จับสาวไทยเจ้าแม่ปอยเปต  สมคบแก๊งคอลฯตุ๋น50ล้าน

จับสาวไทยเจ้าแม่ปอยเปต สมคบแก๊งคอลฯตุ๋น50ล้าน

วันพุธ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ตำรวจรวม ปอศ.รวบ “เจ้าแม่ปอยเปต” ตัวการสำคัญเครือข่ายเปิดบัญชีม้า และนิติบุคคล สนับสนุนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเหยื่อได้เงินกว่า 50 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก.สั่งการ พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ.พ.ต.อ.นฤพนธ์ กรุณา ผกก.2 บก.ปอศ. พ.ต.ท.พีระพัฒน์ สุทธเสนา สว.กก.2 บก.ปอศ. นำกำลังจับกุม น.ส.น้ำผึ้ง อายุ 35 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ 568/2568 ลงวันที่ 22 ส.ค.68 ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน, เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน, เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์โดยประการที่รู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญาอื่นใด หมายจับศาลจังหวัดเทิง ที่ 607/2568 ลง 14 มิ.ย.68 ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น,ร่วมกันโดยทุจริตนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, สมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน, ร่วมกันฟอกเงิน และตามกมายจับคดีลักษณะดังกล่าวรวม 4 หมายจับ โดยจับได้ที่ร้านอาหารไม่มีชื่อ ริมถนนวิสุทธิกษัตริย์ แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ


สืบเนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้ทุกหน่วยเร่งรัดปราบปรามและกวาดล้างอาชญากรรมทางออนไลน์ในทุกรูปแบบ ต่อมาสืบทราบว่า น.ส.น้ำผึ้ง ผู้ต้องหารายนี้มีพฤติกรรมรับจ้างเปิดบัญชีม้าและรับจ้างจดทะเบียนนิติบุคคลให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปใช้ในการก่อเหตุหลอกลวงประชาชน ลงทุนเทรดหุ้นทางเพจเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ปลอม เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงชักชวนเข้ากลุ่มไลน์ชื่อ AROWWIN ซึ่งคนร้ายสร้างขึ้น มีสมาชิกมากกว่า 100 คน ในการสร้างความน่าเชื่อถือ อ้างว่าเพื่อเรียนรู้การเทรดหุ้น ชักชวนลงทุนผ่านเว็บไซด์

จากการตรวจสอบพบว่าบัญชีของผู้ต้องหานี้ถูกนำไปใช้ในการหลอกผู้เสียหายในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จ.นครราชสีมา และกรุงเทพมหานคร ได้เงินจากผู้เสียหายไปกว่า 50 ล้านบาท

ต่อมาผู้เสียหายกระจายเข้าแจ้งความไว้ในหลายพื้นที่ จนศาลออกหมายจับไว้ กระทั่งเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีและมาทำงานที่ร้านอาหาร (ไม่มีชื่อ) บริเวณริมถนนวิสุทธิกษัตริย์ แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ จึงนำกำลังเข้าจับกุมดังกล่าว

สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้างจาก “นายเปี๊ยก” ไม่ทราบชื่อ-นามสกุล ซึ่งเป็นนายหน้าในการพาคนไปเปิดบัญชีม้าและนิติบุคคลได้เงิน 25,000 บาท จากนั้นได้เดินทางไปยังฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ผ่านช่องทางธรรมชาติ และอยู่กับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งมีบอสเป็นชายชาวจีนคอยควบคุมสั่งการ โดยตนมีหน้าที่แสกนหน้ากับบัญชีธนาคาร เมื่อมีผู้โอนเงินเข้าบัญชีของตน โดยไม่ทราบว่ามีการโอนต่อไปยังที่ใด ซึ่งมีคนไทยและคนต่างชาติ อยู่ในสถานที่นั้นจำนวนกว่า 30 คน เจ้าหน้าที่จึงนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ครบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อีกประเด็นจากกรณีรัฐบาลเมียนมาได้เข้าปราบปรามและทลายแหล่งสแกมเมอร์ ในเขตพื้นที่เมียวดี โดยเฉพาะการเข้าทำลายอาคาร KK Park ซึ่งเป็นแหล่งสแกมเมอร์ขนาดใหญ่ เป็นผลให้มีคนต่างชาติที่ทำงานในพื้นที่ดังกล่าว ต่างหนีตายข้ามแม่น้ำเมย ผ่านช่องทางธรรมชาติเข้าไทยจำนวนมาก โดยมีกำลังทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองในพื้นที่เข้าสกัดจับกุม เพื่อตรวจสอบ คัดกรอง และส่งกลับประเทศ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 11พ.ย.2568 พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบช. โฆษก สตม. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 พย.ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ พล.ต.ต.ปิยะอนันต์ โตสกุลวงศ์ รอง ผบช.สตม. นำคณะบินเข้าพื้นที่ อ.แม่สอด จว.ตาก เพื่อร่วมคณะนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่เข้าพื้นที่แม่สอด เพื่อติดตามสถานการณ์การควบคุมส่งกลับของต่างชาติดังกล่าว โดยพบว่า มีคนต่างชาติที่ลักลอบหนีเข้าเมือง ตั้งแต่ 22 ต.ค. 2568 ประมาณ 1,440 คน ส่วนใหญ่เป็นชาติอินเดียถึง 465 คน รองลงมาเป็นชาติแอฟริกา 270 คน ฟิลิปปินส์ 220 คน จีน 187 คน ตามลำดับ โดยทุกรายจะมีการควบคุมตัวเพื่อเตรียมผลักดันกลับประเทศ ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522

ทั้งนี้ ทุกรายจะต้องมีการคัดกรองสัมภาษณ์ตามกระบวนการ NRM หรือ National Referral Mechanism กลไกการส่งต่อระดับชาติ ซึ่งเป็นระบบในการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือและคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานตามมาตรฐานสากล

นอกจากนั้น พล.ต.ท.ภาณุมาศ ได้สั่งให้ ตม.จว.ตาก ดำเนินการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์ Biometric คนต่างชาติทุกรายลงในระบบ สตม.เพื่อป้องกันคนต่างชาติเหล่านี้ เปลี่ยนแปลงตัวตนในเอกสารเดินทาง แล้วกลับเข้าประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นการแฝงตนเข้าไทย เพื่อหาโอกาสเดินทางกลับไปตกเป็นเหยื่อของกลุ่มสแกมเมอร์ในประเทศเพื่อนบ้านซ้ำรอยอีก

โดยสั่งการให้ ตม.สนามบิน ทุกแห่งเพิ่มความเข้มในการสกัด ตรวจสอบคนต่างชาติที่มีประวัติการถูกนำตัวส่งกลับจากแหล่งสแกมเมอร์ในเมียนมา ให้ปฏิเสธการเข้าเมืองทุกราย เนื่องจากมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจะเกี่ยวข้องกับการร่วมกระทำผิด โดยเฉพาะกลุ่มชาติเอเชียใต้ แอฟริกาตะวันออก รวมถึงการช่วยเตือนคนต่างชาติที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นถึงวัยกลางคนที่เดินทางมาคนเดียว แต่ไม่มีแผนการท่องเที่ยวที่ชัดเจน ไม่มีการซื้อตั๋วเดินทางกลับ และโรงแรมที่พัก จะถูกสัมภาษณ์แจ้งเตือนว่าอาจตกเป็นเหยื่อของกลุ่มสแกมเมอร์ที่หลอกให้มาทำงานผิดกฎหมาย ซึ่งตั้งแต่ต้นปี ทาง ตม.สนามบิน มีการแจ้งเตือนไปแล้วกว่า 3,384 ราย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top