กรมชลฯ ชี้อ่างเก็บน้ำรับน้ำเกิน 80% รวม 23 อ่างฯ เร่งระบายออกฝั่งตะวันออก-ตะวันตก ส่วนกรมอุตุฯ เตือนหลายพื้นที่ยังมีฝน อีสานอุณหภูมิลด 1-3 องศาฯ ด้าน ปภ.แจ้งคันกั้นน้ำพัง ที่ทางหลวง 311 ลพบุรี-ชัยนาท ส่งผลน้ำท่วม อ.อินทร์บุรี ขณะที่ชุมชนริมน้ำที่ปทุมธานี น้ำท่วมกว่า 1.5 เมตร
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ ว่ามีปริมาณน้ำในอ่างฯ อยู่ที่ 69,230 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) จากความจุทั้งหมด 76,506 ล้าน ลบ.ม.หรือคิดเป็น 90% (มากกว่าปี 2567 รวม 5,592 ล้าน ลบ.ม.) สามารถรับน้ำได้อีก 7,337 ล้าน ลบ.ม.โดยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งหมด 35 แห่ง พบมี 23 แห่ง มีปริมาณน้ำเกิน 81%
ด้านการบริหารจัดการลุ่มน้ำเจ้าพระยาเขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำรวม 24,588 ล้าน ลบ.ม. จากความจุทั้งหมด 24,871 ล้าน ลบ.ม.หรือคิดเป็น 99% โดยปริมาณน้ำจากพื้นที่ตอนบนที่ระบายจากเขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ และแควน้อยฯ ไหลมารวมกันที่ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสถานีวัดน้ำ C.2 ค่ายจิรประวัติ จ.นครสวรรค์ ปัจจุบัน 2,976 ลบ.ม./วินาทีไหลมารวมกับปริมาณน้ำ Side flow ทำให้มีปริมาณน้ำในการบริหารจัดการเหนือเขื่อนเจ้าพระยา 3,557 ลบ.ม./วินาที ทางกรมชลประทาน ได้บริหารจัดการน้ำ ดังนี้ ระบายน้ำฝั่งตะวันออกคิดเป็น 8% (296 ลบ.ม./วินาที)ระบายน้ำฝั่งตะวันตก คิดเป็น 10% (361 ลบ.ม./วินาที)ระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยา (C.13) คิดเป็น 82% (2,900 ลบ.ม./วินาที)
นอกจากนี้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ระบายน้ำลงสู่แม่น้ำป่าสัก 136 ลบ.ม./วินาที ไหลผ่านเขื่อนพระรามหก 396 ลบ.ม./วินาที ก่อนไหลมาบรรจบที่แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสถานี C.29B อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เฉลี่ย 2,427 ลบ.ม./วินาที
ส่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งว่าเกิดเหตุคันกั้นน้ำบนทางหลวงหมายเลข 311(ลพบุรี-ชัยนาท) ที่กั้นแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณวัดสำโรง เทศบาล ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ชำรุด ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่ต.อินทร์บุรี ต.ทับยา และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องขอให้ผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวและพื้นที่ใกล้เคียง ยกของขึ้นที่สูง เคลื่อนย้ายรถไปในที่สูง เคลื่อนย้ายกลุ่มเปราะบางไปยังที่ปลอดภัย ติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พื้นที่ จ.สิงห์บุรี เกิดเหตุแนวอุดช่องฟันหลอคันกั้นน้ำชั่วคราวบริเวณริมแม่น้ำช่วงวัดปราสาท ได้เกิดแตกและพังทลายลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มวลน้ำจำนวนมากทะลักเข้าท่วมพื้นที่ ได้แก่ ที่ว่าการ อ.อินทร์บุรี , สภ.อินทร์บุรีและวัดสำโรง เป็นต้น
ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน คาดว่าจะแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และทะเลจีนใต้ ส่งผลให้ลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกทม.และปริมณฑล ภาคใต้ตอนบน และภาคเหนือตอนล่าง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบน และห่างฝั่งของทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
อนึ่ง พายุโซนร้อน “ฟงวอง”(FUNG-WONG) บริเวณด้านตะวันออกของเกาะไต้หวัน มีแนวโน้มจะเคลื่อนไปทางจังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย
ที่ จ.นครสวรรค์ ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมใน อ.พยุหะคีรี ว่ายังคงน่าเป็นห่วง หลังจากแม่น้ำเจ้าพระยาล้นตลิ่ง ไหลเข้าท่วมพื้นที่ติดต่อกันนานกว่า 3เดือน โดยเฉพาะพื้นที่หมู่ 1–7 ต.ย่านมัทรี ทำให้หลายหมู่บ้านถูกตัดขาดชาวบ้านต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการเดินทางเข้าออก บางจุดซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำสูงถึงพื้นชั้น 2 ของบ้าน บางหลังเกือบมิดหลังคา ชาวบ้านต่างต้องอพยพไปยังที่พักพิงชั่วคราว
ทั้งนี้ ทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อ.พยุหะคีรี ระบุว่า ขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังทรงตัวอยู่ในระดับสูง และมีแนวโน้มเป็นเช่นนี้อีกหลายสัปดาห์ เนื่องจากการระบายน้ำจากเขื่อนยังดำเนินอยู่ ประกอบกับมีฝนตกในพื้นที่ จึงแจ้งเตือนประชาชนให้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สำหรับ อ.พยุหะคีรี ได้รับผลกระทบรวม 4 ตำบล ได้แก่ ต.พยุหะ ต.เทศบาลพยุหะ ต.น้ำทรง และ ต.ย่านมัทรี บ้านเรือนได้รับความเสียหายกว่า 1,000 หลังคาเรือน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างสำรวจความเสียหายและเร่งให้ความช่วยเหลือแล้ว
ส่วนที่ จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม หลังจากกลางดึกที่ผ่านมา มีฝนตกอย่างหนักที่ชุมชนวัดโคก ต.บางปรอก อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นชุมชนที่บ้านเรือนส่วนใหญ่อยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา โดยสถานการณ์น้ำชุมชนดังกล่าวมีความผันผวน รัดบน้ำช่วงเช้าอยู่ที่ 80 เซนติเมตร แต่ช่วบ่ายน้ำขึ้นโดยอยู่ที่ 1.5 เมตร ทำให้ภายในชุมชน รวมถึงวัดโคก และโรงเรียนวัดโคก ได้รับผลกระทบอย่างหนักจนโรงเรียนต้องประกาศหยุดการเรียนการสอน 1 สัปดาห์
นางชลณิชา อาษา อายุ 60 ปี ประธานอาสาชุมชนวัดโคก กล่าวว่า ชุมชนแห่งนี้มีบ้านเรือนทั้งหมด 80 หลังคาเรือนถูกน้ำท่วมนานกว่า 2 เดือนแล้ว หน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือมีเพียงเทศบาล โดยแจกถุงยังชีพและเงินเยียวยา 9,000 บาทเท่านั้น แต่ปัญหาใหญ่ที่เผชิญอยู่คือน้ำที่ไหลเข้ามาท่วมเป็นน้ำเน่า จากหมู่บ้านด้านหน้าที่สูบออกมาผ่านชุมชน ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ชาวบ้านที่จะออกจากบ้านเดินลงน้ำไม่ได้ พายเรือก็ลำบากเพราะน้ำเน่าเหม็นมาก ขยะก็ลอยมาตามน้ำ รถขยะก็เข้ามาเก็บไม่ได้ ตนและชาวบ้านบางส่วนต้องคอยช่วยกันเก็บขยะ จึงขอฝากถึงภาครัฐให้เข้ามาช่วยเหลือ เนื่องจากหลายครัวเรือนประสบปัญหาและเริ่มมีความเป็นอยู่ใช้ชีวิตประจำวันยากลำบาก
วันเดียวกัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวถึงสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ กทม.ว่า ตั้งแต่เวลาประมาณ 03.00 น.ที่ผ่านมา มีฝนตกต่อเนื่องและตกหนักในหลายเขต โดยเฉพาะเขตปทุมวัน ซึ่งมีปริมาณฝนสูงสุดถึง 111 มิลลิเมตร (มม.) รองลงมาคือราชเทวี 97 มม.ป้อมปราบศัตรูพ่าย 92 มม.ห้วยขวาง 82 มม.พญาไท 80 มม.และพระนคร 78 มม.ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชั้นในและฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา โดยมีรายงานน้ำท่วมขังรวม 57 จุด ในถนนสายหลักและย่านเศรษฐกิจ เช่น พระราม 4 พระราม 3 คลองเตย และบริเวณโดยรอบย่านรัชดาภิเษกประชาสงเคราะห์ศาลาแดง และราชดำริอย่างไรก็ตาม ทาง กทม.ได้เร่งระบายน้ำโดยใช้สถานีสูบน้ำและเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ในจุดวิกฤต ทำให้ระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว จนสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติแล้ว
“สาเหตุของน้ำท่วมครั้งนี้เกิดจากฝนตกหนักในระยะเวลาสั้น ไม่เกี่ยวข้องกับน้ำเหนือหรือระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยระบบสูบน้ำและสถานีระบายน้ำทุกแห่งทำงานเต็มกำลัง ทำให้น้ำลดลงอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง ทั้งนี้ กทม.อยู่ระหว่างเร่งดำเนินโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำบริเวณถนนรัชดาภิเษก เชื่อมต่อคลองลาดพร้าว ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในแนวถนนรัชดาภิเษก และป้องกันน้ำท่วมขังซ้ำซากในพื้นที่ชั้นใน คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2569 ” นายชัชชาติ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี