อุตุฯเตือนพายุคัลแมกี  ถล่มอีสานใต้7พ.ย.นี้

อุตุฯเตือนพายุคัลแมกี ถล่มอีสานใต้7พ.ย.นี้

วันศุกร์ ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ปภ.ประสาน 10 จังหวัดภาคกลาง-กทม.เฝ้าระวังน้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูง ด้านกรมชลฯ ตรึงการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา 2,700 ลบ.ม./วินาที ส่วนกรมอุตุฯเฝ้าระวังพายุ“คัลแมกี” เข้าไทย 7 พ.ย.ส่งผลมีฝนหนัก

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.)รับแจ้งจากกรมชลประทาน ว่าคาดการณ์ปริมาณน้ำไหลผ่านสถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในเกณฑ์ประมาณ 2,600-2,800 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)/วินาที และคาดการณ์แม่น้ำสะแกกรังปริมาณน้ำไหลผ่านสถานี Ct.19 จ.อุทัยธานีและลำน้ำสาขา อยู่ในเกณฑ์ประมาณ 450 ลบ.ม./วินาที ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีปริมาณระหว่าง 3,050–3,250 ลบ.ม./วินาที การรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งรวม 550 ลบ.ม./วินาที


จากสถานการณ์ดังกล่าว จึงปรับเพิ่มปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาจากเดิมไม่เกิน 2,500 ลบ.ม./วินาที เป็นไม่เกิน 2,700 ลบ.ม./วินาที แบบขั้นบันได โดยปริมาณน้ำจะส่งผลให้ระดับน้ำตั้งแต่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีกประมาณ 0.60-0.90 เมตร ในพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ดังนี้คลองโผงเผงจ.อ่างทอง คลองบางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ต.หัวเวียง อ.เสนา ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา (แม่น้ำน้อย) , จ.สิงห์บุรี บริเวณ อ.เมืองอ.อินทร์บุรี และ อ.พรหมบุรี , จ.อ่างทอง บริเวณ อ.ไชโย และ อ.ป่าโมก และ จ.ชัยนาท บริเวณ อ.สรรพยา

ทั้งนี้ กอปภ.ก.ได้ประสาน 10 จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมถึง กทม.เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำโดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชนที่ประกอบกิจการในแม่น้ำ อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร ท่าเทียบเรือโดยสารแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำและบริเวณจุดเสี่ยงที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำให้เฝ้าระวังระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ รวมถึงขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงให้พ้นจากแนวน้ำท่วม

ด้าน นายธเนศร์ สมบูรณ์ ผอ.สำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยาเปิดเผยว่าเขื่อนเจ้าพระยาระบายที่ 2,700 ลบ.ม./วินาทีซึ่งเป็นปริมาตรสูงสุดที่เกิดจากฝนที่ตกหนักระลอกก่อนหน้านี้ ซึ่งฝนตกทั้งลุ่มน้ำปิง วัง ยม และน่านด้านท้ายเขื่อนตอนบน แม้เขื่อนซึ่งเป็นเครื่องมือหน่วงน้ำยังมีศักยภาพรองรับน้ำ แต่เมื่อฝนตกท้ายเขื่อนจึงไหลลงสู่ลุ่มเจ้าพระยาอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้กรมชลประทานวางแผนบริหารจัดการน้ำรองรับพายุ‘คัลแมกี’ ที่กรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า จะส่งผลให้เกิดฝนตกทั่วไทย ด้วยการแบ่งน้ำเข้าระบบชลประทาน 2 ฝั่งด้านเหนือเขื่อนให้มากที่สุด เพราะหากให้ระดับน้ำหน้าเขื่อนสูงเกินเกณฑ์ควบคุมจะทำให้เกิดน้ำล้นตลิ่งพื้นที่ริมน้ำในจังหวัดเหนือเขื่อนด้วย ผลกระทบจะกว้างขึ้นซึ่งขณะนี้ได้แจ้งต่อสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ขยายกรอบการระบายน้ำเกินกว่า 2,700 ลบ.ม./วินาทีไว้เผื่อในกรณีที่จำเป็น แต่จะพยายามตรึงไว้ที่อัตรา 2,700 ลบ.ม./วินาทีเพื่อไม่ให้พื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างได้รับผลกระทบเพิ่มเติม

วันเดียวกัน น.ส.สุกันยาณี ยะวิญชาญ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า พายุไต้ฝุ่น ‘คัลแมกี’ มีศูนย์กลางอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีกำลังลมแรงสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตก คาดว่าจะขึ้นฝั่งตอนกลางของประเทศเวียดนามช่วงวันที่ 6–7 พฤศจิกายนนี้ ก่อนจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและพายุดีเปรสชัน เคลื่อนผ่านประเทศลาว เข้าปกคลุมบริเวณ จ.อุบลราชธานี ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของอิทธิพลฝนตกหนักในประเทศไทย

สำหรับวันที่ 7พฤศจิกายน จะเป็นวันที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากแบบจำลองแสดงพื้นที่สีแดงในแผนที่พยากรณ์ฝน ซึ่งมีปริมาณฝนสะสมระหว่าง 100–150 มิลลิเมตร (มม.) และอาจสูงถึง 200มม.ในบางพื้นที่โดยเฉพาะบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ได้แก่ จ.อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีสะเกษ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมาพื้นที่เหล่านี้อยู่ในระดับสีแดงของแบบจำลอง ซึ่งเป็นจุดที่คาดว่าจะเกิดฝนตกหนักมากที่สุดและมีโอกาสเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้สูงซึ่ง เมฆฝนจากระบบพายุจะขยายตัวปกคลุม ภาคอีสานตอนบน ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมถึงกทม.และปริมณฑล ซึ่งอาจมีฝนตกหนักในวงกว้างช่วงวันที่ 7–9 พฤศจิกายนนี้

น.ส.สุกันยาณี กล่าวต่อว่า ส่วนช่วงวันที่ 6-7 พฤศจิกายน เมฆจากตัวพายุจะเริ่มแผ่เข้ามา ทำให้หลายพื้นที่เริ่มมีฝนตก ก่อนที่พายุจะเข้าสู่เขตประเทศไทยอย่างชัดเจนขอให้ทุกพื้นที่โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างเตรียมพร้อมรับมือไว้ล่วงหน้า โดยหลังจากพายุ ‘คัลแมกี’ สลายตัว อากาศในประเทศไทยตอนบนจะเริ่มเย็นลง โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จะมีอุณหภูมิลดลงต่อเนื่องคาดว่าอากาศจะหนาวที่สุดช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม โดยบริเวณยอดดอยและยอดภูจะมีอากาศหนาวจัดโดยปรากฏการณ์พายุในเดือนพฤศจิกายนจะเกิดขึ้นนานๆ ครั้งเนื่องจากไทยตอนบนเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว แต่ปีนี้ประเทศไทยอยู่ในภาวะ ลานีญาอ่อน (Weak La Niña) ทำให้พายุมีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าทางตะวันตกมากกว่าปกติ

ที่ จ.ปทุมธานี วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากกลางดึกที่ผ่านมา แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มระดับจนดันทะลุใต้ถนนแนวกั้นน้ำ อ.สามโคกฝั่งตะวันออก ท่วมโรงเรียนวัดเมตารางค์ ต.เชียงรากน้อย อ.สามโคก รวมถึงบ้านเรือนประชาชนพื้นที่หมู่ 3ทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี พร้อมคณะ ได้นำรถแบคโฮ แผ่นเหล็กและเหล็กชิฟพายเร่งแก้ไขสถานการณ์ตลอดทั้งคืน

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าการอุดรอยรั่วบริเวณจุดเกิดเหตุสามารถกั้นทางน้ำได้แล้ว มีเพียงการรั่วซึมเล็กน้อยซึ่งไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อประชาชน ส่วนโรงเรียนวัดเมตารางค์ที่ถูกน้ำท่วมน้ำได้ลดลงแล้ว ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้ช่วยกันทำความสะอาดโรงเรียน ขณะที่แขวงทางหลวงปทุมธานี ได้นำกรวยยางมาตั้งเพื่อบังคับไม่ให้รถบรรทุกหนัก ผ่านบริเวณจุดเกิดเหตุเพื่อป้องกันอันตราย ป้องกันการทรุดตัวของถนนเนื่องจากดินชั้นล่างมีลักษณะเป็นโพรงจากการกัดกร่อนของกระแสน้ำ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top