วันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568
ชี้ก่อปัญหา สูญเสียมากกว่าภาษีที่เก็บได้ วอนอย่าหูเบาฟังแต่เสียงทุนน้ำเมา เชียร์แก้ พ.ร.บ.สถานบริการ ดึงร้านเหล้าที่คล้ายสถานบริการเข้าระบบ วางเกณฑ์คุมเข้ม ขายเหล้าเพิ่มความรับผิดชอบ
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายชุมชนรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต และเครือข่ายชุมชนลดปัจจัยเสี่ยง พร้อมด้วยประชาชนและเหยื่อจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กว่า 100 คน แบกศพจำลองที่ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เข้ายื่นหนังสือถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อคัดค้านการขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถึงเวลา 04.00 น. และสนับสนุนการแก้ไขพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.2509
นายชูวิทย์ จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ (ครปอ.) กล่าวว่า จากการที่มีรายงานข่าวทางสื่อมวลชน โดยอ้างเป็นแหล่งข่าวว่านายอนุทิน ได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 21 ต.ค.2568 ให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข ร่วมหารือเพื่อยกเลิกโซนนิ่งพื้นที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อให้เปิดกว้างขายได้ทั่วประเทศ และขยายเวลาเปิดสถานบริการถึง เวลา 04.00 น. หรือ เปิดผับบาร์ได้ถึงตี 4 จากปัจจุบันเปิดให้บริการได้ถึง 02.00 น. และให้ยกเลิกข้อห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลา 14.00-17.00 น. เริ่มในเดือนม.ค. 2569 ก่อนยุบสภา และยังอ้างอีกว่าจะมีรายได้จากภาษีเพิ่มกว่า 5 แสนล้านบาทนั้น ทั้งนี้ ขอให้มีการตรวจสอบการใช้คำว่าแหล่งข่าวกล่าวอ้างข้อสั่งการนายกฯ ในที่ประชุมครม.นั้นจริงหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาก็เคยมีเหตุการณ์แอบอ้าง หรือความพยายามปล่อยข่าวแบบเดียวกันนี้จากฝั่งผู้ประกอบกิจการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนทำให้สังคมเกิดความสับสน หวังผลประโยชน์ในทางธุรกิจ ยิ่งมีการอ้างถึงตัวเลขรายได้ที่จะได้จากการขยายเวลาขายเหล้า เบียร์ เพิ่มถึง 5 แสนล้าน เป็นตัวเลขที่เลื่อนลอยไม่มีที่มาที่ไป เพราะปัจจุบันค่าการตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อปีก็อยู่ที่ประมาณ 5 แสนล้านอยู่แล้ว ตัวเลขที่อ้างว่าภาครัฐจะได้มีรายได้ภาษีเพิ่มจากข้อเสนอนี้จึงไม่น่าเชื่อถือ และเป็นไปไม่ได้เลย

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากการรวบรวมข้อมูลผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยกตัวอย่างรายงานของ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ที่รวบรวมข่าวความรุนแรงในครอบครัวที่เสนอผ่านสื่อในปี 2566 รวม 1,086 ข่าว มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยกระตุ้น 316 ข่าว คิดเป็น 29.1% และการศึกษาของ ดร.ชิด ซู ทินน์ สถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล เก็บกลุ่มตัวอย่างในเยาวชนอายุ 15-23 ปี 1,538 คน ในโรงเรียน 6 แห่ง จากทุกภูมิภาคของไทย พบมีปัญหาที่เกิดจากการใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากปี 2551 อยู่ที่ 14.8% เพิ่มขึ้นเป็น 22.2% ในปี 2558 พบปัญหาเกิดจากการที่เด็กไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ส่งผลให้เด็กมีโอกาสที่จะกลายเป็นนักดื่ม และมีปัญหาทางสุขภาพจิต และเชื่อมโยงกับการติดพนัน และใช้สารเสพติด เป็นต้น ขณะที่อุบัติเหตุทางถนนนั้น ชัดเจนอยู่แล้วว่า เกินครึ่ง

ด้าน นางสาวเครือมาศ ศรีจันทร์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต กล่าวว่า เครือข่ายฯ ขอแสดงจุดยืนและมีข้อเสนอต่อนายกฯ และรัฐบาล ดังนี้ 1.ขอให้รัฐบาลตอบให้ชัดว่ามีนโยบายดังกล่าวจริงหรือไม่ และควรแสดงจุดยืนให้ชัดว่ารัฐบาลนี้จะสร้างสมดุลระหว่างสุขภาพ ความปลอดภัยของประชาชนกับผลประโยชน์ทางธุรกิจอย่างไร โดยเฉพาะนายอนุทินซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาก่อน ซึ่งควรจะเข้าใจในมิติสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน ไม่หูเบาตามกลุ่มลอบบี้ยีสต์ทุนน้ำเมาไม่ทำในสิ่งที่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิงกับสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน
2.ขอให้รัฐบาลเร่งประเมินผลการนำร่องขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานบริการได้จนถึงตี 4 ที่ทำมาเกือบ 2 ปี ในพื้นกรุงเทพมหานคร, จ.ภูเก็ต, จ.ชลบุรี, จ.เชียงใหม่ และท้องที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ประสบความสำเร็จอย่างที่อ้างกันหรือไม่ ทั้งมิติการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ความคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความปลอดภัย อุบัติเหตุ ความรุนแรงและความสูญเสีย หากพบว่าไม่คุ้มค่าควรยกเลิกทันที
.jpg)
3.ข้อเสนอให้ยกเลิกเวลาห้ามขายช่วงเวลา 14.00-17.00 น. ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำหรือจำเป็นเร่งด่วน ขอยืนยันว่าช่วงเวลาดังกล่าวควรเป็นช่วงเวลาความปลอดภัยประชาชนทุกคน ทั้งคนทำงาน เด็กนักเรียน ไม่ใช่เวลาทองของคนขายเหล้า ทั้งนี้ปัจจุบันข้อมูลความสูญเสียโดยรวมจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 170,000 ล้านบาท สูงกว่าภาษีที่ภาครัฐจัดเก็บได้จากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ปีละ 150,000 ล้านบาท เท่ากับเป็นภาระระบบสุขภาพที่ได้ไม่คุ้มเสียอยู่แล้ว
4.พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ. 2509 และการกำหนดโซนนิ่งในปัจจุบันมีความล้าหลัง จึงควรปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อจัดระเบียบใหม่กับสถานบริการที่มีเกือบ 1,800 ราย และจัดการสถานประกอบการที่คล้ายสถานบริการที่คาดว่ามีมากกว่า 200,000 ราย เพื่อให้เข้าสู่ระบบ รวมถึงขยายความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการให้มากขึ้น ปิดช่องการรับส่วย หากฝ่าฝืนมีบทลงโทษหนัก เช่น สั่งปิดสถานบริการ 1-5 ปี เป็นต้น และ 5. ขอเรียกร้องไปยังผู้ประกอบการร้านเหล้า ผับ บาร์ ให้ยุติการผลักดันข้อเสนอที่ทำเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจของตัวเอง โดยไม่สนใจความสูญเสีย ความปลอดภัยของสังคม ขอให้ร่วมกันแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการปฏิบัติตามและเคารพกฎหมายดีกว่า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี