วันเสาร์ ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568
นายกฯยันจุดยืน
เขมรรับ4ข้อตกลงGBC
ถึงเวลาสมควรลงนาม
นายกฯ ย้ำผลสำเร็จ GBC เขมรยอมรับและพร้อมนำ 4 เงื่อนไข “ถอนอาวุธหนัก-กู้ทุ่นระเบิด-ปราบสแกมเมอร์-จัดระเบียบชายแดน”ไปปฏิบัติ ก็ถึงเวลาเหมาะสมนำไปสู่การลงนามในถ้อยแถลง ที่ทำต่อหน้าผู้นำ ปท.ซึ่งมาเป็นสักขีพยาน ไม่ได้มาคุยกันแค่สองคน ยันคนไปเจรจายึดประโยชน์ปท.-อธิปไตย-เกียรติภูมิเป็นเป้าหมายสูงสุด
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงการลงนามข้อตกลงในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่กัมพูชายอมรับเงื่อนไข 4 ข้อว่า เราให้กระบวนการดำเนินการไปทีละขั้นตอน หวังว่าในการประชุมผู้นำอาเซียน ที่ประเทศมาเลเซียจะมีการกำหนดให้ลงนามใน ถ้อยแถลง ซึ่งจะนำไปสู่การปฏิบัติใน 4 เรื่องที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้สามารถตกลงในรายละเดียดกับทางกัมพูชาได้
พร้อมลงนามถ้ายึด4ข้อตกลงGBC
ผู้สื่อข่าวถามว่าการเดินทางไปครั้งนี้จะได้ลงนามเลยหรือไม่ จะมีเงื่อนไขหรือแนบท้ายอะไรต่อจากนี้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ ผ่านกระบวนการ JBC (คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม) ที่และ GBC (คณะกรรมการชายแดนทั่วไป) ที่เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ได้หารือร่วมกันมา ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามนั้น ก็นำไปสู่การลงนามในถ้อยแถลง
“ผมยืนยันว่าผู้ที่ไปเจรจา เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อสรุปต่างๆยึดในเรื่องผลประโยชน์ของประเทศไทย อธิปไตยของไทย และเกียรติภูมิของประเทศไทย และประโยชน์ของประชาชนไทย เป็นเป้าหมายสูงสุด” นายอนุทินกล่าว
ย้ำเขมรต้องปฎิบัติ4ข้อที่เซ็นต่อหน้าพยาน
และว่า ส่วนที่ผู้ประสานระบุจะส่งผล JBC มาให้รัฐบาลตัดสินใจในการดำเนินการ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างมีความต่อเนื่อง เรื่อง JBC เกี่ยวกับการบริหารสถานการณ์เขตแดน ซึ่งมีข้อตกลงไว้แล้วว่าใครจะทำอะไรบ้าง ส่วนเรื่อง GBC จะเน้นข้อปฏิบัติที่เขมร จะได้ปฏิบัติเมื่อมีการลงนาม ซึ่งมี 4 ข้อ 1.การถอนอาวุธหนัก 2.การเก็บกู้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล 3.การร่วมกันปราบปรามสแกมเมอร์ให้เป็นรูปธรรม และ4.การบริหารสถานการณ์ที่บริเวณชายแดนในพื้นที่ทับซ้อน
นายกฯกล่าวย้ำว่า ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น ซึ่งมีการหารือถึงวันเวลา และวิธีการ ที่จะดำเนินการเพียงพอ ไม่ใช่แค่เขียนว่าจะทำสิ่งนั้นๆเท่านั้น ถือว่าเพียงพอที่จะทำให้ฝ่ายไทยเห็นว่าถึงเวลาเหมาะสมในการลงนาม เพื่อให้เกิดแนวทางในการทำงาน ทำต่อหน้า ไม่ได้เป็นการคุยกันเพียงสองคน แต่จะมีผู้นำประเทศต่างๆร่วมเป็นสักขีพยานด้วย
เขมรโกหก!ถกJBCไม่มีคุยปมแผนที่1:2แสน
ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงผลประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) ระหว่างวันที่ 21–22 ตุลาคม ที่จ.จันทบุรี ไม่มีการตกลงเรื่องมาตราส่วนแผนที่หรือการยินยอมปักหมุดเขตแดน ตามข้อความที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาโพสต์ระบุ “ฝ่ายไทย-กัมพูชาตกลงดำเนินการตามหลักการทางเทคนิค เพื่อการรังวัดและปักหลักเขตชั่วคราว โดยใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 และสนธิสัญญาฝรั่งเศส-สยาม ปี 1907”ว่า ไม่ใช่ข้อเท็จจริง
“ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง และอาจทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อสาธารณชนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ ในการประชุม JBC ดังกล่าว ไม่มีการหารือหรือข้อตกลงใดๆเกี่ยวกับการใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 หรือการกำหนดหลักเขตชั่วคราวในพื้นที่พิพาท สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันในที่ประชุมคือ มอบให้คณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วม (JTSC) สร้างหลักเขตแดนใหม่ทดแทนหลักเดิมที่ชำรุดหรือสูญหาย 15 หลัก โดยยึดตำแหน่งเดิมที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับร่วมกัน และตกลงจัดทำหลักเขตแดนใหม่แทนหลักที่จมน้ำ 3 หลัก โดยจะกำหนดตำแหน่งร่วมกันภายหลัง”โฆษกรัฐบาลระบุ และว่า นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้เร่งแก้ TOR 2003 เพื่อจัดทำแผนที่ภาพถ่าย (Orthophoto Map) โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น LiDAR เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการสำรวจ
สำหรับพื้นที่หลักเขตแดนที่ 42–47 บริเวณบ้านหนองจาน–บ้านหนองหญ้าแก้ว ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบกระบวนการสำรวจและจัดทำหมุดชั่วคราวในพื้นที่เร่งด่วน บนพื้นฐานของการสำรวจหาหลักเขตแดนเดิมร่วมกันอยู่แล้ว เพื่อจะได้เป็นพื้นฐานสำหรับการหารือกันต่อไปเท่านั้น
ไม่ยอมให้เขมรบิดเบือนข้อเท็จจริงอีก
“ไทยไม่ยอมให้มีการบิดเบือนข้อเท็จจริง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ย้ำชัดหลักการ 4 ข้อ ซึ่งให้ความสำคัญกับการปกป้องอธิปไตยแห่งรัฐ การสร้างเสถียรภาพตามแนวชายแดน และความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ไทยยึดมั่นแนวทางสันติวิธี แต่จะไม่ยอมและหวังว่าจะไม่มีการสร้างข้อมูลบิดเบือนที่กระทบต่อบรรยากาศแห่งความร่วมมือ และการสร้างความไว้วางใจ ช่วงที่รัฐบาลไทยกำลังหาทางออกโดยสันติวิธี ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนไทยอย่าหลงเชื่อข้อมูลที่ถูกบิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชาบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นการกระทำที่มุ่งหวังผลทางการเมืองภายในประเทศ ” นายสิริพงศ์ กล่าว
ผบ.ทสส.ถกผบ.เหล่าทัพย้ำรักษาอธิปไตย
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพนัดแรก มีพลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลเรือเอกไพโรจน์ เฟืองจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลอากาศเอกเสกสรร คันธา ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญขาการตำรวจแห่งชาติ หลังประชุม พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกเผยว่า ในส่วนกองทัพบก ยังให้ความสำคัญสูงสุดในการป้องกันและรักษาความมั่นคงภายในพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา ตามกรอบคำสั่งจักรพงษ์ภูวนารถ ทั้งในพื้นที่ของกองกำลังสุรนารี กองกำลังบูรพา รวมถึงประสานแผนการปฏิบัติกับกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด กองทัพเรือ เพื่อให้การปฏิบัติภาพรวมสอดคล้องและมีประสิทธิภาพ
กกล.สุรนารี-กกล.บูรพาเข้มจัดระเบียบชายแดน
สำหรับการปฏิบัติที่สำคัญของกองกำลังสุรนารีและกองกำลังบูรพาปัจจุบัน ยังเฝ้าตรวจติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนอย่างใกล้ชิด และเสริมความมั่นคง การจัดระเบียบพื้นที่ให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ในพื้นที่สำคัญตามแนวชายแดน เช่น เก็บกู้ทุ่นระเบิดในเขตพื้นที่ เส้นปฏิบัติการของฝ่ายไทย หรืออยู่ในความรับผิดชอบของฝ่ายไทยและปรับปรุงเส้นทางทางยุทธวิธี เพื่อส่งกำลังและเพื่อใช้เฝ้าตรวจพื้นที่ชายแดน รวมถึงซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเฉพาะพื้นที่ เพื่อให้หน่วยนั้นมีความพร้อมรบเสมอ
พลตรีวินธัย กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นต่อมา เป็นการขับเคลื่อนการปฏิบัติที่สำคัญในประเด็นที่ไทยกัมพูชาเห็นชอบร่วมกันผ่านการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา( JBC) และคณะกรรมการทั่วไปไทย-กัมพูชา(GBC) และ การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซัมมิท วันที่ 25-28 ตุลาคมนี้ โดยเรื่องสำคัญคือ การบริหารจัดการพื้นที่ในจ.สระแก้ว การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การแก้ปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์สแกมเมอร์ทางออนไลน์ โดยประสานงานใกล้ชิดกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนแผนถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน จากผลประชุม GBC มอบให้กองทัพภาคที่ 2 ไปหารือรายละเอียดกับภูมิภาคทหารที่ 4 ของเขมร
ทร.พร้อมดูแลอธิปไตยทางทะเลจันท์-ตราด
ขณะที่พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ระบุว่า ในส่วนกองทัพเรือได้เสนอแผนเตรียมความพร้อมต่อปฎิบัติการสู้ภัยคุกคามพื้นที่ตะวันออก ที่ประชุมวันนี้กองทัพเรือได้รับมอบภารกิจในการดูแลอธิปไตยทางบกและทางทะเลที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด รวมถึงดูแลการคมนาคมอย่างเสรีทางทะเลในพื้นที่ โดยกองทัพเรือแจงขั้นตอนการปฏิบัติในสถานการณ์ปกติไปถึงสถานการณ์วิกฤต ซึ่ง กองทัพเรือมีความพร้อมใช้กำลังทางบกและทางเรือในการปฏิบัติการเต็มรูปแบบ โดยผบ.ทร.กำหนดนโยบายในปี 2569 ให้เป็นปีการพร้อมรบของกองทัพเรือ ซึ่งสอดคล้องกับแผนการใช้กำลังในปีนี้
ทอ.ชงแผนรับมือภัยคุกคามด้านตอ.
ขณะ พลอากาศโทจักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศระบุว่า ในส่วนของกองทัพอากาศ ได้เสนอแนวทางปฏิบัติ เพื่อรับมือภัยคุกคามด้านตะวันออก เราสามารถใช้กำลังทางอากาศและการสนับสนุนกำลังรบของกองทัพไทย ซึ่งอยู่ในอำนาจอธิปไตยของประเทศชาติ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามยุติการใช้กำลังต่อฝ่ายไทย และพลเรือนโดยเร็ว กองทัพอากาศออกคำสั่งพิทักษ์จักรพงษ์ ในการใช้กำลังทางอากาศทั้งมิติทางอากาศมิติไซเบอร์และมิติอวกาศในการสนับสนุนปฏิบัติการร่วม ของกองทัพไทยในมิติทางอากาศนั้นกองทัพอากาศเตรียมพร้อมรบ พร้อมอากาศยานในการสนับสนุนการปฏิบัติร่วมกับกองทัพไทยเมื่อได้รับการร้องขอ
แฉเขมรขวางการกู้ทุ่นระเบิด-ลอบวางเพิ่ม
วันเดียวกัน ที่ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ พ.ท.ศุภวัฒน์ นามม่อง ผู้บังคับกองพันทหารช่างที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 ผู้บังคับหน่วยตรวจค้นและทำลายทุ่นระเบิดหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 เผยถึงภารกิจของหน่วยปฏิบัติการทุนระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) ว่า จากภารกิจการสำรวจตั้งแต่ปี 2543 ในพื้นที่ 4 จังหวัดคือ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานีรวม 1,349 ตารางกิโลเมตร เก็บกู้ไปแล้ว 1,342 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 99.45% คงเหลือพื้นที่อันตรายในจ.บุรีรัมย์ 0.27 ตารางกิโลเมตร สุรินทร์ 2.23 ตารางกิโลเมตร ศรีสะเกษ 4.02 ตารางกิโลเมตร และอุบลราชธานี 0.67 ตารางกิโลเมตร รวม 7.37 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น 0.55%
“การปฏิบัติช่วงที่ผ่านมา ประสบปัญหาคือ การขัดขวางจากฝ่ายเขมร โดยเก็บสถิติจากปี 2562 ถึงปัจจุบันถูกขัดขวาง 22 ครั้ง และนอกจากการขัดขวางการปฎิบัติงานแล้ว มีการวางทุ่นระเบิดเพิ่ม ซึ่งมีกำลังพลของไทยเหยียบไป 6 ครั้งช่วงปะทะที่ผ่านมา ในการยิงจรวด BM-21 (บีเอ็ม-21) ตกใส่บ้านประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดข้างต้น ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ได้จัดชุดป้องกันสำหรับเจ้าหน้าที่เก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) เข้ามาเก็บกู้และทำลาย 960 จุด นอกจากนั้น ยังจัดชุดเก็บกู้เข้ามาตรวจค้น และทำลายทุ่นระเบิดในพื้นที่ฐานปฏิบัติการต่างๆ ตรวจพบทุ่นระเบิดเพิ่ม 801 ทุ่น และปัจจุบันตรวจพบอยู่ต่อเนื่อง”พ.ท.ศุวัฒน์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเขมรยังวางแผนระเบิดตามแนวชายแดนของประเทศเขมรอยู่ เพื่อป้องกันตนเองใช่หรือไม่ พ.ท.ศุภวัฒน์กล่าวว่า คาดว่าน่าจะวางเต็มแล้ว หากจะไปไหนก็ต้องใช้ทหารช่างตรวจค้นก่อน เพื่อความปลอดภัยของกำลังพล โดยบนพื้นที่ยอดภูมะเขือ เราเคลียร์หมดแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี