พลเมืองดีใจกล้า! ผกก.บุรีรัมย์ มอบรางวัลยกย่อง 2 ฮีโร่ ช่วยสาวถูกอดีตแฟนทำร้าย แม้ตัวเองบาดเจ็บสาหัส

วันที่ 28 พ.ย.68 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ ได้จัดพิธีมอบรางวัลและประกาศเกียรติคุณเพื่อยกย่อง นายสมศักดิ์ เจริญรัมย์ อายุ 35 ปี และนายพรพจน์ เกื้อรัมย์ อายุ 31 ปี ชาวบ้านจากหมู่ที่ 6 ต.สองห้อง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ในฐานะพลเมืองดีผู้กล้าหาญ

ทั้งสองได้รับคำชื่นชมจากการเข้าช่วยเหลือ น.ส.สุธามาศ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 17 ปี ที่ถูกนายปุริมปรัชญ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี อดีตแฟนหนุ่ม ชาวจังหวัดอุดรธานี ทำร้ายร่างกายบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 แม้เหตุการณ์จะผ่านมาเกือบ 1 ปี แต่การกระทำของทั้งสองยังคงเป็นที่ประจักษ์ถึงความกล้าหาญและความเสียสละ

ในเหตุการณ์ดังกล่าว นายสมศักดิ์ถูกแทงบริเวณกลางหลังจนต้องเย็บ 4 เข็ม ส่วนนายพรพจน์ถูกฟันบริเวณศีรษะเย็บ 8 เข็ม จากการเข้าช่วยเหลือ น.ส.สุธามาศ ซึ่งขณะนั้นกำลังถูกทำร้ายอย่างรุนแรง

พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ย กล่าวว่า แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วเกือบปี แต่การยกย่องพลเมืองดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างสังคมที่ปลอดภัย และสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่กล้าหาญในการเข้าช่วยเหลือผู้อื่น

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก นายสมศักดิ์และนายพรพจน์ ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ หลังเกิดเหตุเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2567 แต่คดีไม่คืบหน้า เมื่อพนักงานสอบสวนคนเดิมได้ย้ายไปอยู่หน่วยงานอื่น ทั้งสองจึงกลับมาติดตามคดีเดิมอีกครั้ง และได้เข้าพบ พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ย ซึ่งได้เร่งรัดให้มีการติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหานายปุริมปรัชญ์ในข้อหา "ทำร้ายร่างกายผู้อื่นและพกพาอาวุธ"

น.ส.สุธามาศ ผู้เสียหายอีกคน เล่าเหตุการณ์ว่า ตนกับนายปุริมปรัชญ์เคยคบหากันเป็นแฟน แต่ได้เลิกรากันไปนานแล้ว จู่ๆ มีเฟซบุ๊กที่เป็นผู้ชายเข้ามาขอเป็นเพื่อน ตนจึงรับเป็นเพื่อน ก่อนจะนัดกันมาเจอที่อ่างเก็บน้ำ พอมาถึง นายปุริมปรัชญ์ได้จู่โจมกระชากตนเข้าไปในที่มืด เมื่อตนขัดขืนก็ถูกชกต่อยหลายครั้ง ตนเห็นนายปุริมปรัชญ์พกมีดมาด้วย จึงกลัวจะเป็นอันตรายถึงชีวิต และตะโกนขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งมีชายสองคนวิ่งเข้ามาช่วยและถูกทำร้ายดังกล่าว

ด้านนายสมศักดิ์ หนึ่งในพลเมืองดี กล่าวว่า ตอนนั้นตนคิดว่าทั้งสองเป็นแฟนกัน แต่เห็นฝ่ายชายกำลังล็อกคอและลากตัวผู้หญิงไป เมื่อฝ่ายหญิงร้องขอความช่วยเหลือ ตนกับเพื่อนจึงวิ่งเข้าไปช่วยโดยไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุมีอาวุธ ยอมรับว่าการเข้าไปช่วยนั้นมีความเสี่ยง แต่หากปล่อยให้น้องเป็นอันตรายถึงชีวิต ตนกับเพื่อนก็คงรู้สึกผิดไปตลอด เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา