วันพฤหัสบดี ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ศาลให้ประกันนานา ไรบีน่า !ตีราคาประกัน 1ล้าน ห้ามออกนอก ประเมินความเสี่ยงไม่น่าหลบหนี แต่งตั้งที่ปรึกษาคลินิกจิตสังคมของศาลอาญาดูแลด้านโฆษกศาลยุติธรรมชี้เป็นวิธีการ เสริมกำลังเชิงบวกเพื่อดูแลผู้ต้องหาหรือจำเลย
เมื่อช่วงสายวันที่ 4 ธันวาคม 2568 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองกํากับการ 4 กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (กก.4 บก.ปอศ.) ได้ควบคุมตัวนางไรบีนา อินทชัย หรือนานา ไรบีนา อายุ 44 ปี อดีตนักแสดงสาว และพิธีกรชื่อดังผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงทรัพย์ และ พ.ร.บ.กู้ยืมเงิน อันเป็นการฉ้อโกงประชาชน มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลครั้งแรก
โดยพนักงานสอบสวนระบุพฤติการณ์แห่งคดีสรุปว่า เมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2565 ต่อเนื่องกัน ผู้ต้องหานี้ได้ชักชวน นายเอ นามสมมติ ผู้กล่าวหากับพวกและพยานรวม 10 รายร่วมลงทุนในธุรกิจนําเงินปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลร่วมกับนางตาว นามสมมติ ให้ผลตอบแทน 4-7 % ต่อ เดือน มีตัวอย่างการผู้มาขอกู้ยืมเงินได้แสดงให้ผู้กล่าวหาดู เช่น คุณ บี 5 ล้านบาท มีระยะเวลาในการจ่าย ผลตอบแทน 14 ธันวาคม 200,000 บาท,14 มกราคม 200,000 บาท, 14 กุมภาพันธ์ 200,000 บาท,14 มีนาคม 200,000 บาท เป็นต้น โดยผู้ต้องหา ได้เสนอแผนการลงทุนพร้อมผลตอบแทนในลักษณะดังกล่าวมายังผู้กล่าวหาจํานวน หลายครั้งปรากฏตามเอกสารที่ผู้กล่าวหามอบให้พนักงานสอบสวน จึงเชื่อว่ามีการทําธุรกิจจริง ผู้กล่าวหากับพวกจึงตัดสินใจร่วมลงทุน โอนเงินผ่านบัญชี โดยมีชื่อผู้ต้องหาเป็นผู้เปิดบัญชี จำนวน 4 บัญชี โดยผู้กล่าวหาได้ลงทุนไปในช่วงแรกของการลงทุนผู้กล่าวหาได้รับผลตอบแทนตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างจริงได้ลงทุนเพิ่มตามแผนการลงทุนที่ผู้ต้องหา ได้เสนอมาแต่ละครั้ง
ต่อมาเมื่อประมาณเดือนมกราคม -กุมภาพันธ์ 2568 ผู้ต้องหาได้หยุดจ่ายผลตอบแทนพร้อมเงินต้น ผู้กล่าวหาจึงได้ทวงถามผู้ต้องหา แจ้งว่า ถูกหน่วยงานของรัฐอายัดบัญชีธนาคาร ทําให้ไม่สามารถจ่ายเงินผลตอบแทนและเงินลงทุนคืนให้ได้ จึงได้สอบถามว่าจะได้เงิน ผลตอบแทนตามกําหนดเมื่อไรเพราะล่วงเลยมาพอสมควรแล้ว ก็ไม่ได้ให้คําตอบที่แน่ชัด เพียงแต่ผู้ต้องหาบอกว่าประมาณเดือน ตุลาคม 2568 จะได้เงินคืนทั้งหมด และได้ออกเช็คธนาคารให้กับผู้กล่าวหากับพวก ปรากฏตามเอกสารที่ได้มอบให้ให้พนักงาน สอบสวน เพื่อชําระเงินต้นและผลตอบแทน ซึ่งเช็คบางฉบับผู้กล่าวหา ซึ่งธนาคารปฏิเสธการจ่าย โดยอ้างว่าเงินในบัญชีไม่พอจ่าย
กระทั่งประมาณเดือน กันยายน 2568 ผู้ต้องหาออกมาชี้แจงว่าไม่ได้มี การนําเงินของผู้กล่าวหาไปลงทุนในธุรกิจจริง แต่คนที่กล้างอ้างถึงนั้นมีตัวตนอยู่จริงแต่ไม่ได้มีการ นําเงินผู้กล่าวหาและบุคคลรายอื่นไปลงทุน ซึ่งแต่ละรายถูกหลอกลวงเช่นเดียวกับผู้กล่าวหาและได้นําเงินของผู้กล่าวหาไปใช้ เป็นประโยชน์ส่วนตน จึงขอเงินลงทุนคืน ภายหลังทราบว่าผู้ต้องหาไม่ได้ทําธุรกิจตามที่กล่าวอ้างจริง และมีบุคคลอื่นที่ถูกหลอกลวงเช่นเดียวกับผู้กล่าวหาเป็นจํานวนหลายสิบรายจึงเชื่อว่าถูกหลอกลวงแน่แล้วจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์รวมค่าเสียหาย จำนวนเงิน 152,907,577 บาท
และจากการสอบสวนได้มีการหลอกลวงผู้กล่าวหาและพยานอีกจํานวนหลายรายในการปกปิดข้อเท็จจริงอัน ควรบอกให้แจ้งโดยมีพฤติการณ์ในการหลอกลวงเพื่อให้ได้ซึ่งทรัพย์สิน เช่น นําเงินไปลงทุนธุรกิจบริษัทเกี่ยวกับกีฬา ( บาสเกตบอล)โดยไม่มีการทําธุรกิจจริง และจะให้ผลตอบแทน 40 เปอร์เซ็นต์, หลอกลวงขายหุ้นร้านตัดผมโดยบริษัท เนเวอร์เซคัทซ์ จํากัด ซึ่งหุ้นดังกล่าว ไม่ใช่หุ้นของผู้ต้องหา แต่กลับอ้างว่า นํา เงินไปลงทุนหุ้นกับบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญและจะนําผลตอบแทนมา ให้ปลอมแปลงเอกสารหลักฐานการโอนเงินเพื่อให้ผู้กล่าวหาหลงเชื่อว่ามีการนําเงินไปลงทุนในธุรกิจสินเชื่อ, หลอกลงทุนทําธุรกิจร้านอาหารที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จากพยานหลักฐานดังกล่าวจึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ต้องหา ได้กระทําความผิดพนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออํานาจศาลอาญาอนุมัติหมายจับที่จ.1795/2568 ลงวันที่ 2ธันวาคม2568
ต่อมาวันที่ 3 ธันวาคม 2568เจ้าหน้าที่ตํารวจจับกุมผู้ต้องหา ที่บ้านพัก ย่านคลองตันเหนือ เขตพระโขนง ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ.ดำเนินคดี
พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ ร่วมกู้ยืมเงินที่เป็น การฉ้อโกงประชาชน, ปลอมและใช้เอกสารปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน “ร่วมฉ้อโกงทรัพย์ ร่วมกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ปลอมและใช้เอกสาร ปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” อันเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,264,268,341,พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 3,4,5,7,12 ฯ.
ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
พนักงานสอบสวนยังทำการสอบสวนไม่เสร็จสิ้นเนื่องจากต้องสอบพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก และรอผลการตรวพิสูจน์ของกลาง, รอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา จึงขอฝากขัง ผู้ต้องหาระหว่างการสอบสวนเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 4 – 15 ธันวาคม นี้
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากมูลค่าความเสียหายในคดีสูงและคดีอยู่ในความสนใจของประชาชนเนื่องจากผู้ต้องหาเป็น บุคคลที่มีชื่อเสียง,มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์เพิ่มเติม ประกอบกับมีผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนีและไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายศาลพิจารณาคำร้องแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการฝากขังครั้งแรก น.ส.นานา ไรบีนา ผู้ต้องหาแล้ว ญาติผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวชั้นฝากขังนี้
ศาลอาญา พิเคราะห์แล้วมีคำสั่งว่า เมื่อพิจารณาประกอบรายงานประเมินความเสี่ยงแล้วเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไม่หลบหนี หรือไปก่อเหตุอันตรายอื่น จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างสอบสวน โดยตีประกันในวงเงิน 1 ล้านบาท และมีคำสั่งห้ามผู้ต้องหาเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล โดยให้แจ้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และให้แต่งตั้งผู้ให้คำปรึกษา ในคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมของศาลอาญา เป็นผู้กำกับดูแลทำหน้าที่ให้คำปรึกษาตามจำนวนครั้งที่ผู้ให้คำปรึกษาเห็นสมควร
ด้านนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำสั่งของศาลอาญาที่ให้แต่งตั้งผู้ให้คำปรึกษา ในคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมของศาลอาญา เป็นผู้กำกับดูแลทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ต้องหาระหว่างที่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวว่า คำสั่งดังกล่าวสืบเนื่องจากทางศาลอาญาได้พิจารณาแล้วเห็นว่าในระหว่างที่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว หากผู้ต้องหารายนี้ได้รับคำปรึกษาจากผู้ให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมซึ่งผ่านการอบรมการให้คำปรึกษาทางจิตสังคมตามหลักสูตรที่สำนักงานศาลยุติธรรมรับรองแล้ว น่าจะเกิดประโยชน์ต่อการเฝ้าระวังการกระทำความผิดซ้ำของผู้ต้องหาให้แก่สังคม
ขณะเดียวกันก็จะช่วยดูแลสภาพจิตใจให้แก่ผู้ต้องหาได้ด้วย กล่าวคือผู้ให้คำปรึกษาซึ่งเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการให้คำปรึกษาจะเข้าไปช่วยเหลือ ดูแลผู้ต้องหาที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวซึ่งถือว่ากำลังประสบวิกฤติในชีวิตและกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่มีความกดดัน ด้วยกระบวนการสัมภาษณ์เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ต้องหามีความรู้สึกว่าตนเองไม่โดดเดี่ยวเมื่อเกิดปัญหา ได้ระบายความรู้สึก อารมณ์ ความคิด และจินตนาการที่ถูกเก็บกด โดยมีผู้รับฟังที่เข้าใจ เห็นอกเห็นใจ ทำให้ผู้ต้องหารู้สึกผ่อนคลาย สามารถกลับคืนสู่สภาวะสมดุลทางจิตใจในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้บุคคลนั้นกลับมาเคารพตนเอง เห็นคุณค่าในตนเอง และผู้อื่น ส่งเสริมให้เกิดกลไกในการรับมือกับความทุกข์ใจ จนอาจสำนึกในสิ่งตนเองกระทำลงไป และหาทางแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
ดังนั้นกระบวนการนี้จะเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย ผู้ต้องหาจะฟื้นตัวจากความบอบช้ำได้เร็วขึ้น สำนึกในความผิดและเข้าแก้ไขความผิดพลาดของตนเอง ขณะเดียวกันก็เป็นการเฝ้าระวังความรู้สึกนึกคิดของผู้ต้องหาที่อาจหวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำให้แก่สังคมอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมนี้มีอยู่ที่ศาลยุติธรรมทั่วประเทศ หากศาลพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108 วรรคสาม และพระราชบัญญัติมาตรการกำกับและติดตามจับกุมผู้หลบหนีการปล่อยชั่วคราวโดยศาล พ.ศ. 2560 แล้วสามารถกำหนดมาตรการให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยเข้ารับการปรึกษาด้านจิตสังคมในระหว่างการปล่อยชั่วคราวได้ โดยคลินิกให้คำปรึกษาด้านจิตสังคมเป็นวิธีการ เสริมกำลังเชิงบวกเพื่อดูแลบุคคลที่ศาลจะคืนกลับสู่สังคมไม่ว่าจะด้วยวิธีการปล่อยชั่วคราว หรือการรอการลงโทษหรือรอการกำหนดโทษ หรือผู้ที่พ้นโทษ เพื่อมิให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยสาธารณะ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสาธารณะ ผู้เสียหายได้รับการดูแลบาดแผลทางใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี