กระทรวงเกษตรฯ-รักบ้านเกิด-ทรู หนุนเกษตรไทย ยกระดับรับความท้าทาย Climate Change

กระทรวงเกษตรฯ-รักบ้านเกิด-ทรู หนุนเกษตรไทย ยกระดับรับความท้าทาย Climate Change

วันจันทร์ ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 16.21 น.

กระทรวงเกษตรฯ-มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด-ทรู แนะเกษตรกรไทยเร่งปรับตัวเกาะติดโจทย์ใหญ่ Climate Change ใช้เทคโนโลยีเพิ่มขีดความสามารถแข่งตลาดโลก ชี้เกษตรกรรุ่นใหม่คือผู้นำการเปลี่ยนแปลงสีเขียว

คุณบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด ผู้ริเริ่มโครงการฯ กล่าวในงานประกาศผล “เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2568” ภายใต้แนวคิด “ฟาร์มแห่งอนาคต เกษตรกรผู้นำการเปลี่ยนแปลงสีเขียว” ว่า ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดงานนี้ขึ้น เพื่อยกย่องเกษตรกรต้นแบบที่ประยุกต์ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี และแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน ในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยให้ก้าวทันต่อความเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและความท้าทายในอนาคต ซึ่งในปีนี้เป็นการจัดประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ปีที่ 17


โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยที่แท้จริงมีอยู่ 2 ส่วน คือ อาหารและการท่องเที่ยว และย้ำว่าประเทศไทยควรเน้นการเพราะปลูกสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นที่ต้องการของชาวโลก อีกทั้งยังเห็นโอกาสทางโลจิสติกส์ ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดเส้นทางรถไฟสายฉงชิ่ง-มาบตาพุด/ระยอง ที่ใช้เวลาเดินทางเพียง 4 วัน ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการส่งออกสินค้าไทยไปตลาดจีน อีกทั้งฝากความหวังกับเกษตรกรรุ่นใหม่ของไทย ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมากให้กับภาคเกษตรของประเทศ เห็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากขึ้น ไม่ได้เพียงแต่ทำอาชีพเกษตรเพื่อยังชีพเท่านั้น แต่เป็นการทำการเกษตรเพื่ออนาคตของประเทศ

นางสาวนฤมล สงวนวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า แนวคิด “ฟาร์มแห่งอนาคต” เหมาะสมกับบริบทของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในยุคที่โลกกำลังเผชิญปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)  เราต้องเน้นย้ำไปที่ Climate Action (การลงมือปฏิบัติอย่างแท้จริง) เพื่อสร้างความมั่นคงของระบบอาหารไทย พร้อมแนะว่าระบบอาหาร (Food System) ในปัจจุบันควรเริ่มพิจารณาตั้งแต่เรื่องดิน โดยยกตัวอย่างการใช้เทคโนโลยีเพื่อวิเคราะห์ธาตุในดิน เพื่อให้ทราบความหวานของมะพร้าว และอาจลดการใช้ความหวานจากน้ำตาลได้

นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ภาคการเกษตรเป็นหนึ่งในเสาหลักของเศรษฐกิจไทย และเกษตรกรซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของชาติ คือรากฐานสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมให้เข้มแข็ง เพราะเป็นผู้ผลิตอาหารที่ปลอดภัย มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของประเทศ จึงมองเห็นความสำคัญของการใช้เทคโนโลยี และระบบนิเวศดิจิทัลครบวงจร มาช่วยแก้ไขปัญหาและรับมือกับความท้าทายสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ซับซ้อนและคาดเดาได้ยากขึ้น โดยพร้อมต่อยอดนำศักยภาพด้าน Climate-Tech ของทรู ตั้งแต่การนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ไปจนถึงระบบเกษตรแม่นยำอัจฉริยะ (IoT Precision Farming) พร้อมมุ่งสนับสนุนภาคการเกษตรไทยมีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ชื่นชมเกษตรกรรุ่นใหม่ที่แสดงให้เห็นถึงจิตใจที่เข้มแข็ง ในการเผชิญกับความไม่แน่นอนภายใต้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เกษตรกรยุคใหม่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน และจำเป็นต้องใช้ระบบคิดที่มีความซับซ้อนในการออกแบบพื้นที่ทางการเกษตร และผสมผสานเทคโนโลยี ทั้งนี้ ทิศทางของกรมฯ คือการผลักดันให้เกษตรกรยุคปัจจุบันเติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน และเป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” อย่างแท้จริง โครงการนี้จึงเป็นแบบอย่างที่ดีของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการยกระดับภาคการเกษตรไทยให้ก้าวทันโลก

สำหรับเกณฑ์การคัดเลือกเกษตรกรดีเด่น โครงการคัดเลือกเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี พ.ศ.2568 พิจารณาจากองค์ประกอบ 4 มิติ ได้แก่ 1.ด้านสังคม ความเป็นผู้นำ ถ่ายทอดความรู้ สร้างเครือข่าย และยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน 2.ด้านเศรษฐกิจ ความสามารถเพิ่มมูลค่าผลผลิต บริหารต้นทุน ขยายตลาด และพึ่งพาตนเอง 3.ด้านสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบ ฟื้นฟูดิน-น้ำ ใช้ทรัพยากรหมุนเวียน และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ และ 4.ด้านความยั่งยืน วิสัยทัศน์ระยะยาว การสืบทอดอาชีพ และความสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม-ภูมิอากาศ

ผสานไอทีและหลักคิดแบบวิศวกรยกระดับเกษตร

ทั้งนี้ เกษตรกรรุ่นใหม่ที่ผ่านเข้ารอบปีนี้มีจำนวน 10 คน มีความโดดเด่น ในการนำเทคโนโลยีและวิธีการจัดการที่เป็นระบบมาใช้ นับเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการเกษตรยุคใหม่ ได้แก่ ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ นายธราพงศ์ วงศ์วัฒนากิจ Gardener House จังหวัดราชบุรี นำเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มความแม่นยำและการลดต้นทุน เกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวน้ำหอมอินทรีย์รายนี้ จบจากด้านวิศวกรรม ได้นำเทคโนโลยี IoT หรือ Smart Sensor เข้ามาใช้ในการทำฟาร์ม เช่น Weather Station, Soil Tester, และระบบรดน้ำอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มความแม่นยำและประสิทธิภาพของผลผลิต ใช้ทักษะการคิดที่เป็นระบบของวิศวกรช่วยให้มีการวางแผนตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 นายอภิชาติ พูลเอียด ฟาร์มไส้เดือนบ้านเล็กในป่าใหญ่ จังหวัดพัทลุง อดีตวิศวกรโทรคมนาคม นำเทคโนโลยีมาใช้จัดการของเสีย พัฒนาฟาร์มไส้เดือนด้วยระบบ Smart Farm ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในโรงเรือน สามารถจัดการของเสียจากฟาร์มปศุสัตว์ได้ถึง 5 ตันต่อเดือน พร้อมต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์และสารปรับปรุงดินคุณภาพสูง

ขณะที่ นายสุพเจตน์ สินธุพัฒน์ สวนทุเรียน แม่น้ำภูเขา จังหวัดจันทบุรี ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการควบคุมคุณภาพและการจัดการวิกฤต ครอบคลุมทั้ง IoT Sensor, Drone, และ AI เพื่อเก็บข้อมูลและเปลี่ยนเป็นแผนการทำงาน การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพการส่งออก

สร้างมูลค่า-เพิ่มความสามารถแข่งตลาดโลก

นายสันติสุข พุฒพรม  กาแฟเขาพระเจ้า จังหวัดชุมพร รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ใช้เทคโนโลยีเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันตลาดส่งออก อดีตวิศวกรโยธารายนี้ ได้กลับมาทำสวนกาแฟคุณภาพพิเศษ (Fine Grade) ที่บ้านเกิด โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการดูดความชื้นระหว่างการตาก เพื่อให้ได้กาแฟที่มีคุณภาพและสะอาด สร้างการรวมกลุ่มเกษตรกรทั้งกาแฟและโกโก้ และรับซื้อผลผลิตในราคาที่สูงกว่าตลาดถึง 2 เท่า ปัจจุบัน ผลผลิตกาแฟ 90% ส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น

นายพีระพงษ์ แดงสะอาด ไร่แดงสะอาด อาณาจักรมันหวานญี่ปุ่น จังหวัดราชบุรี ประยุกต์ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อเสริมศักยภาพเกษตรกร ให้สามารถ "คุมตลาดและตั้งราคาได้เอง" พัฒนาระบบการผลิตที่สามารถแปรรูปมันหวานญี่ปุ่นเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมทานเก็บได้นานถึง 1 ปี โดยไม่ต้องแช่เย็นหรือใช้วัตถุกันเสีย ซึ่งช่วยลดต้นทุนการขนส่งได้อย่างมาก

นายสุพเจตน์ สินธุพัฒน์ สวนทุเรียน แม่น้ำภูเขา จังหวัดจันทบุรี ใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนภาคเกษตรไทย ให้เกิดการรวมแบรนด์เพื่ออำนาจต่อรอง มุ่งมั่นปั้นวิสัยทัศน์ให้เป็นจริงในการรวมกลุ่มเกษตรกรทุเรียนทั่วประเทศ เพื่อขายภายใต้แบรนด์ “One Brand Thailand” เพื่อเพิ่มอำนาจในการควบคุมคุณภาพและราคาในอุตสาหกรรม

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top