ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงเรียนบ้านทุ่งส้มป่อย ต.ละมอ อ.นาโยง จ.ตรัง นางสาววาสนา ศรีเปาระยะ ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9  มาปรับใช้ในโรงเรียนด้วยการส่งเสริมอาชีพปลูกผัก เลี้ยงปลา ทำนา เลี้ยงหมู นอกจากจะใช้เป็นอาหารกลางวันแล้ว ยังต่อยอดสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับนักเรียนในอนาคตด้วย

สำหรับการเลี้ยงสุกรหรือหมูขี้พร้า ซึ่งเป็นหมูพันธุ์พื้นเมือง มีลำตัวยาวเหมือนฟักเขียวหรือภาษาใต้เรียก “ลูกขี้พร้า” มีขนาดเล็กกว่าหมูทั่วไป เลี้ยงง่าย ทนทานต่อโรค ใช้เวลาเลี้ยง 4-5 เดือนก็จับขายได้  ซึ่งก่อนปิดเทอมในสัปดาห์นี้  ผู้อำนวยการโรงเรียนฯ จึงผุดไอเดียนำผู้ประกอบการหมูย่างจาก ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง มาสอนวิธีการทำหมูย่างเมืองตรังให้กับนักเรียนระดับประถมศึกษาตั้งแต่ชั้น ป.3-ป.6 จำนวน 50 คน โดยเลือกหมูขี้พร้าที่มีน้ำหนัก 28 กิโลกรัมจำนวน 1 ตัว มาชำแหละและย่างแล้วจะได้น้ำหนักไม่เกิน 18 กิโลกรัม ซึ่งข้อดีของหมูขี้พร้าคือ เนื้อแดงเยอะ มันน้อย เนื้อแน่น แต่ใช้เวลาเลี้ยงนานกว่าหมูทั่วไป โดยมีนักการภารโรงและผู้ปกครองของเด็ก มาช่วยสอนตั้งแต่ขั้นตอนการจับหมู แทงคอ แล่เนื้อ หมักด้วยเครื่องเทศสมุนไพร เช่น พริกไทย น้ำผึ้ง กระเทียม ขมิ้น รากผักชี น้ำตาลอ้อย เกลือและผงหมักหมูย่าง โดยใช้เวลาหมักนาน 5 ชั่วโมง ก่อนนำมาย่างแบบโบราณอีก 2 ชั่วโมง เพราะไม่มีเตาอบแบบมืออาชีพ ซึ่งเด็กๆ แบ่งหน้าที่กัน ก่อไฟ หมักหมู ย่างหมู จนได้มาเป็นหมูย่าง เอกลักษณ์ของเมืองตรัง ที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว  ทำเด็ก ๆ รอชิมหมูย่างฝีมือตัวเองกันอย่างตื่นเต้น สนุกสนาน พร้อม ๆ กับคุณครูที่รอชิมฝีมือนักเรียนหั่นเนื้อหมูถึงหน้าเขียง

สำหรับการเลี้ยงหมูขี้พร้า เกิดจากแนวคิดของนักเรียนชั้น ป.5 เมื่อปีที่แล้ว ที่เสนอให้มีการเลี้ยงหมูในโรงเรียนเพื่อใช้เป็นอาหารกลางวันและต่อยอดอาชีพในอนาคต เมื่อทุกคนเห็นด้วย ทางโรงเรียนจึงหาผู้ใหญ่ใจดีได้เงินมา 2,500 บาท ไปซื้อลูกหมูมา 4 ตัว ตายไป 2 ตัว แต่ตอนนี้มีหมูขี้พร้าทั้งหมด 7 ตัว โดยมีนักเรียนชั้น ป.4-ป.6 ผลัดกันนำเศษข้าวจากอาหารกลางวัน พืชผัก รำข้าว หยวกกล้วย และเศษอาหารจากบ้านมาเลี้ยงหมู ซึ่งเป็นไปตามหลักการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เพื่อความอยู่รอดและประสบความสำเร็จ อีกทั้งเป็นแนวทางส่งเสริมอาชีพการย่างหมูย่างเมืองตรังให้กับนักเรียนได้สานต่อ สร้างงาน สร้างรายได้ต่อไปในอนาคต