ำเริ่มลดระดับลงต่อเนื่อง เฉลี่ยประมาณ 1-5 เซนติเมตร
ทั้งนี้ จ.พระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม 12 อำเภอ 147 ตำบล 889 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 49,239 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตแล้ว 8 ราย พบว่าหลายชุมชนที่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และคลองสาขาที่อยู่นอกแนวคันกันน้ำระดับน้ำยังคงท่วมสูงถึงแม้ระดับน้ำจะเริ่มลดลงบ้าง ขณะที่ชุมชนหมู่ 5 ต.ลาดชิด อ.ผักไห่ ซึ่งอยู่ติดกับคลองลาดชิด รับมวลน้ำจากแม่น้ำน้อย ระดับน้ำล้นตลิ่งท่วมชุมชน 2 ฝั่งถนนในชุมชนบ้านเรือนประชาชน นานกว่า 2 เดือนแล้ว ระดับน้ำทรงตัว โดยต้องใช้เรือในการสัญจรเข้าออกชุมชน
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านให้ข้อมูลว่าสำหรับชุมชนใน อ.ผักไห่ ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทุกปี หากน้ำท่วมมากและลดลงช้าโดยใช้เวลานานถึง 3-4 เดือน ก็จะได้รับผลกระทบมากขึ้น จากการตรวจสอบพบว่าประตูระบายน้ำต่างๆ เช่นประตูระบายน้ำผักไห่-เจ้าเจ็ด ระบายน้ำลงคลองเจ้าเจ็ดบางยี่หน ผันน้ำบางส่วนเข้าทุ่งเจ้าเจ็ด-บางซ้าย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน สำหรับ อ.ผักไห่ เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำที่ถูกน้ำท่วมเป็นพื้นที่แรกๆ โดยน้ำท่วมแล้ว 16 ตำบล 128 หมู่บ้าน มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน 6,866 ครัวเรือน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี