เตือนพายุ‘เฟิงเฉิน’

อีสาน-ใต้ฝนหนัก

ช่วง21-23ตุลาคม

ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กรมอุตุฯ ประกาศเตือน พายุ “เฟิงเฉิน” ส่งผลให้ไทยมีฝนตกหนัก “อีสาน-ภาคใต้” ระวังอันตรายน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 น.ส.สุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศฉบับที่ 3 เรื่อง พายุ “เฟิงเฉิน” ระบุว่า พายุโซนร้อน “เฟิงเฉิน” ปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 83 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นอีกและจะเคลื่อนเข้าใกล้ตอนใต้ของเกาะไหหลำ ประเทศจีน และชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ช่วงวันที่ 21-23 ตุลาคมนี้ จากนั้นจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วตามลำดับ เนื่องจากมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนและทะเลจีนใต้ตอนบน ช่วงวันดังกล่าว โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย

จากอิทธิพลของพายุ “เฟิงเฉิน” ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 23–24 ตุลาคม 2568 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง สำหรับภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง เนื่องจากจะมีร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง

ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันจะมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ขณะที่พยากรณ์สำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ตาก กำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร ส่วน กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำหลังจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปรับเพิ่มระบายน้ำในอัตรา 2,500 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำใน แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย คลองสาขาต่างๆ มีปริมาณเพิ่มสูง ส่งผลกระทบให้กับชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมซ้ำอีกครั้ง ระดับน้ำที่ขึ้นแล้วลงมาแล้วเป็นครั้งที่ 4 โดยที่ชุมชน ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่าระดับน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมในชุมชนเป็นเวลากว่า 2 เดือน ถนนทางเข้าชุมชนน้ำท่วมสูง ชาวบ้านต้องใช้เรือในการสัญจรเข้าออกไปชุมชนเพื่อทำงาน ไปประกอบอาชีพ รวมถึงออกไปซื้อหาอาหาร

นายบุญนำ ขันศักดิ์ อายุ 49 ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.บ้านป้อม กล่าวว่า พื้นที่ทั้ง 11 ตำบล ถูกน้ำท่วมแล้วทั้งหมด ส่วนใหญ่ท่วมบ้านเรือนที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนหน้านี้ชาวบ้านดีใจที่น้ำลดลงได้ 2-3 วัน แต่พอน้ำกลับมาท่วมสูงอีก ทำให้ใช้ชีวิตยากลำบาก ช่วงนี้ต้องเร่งดูแลบุตรหลานที่ใกล้จะเปิดภาคเรียนแล้ว บางจุดที่น้ำนิ่งก็ต้องระวังสัตว์อันตราย เช่น ปลิง โดยเฉพาะชาวบ้านที่ต้องเดินลุยน้ำ

สำหรับ จ.พระนครศรีอยุธยา มีพื้นที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม 12 อำเภอ 153 ตำบล 933 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 52,508 ครัวเรือน เฉพาะพื้นที่ อ.พระนครศรีอยุธยา กระทบ 20 ตำบล 133 หมู่บ้าน กว่า 8,199 ครัวเรือน นอกจากนี้มีรายงานข่าวว่า ช่วงค่ำวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา นางบำรุง พานทอง อายุ 87 ปี ได้พลัดตกเรือบริเวณหน้าบ้านในพื้นที่หมู่ 1 ต.บ้านใหม่ อ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีน้ำท่วมสูงประมาณ 2 เมตร เพื่อนบ้านเห็นเหตุการณ์พยายามจะเข้าไปช่วยเหลือแต่ไม่ทัน ซึ่งนับเป็นผู้เสียชีวิตราย 10 แล้ว จากสถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา