สภากทม. ตั้งคกก.วิสามัญฯร่างข้อบัญญัติควบคุมเครื่องจำหน่ายน้ำดื่มอัตโนมัติ

เมื่อวันที่ 15 ต.ค.68 ในการประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สี่ (ครั้งที่ 3) ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยมีนายวิพุธ ศรีวะอุไร ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกทม.2 ดินแดง

นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ส.ก.เขตลาดกระบัง ได้เสนอร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมกิจการผลิตน้ำดื่มจากเครื่องจำหน่ายน้ำดื่มอัตโนมัติ พ.ศ. .... โดยให้เหตุผลว่า ด้วยปัจจุบันน้ำบริโภคจากตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในกรุงเทพมหานคร ประกอบกับกิจการตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญเป็นกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. 2561 ที่ต้องขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น และเจ้าพนักงานท้องถิ่นจะต้องควบคุมดูแลการประกอบกิจการดังกล่าว มิให้มีของเสียหรือวัตถุหรือสิ่งที่เป็นอันตรายเจือปนอยู่ในผลิตภัณฑ์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคและหากไม่มีการควบคุมดูแลในด้านสุขลักษณะที่ดีอาจเป็นแหล่งแพร่กระจายโรคได้ แต่กรุงเทพมหานครยังไม่มีข้อบัญญัติฉบับนี้ ที่เป็นฉบับกำหนดมาตรฐานด้านสุขลักษณะการประกอบกิจการตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ

“จากที่ตนได้มีการหารือกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้สังเกตเห็นตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญในปัจจุบันตั้งอยู่หลายแห่ง มีทั้งที่ตัวตู้ตั้งกลางแจ้ง บางตู้ตั้งในบริเวณเลี้ยงสัตว์ และ กทม. ยังไม่มีข้อบัญญัติหรือข้อกฎหมายท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับด้านสุขลักษณะในการดำเนินการส่วนนี้ สำคัญที่สุดคือสุขภาพของผู้บริโภค เพราะตู้น้ำดื่มบางแห่งไม่มีการดูแลรักษา ไม่มีการเปลี่ยนไส้กรองตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ ต่อให้ กทม. สร้างโรงพยาบาลหรือศูนย์สาธารณสุขมากขนาดไหนก็ไม่เพียงพอเพราะน้ำเป็นปัจจัยหลักในการใช้ชีวิต” ส.ก.สุรจิตต์ กล่าว

 ดร.เมธาวี ธารดำรงค์ ส.ก. เขตปทุมวัน ได้อภิปรายสนับสนุนญัตติว่า เมื่อครั้งที่ตนได้เสนอญัตติเรื่องตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญในพื้นที่ ฝ่ายบริหารให้เขตสำรวจตู้น้ำดื่มในพื้นที่มากขึ้นแต่ยังไม่เข้มข้นเท่าที่ควร และตนได้ตั้งข้อสังเกตว่าเครื่องที่ชำรุดแล้วนั้นควรมีการนำออกไป แต่ทางเขตไม่สามารถหาเจ้าของได้ ซึ่งตนมองว่าการที่จะติดตั้งเครื่องจ่ายน้ำดื่มต้องขออนุญาตจากเขตก่อน หรือหากลักลอบติดตั้งผู้ที่ให้เช่าพื้นที่ต่อท่อน้ำจะต้องรู้เจ้าของเครื่องแน่นอน ซึ่งปัญหาเหล่านี้มีมานานหลายปีหากมีร่างข้อบัญญัติฉบับนี้จะดีกว่าแบบที่เคยเป็นมา

ด้านนายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก. เขตจอมทอง ได้อภิปรายเสริมว่า ในพื้นที่ กทม. มีตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญเป็นจำนวนมาก โดยตู้นั้นไม่สามารถทราบได้ว่ามีคุณภาพสามารถบริโภคได้จริง สิ่งสำคัญที่สุดคือสำนักงานเขตหรือสำนักอนามัยได้ลงพื้นที่สำรวจหรือไม่ว่าในพื้นที่ กทม.มีตู้น้ำกี่เครื่อง ได้คุณภาพจำนวนเท่าไหร่และมีมาตรการควบคุมอย่างไร เพราะหากผู้บริโภคดื่มน้ำเข้าไปโดยเฉพาะเด็กเล็กจะยิ่งมีผลกระทบกับร่างกาย โดยหากมีการตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ เพื่อพิจารณาร่างข้อบัญญัตินี้ ตนขอให้เพิ่มมาตราการลงโทษผู้กระทำผิดสูงสุด

นายกิตติพงศ์ รวยฟูพันธ์ ส.ก.เขตทุ่งครุ อภิปรายว่า การมีตู้น้ำดื่มที่ได้มาตรฐานจะทำให้ประชาชนมั่นใจในการบริโภคน้ำได้และเป็นการลดขยะอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ประชาชนที่มาออกกำลังกายที่สวนสาธารณะไม่มั่นใจว่าตู้น้ำดื่มสามารถบริโภคได้ทำให้ต้องพกน้ำมาเอง ซึ่งเป็นการทำให้ขยะเพิ่มมากขึ้น ส่วนในสนามกีฬาบางมดพบว่าสเตชันน้ำดื่มชำรุดแล้วแต่ยังอยู่ในพื้นที่เพราะไม่สามารถหาผู้รับผิดชอบได้ว่าเป็นของ กทม.หรือการประปานครหลวง รวมถึงตู้อื่น ๆ ที่หมดสภาพขอให้ กทม.ทำการรื้อถอนออกเพื่อให้เมืองสะอาดมากขึ้น

รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชี้แจงว่า จากการที่ ดร.เมธาวี ส.ก.เขตปทุมวัน ได้มีการเสนอญัตติเรื่องตู้น้ำหยอดเหรียญ ฝ่ายบริหารได้มีการสำรวจทุกเขตพบว่าในเขตลาดกระบังมีตู้น้ำหยอดเหรียญมากที่สุด และบางตู้ไม่มีใบอนุญาตซึ่งได้สั่งการให้หยุดการให้บริการเพื่อมาขอใบอนุญาตก่อน โดยปัจจุบัน กทม. มีการใช้ พ.ร.บ.สาธารณสุขบังคับใช้ และกระทรวงสาธารณสุขกำลังทำประกาศกระทรวง เรื่อง มาตราควบคุมการประกอบกิจการน้ำดื่ม คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 เดือน ซึ่งคาดว่าจะมาพร้อมกับข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครที่มีความเข้มข้นและรัดกุมกว่า

จากนั้นสภากทม. มีมติรับหลักการร่างข้อบัญญัติ และตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การควบคุมกิจการผลิตน้ำดื่มจากเครื่องจำหน่ายน้ำดื่มอัตโนมัติ พ.ศ. .... จำนวน 11 คน กำหนดพิจารณาแปรญัตติภายใน 3 วันทำการ และกำหนดพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 14 วัน

-037-