วันศุกร์ ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ตำรวจนครพนมรวบ 'ป้าแอ๊ว' เอเย่นต์ยาบ้ารายย่อย หลัง 'ลูกชายคลั่งยา' ซัดทอด ก่อนนำไปสู่การจับกุม 'กลุ่มกะเทยทำพานบายศรี' 3 คน มั่วสุมเสพยาบ้า อ้างเพิ่มพลังทำงาน เจ๊รุ่นปู่สุดชิล ควักลิปสติกทาปากระหว่างทำบันทึกจับกุม
เมื่อวันที่ 6 พ.ย.68 ที่ผ่านมา พ.ต.ต.ศักดา ต้นจันทน์ สวป.สภ.เมืองนครพนม ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 มีชายเสพยาเสพติดคลุ้มคลั่งในบ้านหลังหนึ่ง ชุมชนบ้านน้อยใต้ ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม จึงพร้อมชุดสายตรวจ เดินทางไปตรวจสอบพบผู้แจ้งซึ่งเป็นพ่อของชายดังกล่าวและกำลังเสพยาบ้าอยู่ในห้องนอน เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัวคาของกลางเป็นอุปกรณ์การเสพ ทราบว่าชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) หรือโทน อายุ 33 ปี นำตัวไปสอบสวนขยายผลที่ สภ.เมืองนครพนม
เบื้องต้นนายโทน ยอมรับว่าติดยาบ้าอย่างหนัก และต้องเสพทุกวันๆละ 1-3 เม็ด ถ้าไม่มีเงินก็จะขอเงินจากพ่อแม่ ถ้าไม่ได้จะด่าทอและข่มขู่ทำร้าย โดยนายโทนให้การว่าไปซื้อยาบ้ามาจากนางสุพัตรา (สงวนนามสกุล) หรือป้าแอ๊ว อายุ 54 ปี อยู่บ้านหนองจันทร์ ต.ท่าค้อ อ.เมืองนครพนม ในราคาเม็ดละ 50 บาท ชุดปฏิบัติการจึงนำกำลังไปยังบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ติดถนนทางหลวงแผ่นดินหมาย 212 (ชยางกูร) แต่ไม่พบเป้าหมายจึงวางกำลังดักซุ่มอยู่รอบๆบ้าน กระทั่งเวลาประมาณห้าโมงเย็นป้าแอ๊วก็ขับรถจักรยานยนต์คู่ใจกลับเข้าบ้าน เจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวขอตรวจค้นกระเป๋าสะพายข้างที่ป้าแอ๊วสะพายอยู่ พบยาบ้าจำนวน 15 เม็ด จึงควบคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม

ป้าแอ๊ว เล่าว่าเสพยาบ้ามาตั้งแต่อายุ 35 ปี ตอนนั้นยังอยู่กับสามี ต่อมาถูกจับกุมติดคุกอยู่ 3 ปีสามีก็ทิ้งไป อ้างว่ามีความเครียดที่ต้องหาเลี้ยงลูกชายคนเล็กเพียงลำพัง จึงหันไปเสพยาบ้าอีก โดยซื้อมา 10 เม็ดในราคา 400 บาท แยกขายย่อยให้คนอื่นในราคาเม็ดละ 50 บาท ได้กำไรเม็ดละ 10 บาท ลูกค้าก็มีหลายกลุ่ม ยอมรับว่าตอนเช้านายโทนมาขอซื้อยาบ้าจากตนไป 2 เม็ดจริง พอตอนบ่ายก็มีลูกค้าเป็นกลุ่มกะเทยโทรสั่งยาบ้า 10 เม็ด จึงขับรถจักรยานยนต์ไปส่งที่บ้านที่อยู่ในซอยพิทักษ์พนมนคร เขตเทศบาลเมืองนครพนม และได้มั่วสุมเสพยาบ้ากัน ก่อนจะขับรถจักรยานยนต์กลับบ้าน ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดักซุ่มจับกุมดังกล่าว
พ.ต.ต.ศักดา ต้นจันทร์ สวป.สภ.เมืองนครพนม จึงขยายผลให้ป้าแอ๊วเอเย่นต์ยาบ้ารายย่อยพาไปยังบ้านที่กล่าวอ้าง พบชายจำนวน 3 คนอยู่ในบ้านที่ซอยเป็นห้องแบ่งให้เช่า มีนายประสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) หรือเจ๊แสบ อายุ 51 ปีเป็นเจ้าของบ้าน ในมือยังกำถุงบรรจุยาบ้าจำนวน 8 เม็ด ส่วนอีกสองคนยังอยู่ในอาการตกใจ ทราบต่อมาว่าชื่อนายกิตติคุณ (สงวนนามสกุล) หรือเจ๊ดุลยา อายุ 66 ปี และนายอภิศักดิ์ (สงวนนามสกุล) หรือเจ๊ศักดิ์ อายุ 40 ปี นำตัวทั้งหมดไปตรวจหาสารเสพติดพบว่ามีฉี่สีม่วง

เจ๊แสบเจ้าของบ้านเล่าว่ามีอาชีพรับจ้างทำพานบายศรี ตามออเดอร์ที่ลูกค้าต้องการ จึงเจอเพื่อนกะเทยรุ่นพี่คือเจ๊ดุลยาและกะเทยรุ่นน้องอย่างเจ๊ศักดิ์ ที่มีรสนิยมเดียวกัน ตนจึงแบ่งห้องให้เช่าอยู่กันรวม 3 คน เวลามีออเดอร์เข้ามาเยอะก็เหนื่อยล้า แต่กลัวทำให้ลูกค้าไม่ทัน จึงสั่งซื้อยาบ้าจากป้าแอ๊วมาครั้งละ 10 เม็ด แบ่งกันเสพอ้างว่าเพื่อเพิ่มพลัง ทำให้ทำงานไม่เหน็ดไม่เหนื่อย สามารถทำพานบายศรีส่งลูกค้าได้ตามเวลา แต่ถ้าไม่มีงานก็จะมั่วสุมกันเสพยากัน จนสภาพบ้านรกรุกรังประหนึ่งไม่มีคนอยู่
ด้านเจ๊ดุลยากระเทยรุ่นใหญ่ เล่าว่าอดีตเป็นช่างเสริมสวย ภายหลังเจอเจ๊แสบเพื่อนกะเทยรุ่นน้อง ชักชวนมาทำพานบายศรีก็เลยเลิกเสริมสวย อยู่ด้วยกัน 3 คนว่างงานก็เสพยาบ้า กระทั่งป้าแอ๊วเอเย่นต์พาตำรวจมาจับ ส่วนเจ๊ศักดิ์กะเทยที่มีอายุน้อยที่สุด ได้แต่พยักหน้าตามรุ่นพี่พูดอย่างเดียว

ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังพิมพ์ใบบันทึกจับกุม เจ๊ดุลยากะเทยรุ่นปู่เห็นตำรวจหนุ่มรูปหล่อๆทั้งนั้น จึงควักลิปสติกมาทาปาก ก่อนจะส่งให้เพื่อนๆทาด้วย พร้อมกับบอกว่าติดคุกทั้งทีขอสวยไว้ก่อน เผื่อน้องตำรวจจะเห็นใจลดโทษให้
โดยข้อกล่าวหาผู้ต้องหา 5 คนว่ากระทำความผิดฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ส่วนป้าแอ๊วกับเจ๊แสบเพิ่มข้อกล่าวหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี