วันพุธ ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เปิดใจ! เจ้าของเรือกู้ภัยฝ่าน้ำเชี่ยวย่านตาขาว เครื่องดับ-พวงมาลัยขาด ชนเสาไฟฟ้าก่อนล่ม ข้าวกล่องไหลไปตามกระแสน้ำ จนท. จิตอาสารอดปลอดภัย เผยเครื่องยนต์หลุดหาย-ทรัพย์สินหายไปตามแรงน้ำ เสียร่วม 5 หมื่นบาท ลั่นไม่ท้อ ขอช่วยชาวบ้านต่อ ด้าน “สารวัตรเรย์” หนึ่งในจิตอาสาที่อยู่บนเรือได้นำข้าวกล่องหลายร้อยกล่อง ไปมอบให้ใหม่เพื่อทดแทนของชุดเดิมที่ถูกน้ำพัดไป
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (25 พ.ย.) เฟซบุ๊ก “Pongthep Ponrak” ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอเหตุการณ์ขณะเรือกู้ภัยลำหนึ่งขับฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวบริเวณสามแยกโรงเรียนบ้านย่านตาขาว ในเขตเทศบาลตำบลย่านตาขาว ขณะกำลังนำข้าวกล่องไปแจกให้ชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วมและยังติดค้างอาศัยอยู่ภายในบ้าน
แต่ระหว่างปฏิบัติภารกิจ ปรากฏว่าสายพวงมาลัยของเรือเกิดขาด และเครื่องยนต์ดับลงกะทันหัน ทำให้ไม่สามารถบังคับเรือได้ ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลแรงอย่างมาก ภายในเรือมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สมาชิกสภาเทศบาล (สท.) และจิตอาสาอยู่บนเรือหลายคน ส่งผลให้เรือพุ่งไปกระแทกกับเสาไฟฟ้าอย่างจัง แรงปะทะทำให้ข้าวกล่องที่นำมาด้วยตกลงน้ำและถูกกระแสน้ำพัดลอยไปตามกระแสน้ำ
อย่างไรก็ตาม หลังจากข้าวกล่องทั้งหมดถูกกระแสน้ำพัดหายไป ในวันนี้ (26 พ.ย.) พ.ต.ต.ศิวกรณ์ แป้นไทย หรือสารวัตรเรย์ สว.กก.สส.ภ.จว.ตรัง หนึ่งในจิตอาสาที่อยู่บนเรือลำดังกล่าว ได้ร่วมกับคณะนำข้าวกล่องจำนวนราว 200 กว่ากล่อง กลับไปมอบให้เจ้าหน้าที่ เพื่อนำไปส่งต่อให้ชาวบ้านเป็นการทดแทนของชุดเดิมที่ถูกน้ำพัดไป เพื่อให้ชาวบ้านได้รับความช่วยเหลือครบถ้วนตามที่ตั้งใจไว้

นายสมพร ภักดี อายุ 47 ปี อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ เปิดเผยว่า ตนเป็นเจ้าของเรือที่ประสบเหตุล่ม โดยในขณะที่เกิดเหตุนั้น มีผู้โดยสารรวม 7 คน ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจและจิตอาสา กำลังออกปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือและอพยพผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ภายในบ้าน รวมทั้งนำข้าวกล่องไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านในพื้นที่น้ำท่วม
นายสมพร เล่าว่า ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ น้ำมีความเชี่ยวและแรงมาก ประกอบกับเครื่องยนต์มีปัญหาพอดี ทำให้เครื่องยนต์ดับ ส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมเรือได้ จึงพุ่งไปกระแทกเสาไฟฟ้าก่อนพลิกคว่ำลงกลางน้ำ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ มีเพียงทรัพย์สินและสิ่งของที่ได้รับความเสียหาย ข้าวกล่องที่เตรียมไปแจกชาวบ้านตกลงน้ำทั้งหมด ขณะเดียวกันเครื่องยนต์เรือของตนซึ่งมีมูลค่าประมาณ 30,000 บาทถูกกระแสน้ำพัดหายไป
นอกจากนี้กระเป๋าส่วนตัวที่ภายในมีเอกสารสำคัญต่าง ๆ เงินสด 7,000 บาท โทรศัพท์มือถือไอโฟน และวิทยุสื่อสาร รวมมูลค่าทรัพย์สินในกระเป๋าประมาณ 20,000–30,000 บาท ก็สูญหายไปด้วย เมื่อนำมารวมกับราคาของเครื่องยนต์เรือ มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 50,000 บาท
นายสมพร กล่าวว่า คาดว่าทั้งเครื่องเรือและทรัพย์สินต่าง ๆ คงหาไม่เจอหลังน้ำลด เนื่องจากถูกกระแสน้ำแรงพัดลงคลองไปแล้ว แม้ต้องสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมาก แต่ยังไม่รู้สึกท้อ และยังคงกลับมาช่วยเหลือชาวบ้านต่อในวันนี้ ด้วยความตั้งใจและจิตอาสา โดยระบุว่าได้เดินทางมาช่วยจากจังหวัดกระบี่ด้วยใจจริง
นายสมพร ภักดี อายุ 47 ปี อาสามูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ เล่าว่า ตนเป็นเจ้าของเรือลำดังกล่าว โดยอยู่บนเรือกัน 7 คน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และจิตอาสา กำลังออกไปช่วยเหลือและอพยพผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ภายในบ้าน พร้อมไปแจกข้าวให้กับชาวบ้าน พอดีจังหวะนั้นน้ำเชี่ยว น้ำแรง ประกอบกับน้ำมันเครื่องยนต์เรือหมดพอดี ทำให้เครื่องดับและเรือ จึงควบคุมเรือไม่อยู่ ได้ไปกระแทกกับเสาไฟฟ้าและล่มซึ่งไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ มีเพียงข้าวของเสียหาย ข้าวกล่องที่จะนำไปแจกก็ตกน้ำ และเครื่องยนต์เรือของตน ราคาประมาณ 30,000 บาท ได้หลุดหายไปตามกระแสน้ำยกเครื่อง

รวมทั้งกระเป๋าของตน ซึ่งด้านในมีบัตรสำคัญต่างๆ กระเป๋าตังมีเงินอยู่ด้านใน 7,000 บาท โทรศัพท์มือถือไอโฟน วิทยุสื่อสาร มูลค่าของในกระเป๋าประมาณ 2-3 หมื่นบาท รวมเครื่องยนต์ด้วยทั้งหมดก็ประมาณ 5 หมื่นกว่าบาท หายไปกับน้ำหมดเลย ซึ่งคิดว่าทั้งเครื่องเรือและทรัพย์สินต่างๆหลังน้ำลดก็คงจะไม่ได้กลับแล้ว เพราะด้วยความแรงน้ำคงจะถูกซัดไปลงในลำคลอง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกท้อวันนี้ก็กลับมาช่วยเหลือกันใหม่ มาช่วยเหลือชาวบ้านด้วยใจกัน เพราะตนก็เดินทางมาช่วยจาก จ.กระบี่
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาล ต.ย่านตาขาว เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น ระดับน้ำได้ลดลงบ้างแล้ว แม้ว่าจะยังมีฝนตกสลับหยุดอยู่เป็นระยะ แต่บางจุดยังคงมีความลึกอยู่กว่า 1 เมตร เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ติดกับลำคลอง หากไม่มีน้ำป่าไหลหลากเพิ่มเติมหรือฝนตกหนักลงมาอีก คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในเร็ววันนี้ แต่ยังคงมีพื้นที่ที่น้ำยังเข้าท่วมสูงในพื้นที่ อ.เมืองตรัง และ อ.กันตัง
สำหรับภาพรวมสรุปสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.ตรัง ระหว่างวันที่ 19-26 พ.ย.68 พื้นที่ประสบภัยแล้ว 9 อำเภอ 59 ตำบล 335 หมู่บ้าน 7 เทศบาล 33 ชุมชน 13,552 ครัวเรือน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 100,000 คน เสียชีวิตแล้ว 2 คน ทางจังหวัดประกาศเขตภัยพิบัติทั้ง 9 อำเภอ.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี