วันพุธ ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
กทม. เตรียมพร้อมสถานพยาบาลรองรับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ - เร่งรณรงค์เชิงรุกฉีดวัคซีน 7 กลุ่มเสี่ยง / เผยป่วยสะสม 1.3 แสน ช่วงนี้พบระบาดเป็นกลุ่มในสถานศึกษา-เรือนจำ
นายเพชรพงษ์ กำจรกิจการ รองผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ (สนพ.) รักษาราชการแทน ผอ.สนพ. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมระบบบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขของ กทม. เพื่อรองรับการดูแลรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ ว่า สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปี2568 พบแนวโน้มผู้ป่วยลดลงต่อเนื่อง สนพ. ได้ติดตามสถานการณ์ของโรคอย่างใกล้ชิด พบว่าแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยสะสมตั้งแต่ต้นปี 68 ของกรุงเทพฯ สอดคล้องกับภาพรวมของประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กอายุ 5–14 ปีเป็นกลุ่มที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงที่สุด เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงจากกาาอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน โดยเฉพาะในช่วงเดือน พ.ย. 68 ที่ยังคงพบการระบาดในลักษณะกลุ่มก้อน (Cluster) ในสถานที่ปิด เช่น สถานศึกษา เรือนจำ แม้ภาพรวมจะมีแนวโน้มลดลงก็ตาม
สนพ. ได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ในโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนของ กทม. โดยประสานสำนักการศึกษา (สนศ.) สำนักพัฒนาสังคม (สพส.) และสำนักอนามัย (สนอ.) ให้มีระบบคัดกรองนักเรียนที่มีอาการ รายงานข้อมูลให้ศูนย์บริการสาธารณสุขในพื้นที่ทันที รวมถึงประสานส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน หรือผู้ที่มีอาการรุนแรงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล พร้อมให้คำแนะนำการทำความสะอาดสถานที่และการพิจารณามาตรการปิดชั้นเรียนหากพบการระบาด รวมทั้งเฝ้าระวังแบบเครือข่ายโดยจัดตั้งระบบรายงานข้อมูลผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจจากสถานพยาบาลในสังกัด เพื่อประเมินความรุนแรงและติดตามสายพันธุ์ที่ระบาด ซึ่งพบว่า สายพันธุ์ A/H3N2 เป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุดถึงร้อยละ 76
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้โรงพยาบาลในสังกัด กทม. ทั้ง 11 แห่งเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์โรคระบบทางเดินหายใจ โดยให้สำรองยาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง พร้อมจัดเตรียมพื้นที่และเตียงผู้ป่วยสำหรับคลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ (ARI Clinic) และจัดระบบ Fast Track เพื่อให้ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงที่มีอาการรุนแรงได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ขณะเดียวกันได้กำชับให้บุคลากรทางการแพทย์เฝ้าระวังและติดตามผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนที่อาจเจ็บป่วยจากโรคระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง อาทิ โรคปอดอักเสบ และโรคติดเชื้อไวรัส RSV อย่างใกล้ชิดควบคู่กันไป
ขณะเดียวกันได้เดินหน้าการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน 7 กลุ่มเสี่ยง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอาการรุนแรงและเสียชีวิต โดยข้อมูลระดับประเทศ พบผู้เสียชีวิตร้อยละ 94 ไม่มีประวัติได้รับวัคซีน พร้อมทั้งขยายบริการวัคซีนไปยังประชาชนที่เข้ารับการตรวจสุขภาพโครงการ “ตรวจสุขภาพ 1 ล้านคน” นโยบายสำคัญของ กทม. ในการดูแลสุขภาพของประชาชนทุกคน รวมถึงเปิดให้ประชาชนสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลในสังกัด กทม. ทั้ง 11 แห่ง และศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 69 แห่ง เพื่อให้เข้าถึงการป้องกันโรคได้อย่างทั่วถึงและทันท่วงที
ย้ำให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี เนื่องจากสายพันธุ์ของเชื้อมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ รวมถึงเน้นย้ำการปฏิบัติตนเพื่อดูแลสุขภาพและป้องกันโรคด้วยการรักษาสุขอนามัย เช่น ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในพื้นที่แออัด หรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก และเมื่อมีอาการเจ็บป่วย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่และลดความเสี่ยงการติดเชื้ออื่น ๆ รวมถึงให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่นและหยุดเรียนหรือหยุดงานหากมีอาการไข้ ไอ หรือเจ็บคอ
ทั้งนี้ สำนักอนามัย (สนอ.) รายงานข้อมูลจนถึงวันที่ 15 พ.ย. 68 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สะสม 134,886 ราย คิดเป็นอัตราป่วยสะสม 2,472 รายต่อแสนประชากร มีผู้เสียชีวิตสะสม 6 ราย กลุ่มอายุที่พบอัตราป่วยสูงสุด ได้แก่ เด็กอายุ 5–9 ปี รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 0–4 ปี และ 10–14 ปี โดย สนอ. ได้ฉีดวัคซีนให้ประชาชน 7กลุ่มเสี่ยง ในศูนย์บริการสาธารณสุขทุกแห่ง รวมถึงออกหน่วยเชิงรุกในชุมชน สถานดูแลผู้สูงอายุ และโรงเรียนสังกัด กทม. โดยได้รณรงค์ฉีดวัคซีนประจำปีช่วงเดือน พ.ค. - ส.ค. 68 และให้บริการวัคซีน เพื่อควบคุมการระบาดในฤดูหนาว
037
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี