‘ตำรวจชัยภูมิ’สร้างเครือข่ายนักล่า‘สแกมเมอร์’ ดึงเยาวชน 3 หมื่นคนร่วมทัพต้านโกงออนไลน์

ท่ามกลางวิกฤตอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่ทวีความรุนแรงทั่วโลกประเทศไทยต้องเผชิญกับการโจมตีในรูปแบบใหม่ๆ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มียอดแจ้งความทะลุ 1 ล้านครั้ง มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 100,000 ล้านบาท และในปัจจุบันยังมีผู้ตกเป็นเหยื่อเฉลี่ยวันละกว่า 3,000 ราย คิดเป็นความเสียหายกว่า 70 ล้านบาทต่อวัน

พล.ต.ต.สุจริต ปาณเล็ก ผบก.ภ.จว.ชัยภูมิ เปิดเผยว่า จากสถิติในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน พบการแจ้งความคดีไซเบอร์กว่า 6,000 เรื่อง โดยคดีท็อปฮิตยังคงเป็น การหลอกขายสินค้า, หลอกโอนเงินทำงานพิเศษ, หลอกรับรางวัล และแก๊งเงินกู้ออนไลน์ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนอย่างหนัก เพื่อเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุและสนองนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ที่กำชับให้ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเชิงรุก ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ จึงได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนดิจิทัลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม (DE) จัดทำ "โครงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแก่เยาวชนในจังหวัดชัยภูมิ เพื่อให้ปลอดภัยในสังคมดิจิทัล" โครงการนี้แบ่งเป็น 2 กิจกรรมสำคัญ คือ

1.สร้างครูแม่ไก่: อบรมข้าราชการตำรวจในสังกัด 200 นาย ให้มีความเชี่ยวชาญด้านกลโกงไซเบอร์

โดยมี พล.ต.ต.ไพโรจน์ ขุนหมื่น รอง ผบช.ภ.3 ได้เดินทางมาเป็นประธานเปิดการอบรม พร้อมวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) มาร่วมถ่ายทอดความรู้

2. ขยายผลสู่โรงเรียน: ตำรวจที่ผ่านการอบรมจะลงพื้นที่เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่นักเรียนมัธยมศึกษาใน 150 โรงเรียนทั่วจังหวัดชัยภูมิ ครอบคลุมทั้งโรงเรียนสังกัด สพม., สพป. และ อบจ.ชัยภูมิ โดยมีเป้าหมายสร้าง "นักรบไซเบอร์รุ่นเยาว์" จำนวนกว่า 30,000 คน

"เป้าหมายของเราไม่ใช่แค่ให้นักเรียนรู้ทันกลโกง แต่ต้องการให้พวกเขานำความรู้กลับไปเป็นเกราะป้องกันให้พ่อแม่ ผู้สูงอายุที่บ้าน และคนในชุมชน เกิดเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังภัยออนไลน์ที่เข้มแข็ง และลดตัวเลขความเสียหายในจังหวัดชัยภูมิให้ลดลงอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต" พล.ต.ต.สุจริต กล่าวทิ้งท้าย