สภาฯตั้ง คกก.วิสามัญศึกษาแนวทาง ตั้งหน่วยงานส่งเสริมคุณภาพการศึกษา เปิดโอกาสครูเติบโตก้าวหน้าแก้ปัญหาสมองไหล

สภาฯตั้ง คกก.วิสามัญศึกษาแนวทาง ตั้งหน่วยงานส่งเสริมคุณภาพการศึกษา เปิดโอกาสครูเติบโตก้าวหน้าแก้ปัญหาสมองไหล

วันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

สภากทม. ตั้ง คกก.วิสามัญศึกษาแนวทางตั้งหน่วยงานส่งเสริมคุณภาพการศึกษาโรงเรียนกทม. ส.ก.แนะทลาย3เพดาน กันสมองไหลครูเก่งย้ายไปเติบโตที่อื่น

นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตจอมทอง ได้เสนอญัตติ เรื่อง ขอให้กรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางการจัดตั้งหน่วยงานในการส่งเสริมคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร การประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยที่สี่ (ครั้งที่ 4) ประจำปี พ.ศ. 2568 ณ ห้องประชุมสภากทม. อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกทม. 2 (ดินแดง) โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากกรุงเทพมหานครมีหน่วยงานด้านการศึกษา 3 หน่วยงาน คือ 1.สำนักการศึกษา มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานประเภทสามัญศึกษาของกรุงเทพมหานคร 2. ฝ่ายการศึกษาสำนักงานเขต มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับงานสารบรรณ งานกิจกรรมนักเรียนในสถานศึกษา ตรวจเยี่ยมโรงเรียนการเจ้าหน้าที่ของข้าราชการครู ฯลฯ และ 3. โรงเรียน มีอำนาจหน้าที่ในการจัดการศึกษา  ซึ่งกรุงเทพมหานครมีโรงเรียนในสังกัด จํานวน 437 โรงเรียน ห้องเรียน 9,268 ห้อง นักเรียน 260,000 คน และ ครู 14,225 คน บางพื้นที่การกำกับดูแลโดยฝ่ายการศึกษา สำนักงานเขตอาจไม่เพียงพอและทั่วถึง ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษาของนักเรียน คุณภาพการจัดการศึกษาของครูผู้สอน


ปัจจุบันครูกทม. ต้องเผชิญปัญหาโครงสร้าง “3 เพดาน" คือ 1.เพดานความก้าวหน้า  2.เพดานทางอำนาจ 3.เพดานทางวิชาการ

“ครูโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร เส้นทางสูงสุดคือตำแหน่ง ผอ.โรงเรียน เปรียบเสมือนเป็นเพียง “ผู้จัดการสาขา รับนโยบายจากเขต เป็นผู้ใช้นโยบายที่ส่วนกลางคิด” แต่ ผู้อำนวยการโรงเรียนสังกัด สพฐ. เส้นทางตำแหน่งไปสู่ ผอ.เขตพื้นที่ฯได้ เปรียบเสมือนเป็น “CEO มีอิสระในการตัดสินใจ มีโอกาสเป็นผู้สร้างนโยบาย” ผ่านคณะกรรมการระดับเขต จากผลกระทบทำให้เกิดภาวะสมองไหล ครูกทม. ที่เก่งและมีความสามารถย่อมต้องหาทางย้ายไปเติบโตที่อื่นที่มีโอกาสมากกว่า เนื่องจาก ขวัญกำลังใจที่ตกต่ำ ทำงานโดยมองไม่เห็นอนาคต ทั้งหมดนี้ไม่ได้จบที่ครู แต่ไปจบที่คุณภาพการศึกษาที่ลูกหลานของเราได้รับ “เมืองที่ครูหมดหวัง จะสร้างเด็กที่มีความหวังได้อย่างไร” ส.ก.สุทธิชัย กล่าว

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวชี้แจงว่า โรงเรียนในสังกัด กทม. อยู่ภายใต้สำนักงานเขต โดยมีสำนักการศึกษาวางแผนแนวทางกว้าง ๆ และติดตาม ประเมินผล ซึ่งปัจจุบันแบ่งออกเป็น 80 เครือข่าย (4-8 โรงเรียน/เครือข่าย) จะมีนักศึกษานิเทศที่เติบโตจากตำแหน่งครูเข้ามาทำหน้าที่ ซึ่งเห็นด้วยกับสมาชิกสกากรุงเทพมหานครที่ควรจะปรับโครงสร้างให้ครูเติบโตในหน่วยงานอื่นได้ ปัจจุบันครู กทม. ลาออกเพียงปีละ 5% ลดลงจาก 10% เพราะมีการเติบโตทางวิทยฐานะได้ ส่วนสมรรถนะของนักเรียน มีการเปลี่ยนแปลงจากเน้นท่องจำเปลี่ยนเป็นนำไปใช้ การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการเรียนการสอน

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ”หัวใจสำคัญของการลดความเหลื่อมล้ำใน กทม. คือการศึกษาและการสาธารณสุข โดยปัญหาเรื่องโครงสร้างที่มีนั้นต้องหาทางแก้ข้อบัญญัติและระเบียบต่าง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีในการตั้งคณะกรรมการวิสามัญฯ ชุดนี้ขึ้นมาศึกษา“

ทั้งนี้ สำนักงานการเจ้าหน้าที่ได้มีการร่างระเบียบเพื่อเทียบเคียงตำแหน่งงานของข้าราชการครูกรุงเทพมหานครกับข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญแล้ว หากมีการเปิดรับสมัครแล้วจะมีกระบวนการตามระบบการคัดเลือกการเทียบคุณสมบัติเพื่อดำรงตำแหน่งต่อไป

ที่ประชุม สภากรุงเทพมหานครมีมติตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางการจัดตั้งหน่วยงานในการส่งเสริมคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 11 คน กำหนดศึกษาให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน

-037-

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top