ทำไมทองคำ 3 บาท ของพนักงาน 10 ปี ถึงกลายเป็นชนวนสงครามแรงงานแห่งปี

ทำไมทองคำ 3 บาท ของพนักงาน 10 ปี ถึงกลายเป็นชนวนสงครามแรงงานแห่งปี

วันเสาร์ ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 10.55 น.

ทำไมทองคำ 3 บาท ของพนักงาน 10 ปี ถึงกลายเป็นชนวนสงครามแรงงานแห่งปี

1. โรงงานแอร์ไดกิ้นที่อมตนคร ชลบุรี ถือเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุดของไดกิ้นในพื้นที่นี้เลยนะคะ พอถึงช่วงสิ้นปีแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติที่เราจะได้เห็นการเจรจาเรื่องผลประกอบการและโบนัสเพื่อเป็นกำลังใจให้กับพนักงาน ต้องบอกก่อนว่าพี่น้องที่ทำงานโรงงานเนี่ย เงินเดือนพื้นฐานอาจจะไม่เยอะมาก อย่างระดับพนักงานทั่วไปก็อาจจะประมาณ 10,000 ถึง 12,000 บาท ถ้าเป็นระดับหัวหน้างานหรือซุปเปอร์ไวเซอร์เงินเดือนอาจจะสูงขึ้นมาหน่อย แต่โดยรวมแล้วฐานเงินเดือนก็ยังไม่สูงนัก เพราะฉะนั้นชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาจะขึ้นอยู่กับการทำโอที (OT) และการรอโบนัสก้อนใหญ่ตอนสิ้นปีนี่แหละค่ะ โรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เลยต้องจ่ายโบนัสเยอะเพื่อชดเชยเงินเดือนที่ไม่สูงมากของพนักงานนะคะ


2. เรื่องโบนัสของโรงงานอุตสาหกรรมมักจะมาพร้อมกับตัวเลขที่น่าตื่นเต้นเสมอค่ะ บางที่ก็ให้ 5 เดือน 8 เดือน 10 เดือน หรือกระทั่ง 12 เดือนก็มีนะคะ นอกจากโบนัสที่นับเป็นเดือนแล้ว หลายโรงงานก็ยังใจดีมี เงินพิเศษ หรือที่เรียกกันว่าเป็นเงินขวัญถุงให้อีกด้วย เงินก้อนนี้ก็เพื่อให้พนักงานนำกลับไปเยี่ยมบ้าน ไปดูแลครอบครัว หรือซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นอย่างพัดลมหรือตู้เย็นนั่นเองค่ะ เรื่องแบบนี้เลยเป็นที่น่าจับตามาก ๆ ในช่วงปลายปี ใครได้เยอะแค่ไหนก็จะมีการแชร์กันในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ทำให้หลายคนแอบอิจฉาเลยล่ะค่ะ

พนักงาน

3. สำหรับกรณีของโรงงานไดกิ้นนี้ ก็ได้มีการเจรจาต่อรองกันระหว่างฝ่ายนายจ้างกับสหภาพแรงงาน ฝ่ายนายจ้างเองก็ได้สรุปข้อเสนอโบนัสที่ดูแล้วก็นับว่าเป็นตัวเลขที่ใช้ได้เลยนะคะ ข้อเสนอของนายจ้างคือการให้โบนัส 5 เดือน บวกกับเงินเพิ่มพิเศษอีก 12,000 บาท และยังมีส่วนของการปรับเงินเดือนขึ้นให้อีก 2% ด้วยค่ะ ตัวเลข 5 เดือนก็ถือว่าดีสำหรับโรงงานที่ตั้งใจจะให้โบนัสลูกจ้างอยู่แล้วนะคะ

4. แต่ทางฝั่งสหภาพแรงงาน ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนของลูกจ้างทั้งหมด ก็ได้มีการยื่นข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการเพื่อต่อรอง ข้อเรียกร้องของสหภาพฯ นั้นสูงกว่าข้อเสนอของนายจ้างพอสมควรเลยค่ะ โดยพวกเขาขอโบนัสที่ 8 เดือน พร้อมกับเงินเพิ่มพิเศษอีก 24,000 บาท และขอให้โรงงานปรับขึ้นเงินเดือนให้อีก 6% ด้วยนะคะ นอกจากนี้ยังมีข้อเรียกร้องที่สำคัญอีกอย่างที่เกี่ยวกับพนักงานที่ทำงานครบ 10 ปีด้วยค่ะ

5. เรื่องที่ดูจะเป็นประเด็นใหญ่ที่คุยกันไม่ลงตัวเลยก็คือข้อตกลงเรื่อง ทองคำ 3 บาท ค่ะ ทองคำนี้เป็นสวัสดิการสำหรับพนักงานที่ทำงานมาครบ 10 ปี โดยที่ไม่เคย ขาด ลา หรือมาสายเลยแม้แต่วันเดียว สิ่งนี้ไม่ใช่ข้อเรียกร้องใหม่นะคะ แต่เป็นสิ่งที่โรงงานได้ทำ สัญญาร่วมกัน ไว้กับพนักงานมานานแล้ว และมีระบุไว้เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจนด้วย สัญญาแบบนี้ถือเป็นแรงกระตุ้นที่ดีในการทำงาน แต่โรงงานอาจจะคิดว่าคงมีคนทำได้ตามเงื่อนไขนี้ไม่เยอะหรอก แต่ปรากฏว่าปีนี้มีพนักงานที่เข้าข่ายประมาณ 100 คนเลยค่ะ

6. ปัญหาเรื่องทองคำมันเกิดจากมูลค่าทองคำที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนั่นเองค่ะ เมื่อ 13 ปีก่อนที่ทำสัญญาไว้ ราคาทองคำโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 22,000 ถึง 24,000 บาทต่อบาท แต่พอมาถึงวันที่ 5 ธันวาคม (ตามข้อมูลในแหล่งข่าว) ราคาทองคำพุ่งขึ้นไปถึง 64,000 บาทต่อบาทแล้ว ลองคิดดูนะคะว่าถ้าต้องจ่ายทอง 3 บาท ให้พนักงานประมาณ 100 คนเนี่ย มูลค่ารวมมันจะสูงถึงกว่า 300 ล้านบาทเลยทีเดียว มันเป็นมูลค่าที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัวเลยนะคะ ทำให้การทำตามสัญญาที่เคยตกลงไว้กลายเป็นเรื่องใหญ่มากในปัจจุบัน

ทองคำ

7. ด้วยเหตุนี้ทางโรงงานจึงขอเจรจาเปลี่ยนการจ่ายทองคำ 3 บาท ให้เป็น เงินสด แทน โดยเสนอจ่ายเป็นเงินสดจำนวน 40,000 บาท แต่ทางสหภาพแรงงานซึ่งเป็นตัวแทนของลูกจ้างก็คงไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ง่าย ๆ เพราะมันต่างจากมูลค่าจริงของทองคำในปัจจุบันมาก ฝ่ายลูกจ้างยืนยันว่ายังไงก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้ทอง 3 บาท เหมือนเดิม หรืออย่างน้อยก็ต้องหาจุดที่เหมาะสมกว่านี้ การที่มูลค่าของสัญญาเดิมเพิ่มขึ้นขนาดนี้ก็ทำให้การเจรจาเรื่องสวัสดิการนี้มีความซับซ้อนและตึงเครียดมากยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ

8. บทบาทของสหภาพแรงงานถือว่าสำคัญมาก ๆ ในระบบโรงงานอุตสาหกรรมนะคะ สหภาพฯ มีไว้เพื่อช่วยต่อรองเรื่องต่าง ๆ ตั้งแต่ค่าจ้าง สวัสดิภาพ การลาป่วย การลาคลอด หรือสวัสดิการอื่น ๆ ลองคิดดูสิคะ ถ้าคนงานแค่คนเดียวหรือสองสามคนไปเรียกร้องอะไร นายจ้างก็อาจจะไม่ฟังและอาจจะถูกให้ออกไปเงียบ ๆ ได้ แต่เมื่อคนงานรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน มีตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมาย มันก็จะทำให้พวกเขามี อำนาจในการต่อรอง สูงขึ้นมาก และเป็นผลดีต่อคนงานทุกคนในโรงงานที่ได้รับสิทธิประโยชน์ตามไปด้วย

9. ในการเจรจาต่อรองค่าจ้างหรือโบนัสแบบนี้ เราต้องเข้าใจว่ามันเป็นเกมที่มีอำนาจต่อรองอยู่ทั้งสองฝั่งนะคะ คือทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้างต่างก็มีจุดยืนของตัวเองและมีเครื่องมือในการกดดันอีกฝ่าย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องหา จุดกึ่งกลาง ที่พอดีและเป็นที่ยอมรับร่วมกันได้ เพราะสุดท้ายแล้วต่างฝ่ายต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันอยู่ดี ทั้งเงินทุน ทักษะ และกำลังในการผลิต

10. เมื่อทั้งสองฝ่ายยืนยันในจุดยืนของตัวเองและไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน การเจรจาจึงไม่ประสบผลสำเร็จ ในสถานการณ์ที่การพูดคุยไม่ลงตัวแบบนี้ ลูกจ้างก็จะมี อาวุธ ของตัวเอง นั่นก็คือการ นัดหยุดงาน หรือการสไตรก์นั่นเองค่ะ แต่สิ่งที่น่าสนใจในกรณีนี้คือฝ่ายนายจ้างก็มี อาวุธ เช่นกัน ซึ่งก็คือการ ปิดงาน ค่ะ การปิดงานถือเป็นกลยุทธ์ตอบโต้ของนายจ้างที่เกิดขึ้นเมื่อการเจรจาตกลงกันไม่ได้นั่นเอง

ไดกิ้น

11. การปิดงาน ที่เกิดขึ้นกับโรงงานไดกิ้นไม่ได้หมายความว่าโรงงานเลิกกิจการหรือไล่พนักงานออกถาวรนะคะ การปิดงานคือการ หยุดการผลิต หรือหยุดสายพานการผลิตทั้งหมดชั่วคราว พนักงานก็ยังคงเป็นพนักงานของโรงงานอยู่เหมือนเดิม แต่ไม่มีงานให้ทำในระหว่างที่ปิดงาน การทำเช่นนี้เป็นการ ฟรีซ หรือหยุดเครื่องเล่นไว้ก่อน เพราะตกลงเรื่องสวัสดิการกันไม่ได้ แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ เมื่อไม่มีงานทำ พนักงานก็จะไม่มีรายได้หรือไม่มีเงินจ่ายให้ในช่วงนี้ด้วย

12. การปิดงานนี้กลายเป็นการ วัดความอึด ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างเลยค่ะ ฝั่งนายจ้างก็ต้องอึด เพราะเมื่อไม่มีการผลิตก็จะไม่มีสินค้า (แอร์) ขายออกสู่ตลาด ซึ่งหากมีความต้องการซื้อมาก โรงงานก็จะเสียโอกาสทางธุรกิจ ส่วนฝั่งลูกจ้างก็ต้องอึดไม่แพ้กัน เพราะถ้าไม่มีงานทำเป็นเดือน ๆ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายคะ ยิ่งพนักงานโรงงานที่มีเงินเดือนไม่สูง และต้องใช้ชีวิตแบบเดือนชนเดือนอยู่แล้วเนี่ย การไม่มีงานทำแม้แต่เดือนเดียวก็เป็นปัญหาใหญ่มาก ๆ เลย

13. สาเหตุหนึ่งที่ทำให้สหภาพแรงงานรู้สึกว่าข้อเรียกร้องของพวกเขานั้นสมเหตุสมผล ก็คือเรื่องผลกำไรของบริษัทนั่นเองค่ะ ประธานสหภาพแรงงานของไดกิ้นได้เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสูงถึง 5,900 ล้านบาท และมีเงินหมุนเวียนจำนวนมาก เมื่อบริษัทมีกำไรเยอะขนาดนี้ สหภาพฯ จึงเชื่อว่าข้อเรียกร้องที่ขอโบนัส 8 เดือน บวกเงินเพิ่ม 24,000 บาท และขอให้ทำตามสัญญาจ่ายทอง 3 บาทนั้น ไม่ใช่การเรียกร้องที่เกินจริงเลย เพราะทั้งโรงงานและแรงงานต่างก็เกื้อหนุนและได้รับประโยชน์ร่วมกันมาตลอดนะคะ

14. เมื่อดูจากตัวเลขการเจรจาที่ไม่ลงตัว เราจะเห็นช่องว่างที่ค่อนข้างกว้างค่ะ ฝ่ายนายจ้างยืนยันที่โบนัส 5 เดือน บวก 12,000 บาท ในขณะที่ฝ่ายลูกจ้างยืนยันที่ 8 เดือน บวก 24,000 บาท พร้อมกับการขึ้นเงินเดือน 6% (แม้ว่าต่อมาอาจจะมีการลดลงเหลือ 3% ในการเจรจา) และที่สำคัญคือต้องจ่ายทองคำตามสัญญา ไม่ใช่เงินสด 40,000 บาท การที่ทั้งสองฝ่ายยังคงยึดจุดยืนของตัวเองแบบนี้ ทำให้ปัญหาต้องหยุดชะงักไปก่อนด้วยการปิดงานนั่นเองค่ะ

พนักงาน

15. ในช่วงที่เรื่องนี้เป็นข่าวและมีการปิดงานไปก่อน ก็เกิดเป็นดราม่าในสังคมออนไลน์เหมือนกันนะคะ พนักงานบางคนได้รับแจกกระเป๋าไดกิ้นคนละใบ ทำให้ชาวเน็ตและพนักงานเองก็มีการโพสต์ข้อความเชิงเสียดสี บางคนก็บอกว่ากระเป๋าเอาไว้รอใส่โบนัส แต่บางคนก็แซวว่าเอาไว้ใส่เสื้อผ้าเตรียมแยกย้ายกลับบ้าน เพราะยังตกลงกันไม่ได้เลย แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่เกิดจากการตีความกัน แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดของสถานการณ์ที่ลูกจ้างต้องเผชิญในขณะที่ยังไม่มีข้อยุติ

16. เมื่อการเจรจาในระดับโรงงานไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ทางออกเดียวที่เหลืออยู่ก็คือการให้ คนกลาง เข้าไปช่วยไกล่เกลี่ยค่ะ คนกลางในที่นี้ก็คือหน่วยงานของรัฐบาล โดยเฉพาะกระทรวงแรงงาน หรือแรงงานจังหวัดนั่นเอง หน่วยงานเหล่านี้ไม่สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ เพราะหากปล่อยให้ลูกจ้างเป็นพันคนไม่มีงานทำนาน ๆ ก็จะกลายเป็นปัญหาสังคมในอนาคตแน่นอน รัฐบาลจึงต้องเข้ามาช่วยหาทางออกและไกล่เกลี่ยให้ได้ข้อสรุปที่ลงตัวที่สุดค่ะ

17. ปัญหาเรื่องการเจรจาต่อรองในภาคแรงงานแบบนี้ถือเป็นเรื่อง ปกติ มาก ๆ ในระดับสากลนะคะ เราไม่ควรคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่โตหรือคอขาดบาดตายอะไร การต่อรองสวัสดิการและค่าตอบแทนเป็นสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายของลูกจ้าง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ต้องมีทางออกและจะต้องสามารถตกลงกันได้ในที่สุด การที่โรงงานหรือแรงงานไม่ยอมกันเลย มันก็ทำให้เกิดผลกระทบต่อทั้งการผลิต การส่งออก และปากท้องของพนักงานด้วย

18. อำนาจในการต่อรองของสหภาพแรงงานในประเทศไทยยังอยู่ในระดับที่พอใช้ได้นะคะ แต่ถ้าเทียบกับประเทศอย่างเกาหลีใต้หรือประเทศในแถบยุโรปและอเมริกาเนี่ย สหภาพแรงงานที่นั่นจะมีความแข็งแกร่งมาก อย่างในเกาหลีใต้ สหภาพแรงงานถือว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะพวกเขามีเงินทุน มีสหกรณ์ และมีอำนาจในการพูดที่สูงมาก ส่วนในอเมริกาและอังกฤษ การจัดตั้งสหภาพแรงงานมีสัดส่วนเกินครึ่งของโรงงานอุตสาหกรรมเลยค่ะ

ไดกิ้น

19. ข้อสรุปที่หลายฝ่ายมองก็คือเรื่องนี้จะต้องจบลงได้ภายในเร็ววันค่ะ เพราะทั้งสองฝ่ายคงไม่สามารถ อึด ได้นานเท่ากัน นายจ้างก็ต้องเดินหน้าธุรกิจ และแรงงานก็ต้องมีรายได้ไปดูแลครอบครัว ยิ่งเรื่องนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ในสังคม ก็ยิ่งเป็นแรงผลักดันให้ต้องรีบหาข้อสรุปให้เร็วที่สุด มีการแว่ว ๆ มาว่าน่าจะมีการนัดเจรจากันอีกครั้งในวันที่ 8 ธันวาคม ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้วจะตกลงกันได้ที่จุดไหนนะคะ

20. หากมองในมุมของการหาจุดร่วม พี่ติ่งคิดว่าเรื่องที่เจรจากันไม่ลงตัวที่สุดก็คือการที่บริษัทไป เสียสัญญา เรื่องทองคำค่ะ เพราะการให้ทองคำเป็นสัญญาที่ทำไว้เป็นลายลักษณ์อักษร หากบริษัทไม่สามารถจ่ายทอง 3 บาทได้ตามสัญญา ก็อาจจะต้องมีการต่อรองเพื่อให้ลูกจ้างรู้สึกชื่นใจ อย่างเช่นขอต่อรองเหลือ 2 บาทได้ไหม หรืออย่างเรื่องโบนัสที่ขอ 8 เดือนและเสนอ 5 เดือน ก็อาจจะไปเจอกันที่ 6 เดือนครึ่ง หรือ 7 เดือน การเคารพกติกาที่ทำไว้ร่วมกันและการหาจุดที่ทั้งสองฝ่ายรับได้ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้ได้นะคะ

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องคลิกเลย

เพจดัง เผย ข่าวลือ พนักงานบริษัทไดกิ้นกลับใจ ขอรับโบนัสตามเดิม ไม่เป็นความจริง

เพจเจ๊ม้อย เปิดความหมาย ปิดงานงดจ้าง ไม่ใช่เลิกจ้าง

ไดกิ้น ประกาศปิดงานงดจ้างพนักงาน หลังตกลงโบนัสไม่เป็นผล

สรุปดราม่า พนักงานไดกิ้น หยุดงานประท้วงเรียกร้องเงินโบนัส ทองคำ จากบริษัท

ปิดงาน-กดดันพนักงาน เพจดังขุดเคส ไทยซัมมิท

 

ขอขอบคุณภาพจาก เฟซบุ๊ก กลุ่มพัฒนาแรงงานสัมพันธ์ตะวันออก - The Eastern Relation of Labour Group, เฟซบุ๊ก ท่านเปา, เฟซบุ๊ก อรรถรส, เฟซบุ๊ก Sirote Klampaiboon (ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์)

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top